ยาโวลทาเรน (Voltaren) – วิธีใช้ และผลข้างเคียง 

ผู้เขียน Dr. Sommai Kanchana
0
ยาโวลทาเรน

ยา Voltaren คืออะไร 

ยาโวลทาเรน (Voltaren) คือ กลุ่มยาต้านอักเสบชนิดที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAID) หรือเราเรียกกันว่า ยาไดโคลฟีแนคทำงานด้วยการไปลดสสารในร่างกายที่เป็นสาเหตุของอาการเจ็บปวดและการอักเสบ  ยาโวลทาเรนชนิดเม็ดใช้ในการรักษาอาการปวดระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง หรือมีสัญญานและอาการของภาวะข้อเสื่อมหรือโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ยาโวลทาเรนยังช่วยรักษาโรคข้อสันหลังอักเสบชนิดติดยึด ยาหยอดตาโวลทาเรล ใช้เพื่อรักษาอาการเจ็บปวด การอักเสบ และความไวต่อแสงหลังการผ่าตัดดวงตาหรือภาวะอาการทางดวงตาบางอย่าง ยาโวลทาเรลชนิดเจลใชเพื่อรักษาภาวะข้อเสื่อมที่บริเวณหัวเข่าหรือมือ

คำเตือน

ไม่ควรใช้ยาโวลทาเรลหากเคยมีประวัติแพ้ยาแอสไพรินหรือ NSAIDs (กลุ่มยาต้านอักเสบชนิดไม่มีสเตียรอยด์) ยาโวลทาเรลสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดหัวใจวายหรือโรคหลอดเลือดสมองมากขึ้น ห้ามใช้ยาไดโคลฟีแนคทั้งก่อนหรือหลังการผ่าตัดบายพาสหัวใจ (การผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจหรือ CABG) ยาไดโคลฟีแนคอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการมีเลือดออกในลำไส้หรือกระเพาะอาหาร ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้  ยาโวลทาเรลยังอาจเป็นสาเหตุทำให้มีเลือดไหลในลำไส้หรือกระเพาะอาหารซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้ ภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นโดยปราศจากคำเตือนในขณะมีการใช้ยานี้ โดยเฉพาะกับผู้สูงอายุ อ่านเรื่องราวที่น่าสน กระเพาะอาหารทะลุมีสาเหตุจากอะไร

ก่อนการรับประทานยาโซลทาเรล

ยาโวลทาเรลสามารถเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดภาวะหัวใจวายหรือโรคหลอดเลือดสมองเพิ่มขึ้น แม้จะไม่เคยมีปัจจัยเสี่ยงมาก่อนก็ตาม ห้ามใช้ยานี้ทั้งก่อนหรือหลังการผ่าตัดบายพาสหัวใจ (การผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจหรือ CABG)  ไม่ควรใช้ยาโวลทาเรลหากเกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้กับยาไดโคลฟีแนค หรือหากว่าเคยมีอาการหอบหืดกำเริบหรือมีปฏิกิริยาภูมิแพ้หลังรับประทานยาแอสไพรินหรือยา NSAID     เพื่อให้แน่ใจว่ายานี้มีความปลอดภัยสำหรับคุณ แจ้งให้แพทย์ทราบหากมีภาวะดังต่อไปนี้: ยา Diclofenac สามารถส่งผลกระทบต่อการตกไข่และอาจทำให้การตั้งครรภ์ยากขึ้นในขณะใช้ยานี้ หากกำลังตั้งครรภ์ ไม่ควรทานยาโวลทาเรลไปจนกว่าแพทย์จะแจ้งให้ทานได้ การรับประทานยากลุ่ม NSAID ในระหว่างช่วง 20 สัปดาห์สุดท้ายของการตั้งครรภ์สามารถทำให้เกิดภาวะเกี่ยวกับปัญหาไตหรือหัวใจที่รุนแรงในทารกในครรภ์ และอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนกับการตั้งครรภ์  อาจไม่มีความปลอดภัยในการให้นมบุตรในขณะการใช้ยานี้ ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับทุกความเสี่ยง ยาโวลทาเรลยังไม่ได้รับอนุมัติให้ใช้ในเด็กที่อายุน้อยกว่า 18 ปี

Votaren

ยา Voltaren ควรรับประทานอย่างไร 

การรับประทานยาโวลทาเรลตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด ปฏิบัติตามคำแนะนำใบสั่งจากฉลากยาและอ่านคู่มือการใช้ยาอย่างละเอียด แพทย์อาจมีการปรับเปลี่ยนปริมาณขนาดยาในบางครั้ง ใช้ยาในปริมาณต่ำที่ส่งผลให้เกิดประสิทธิภาพในการรักษาในอาการที่เกิดขึ้น ยาไดโคลฟีแนคที่ยี่ห้อแตกต่างกันจะมีปริมาณยาไดโคลฟีแนคที่แตกต่างกัน และอาจมีการใช้ที่แตกต่างกัน หากมีการเปลี่ยนยี่ห้อ ปริมาณขนาดยาอาจจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลง ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เกี่ยวกับปริมาณยาที่เรารับประทาน ปรึกษาเภสัชกรหากมีคำถามเกี่ยวกับยี่ห้อของยาไดโคลฟีแนคที่ได้รับมาจากร้านขายยา กลืนยาชนิดเม็ดทั้งหมดโดยไม่บด เคี้ยว หรือทำให้แตกหัก หากมีการใช้ยาโวลทาเรลในระยะยาว อาจจำเป็นต้องได้รับการตรวจทางการแพทย์บ่อยๆ อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจ ยาไดโคลฟีแนค เก็ยยาไว้ในอุณหภูมิห้อง ห่างไกลจากความชื้นและความร้อน ปิดฝาขวดยาให้แน่นสนิทเมื่อใช้เสร็จเรียบร้อย

จะเกิดอะไรขึ้นหากลืมรับประทานยา 

รับประทานยามื้อที่ลืมทันทีที่จำได้ ข้ามมื้อที่ลืมไปหากใกล้เวลายาในมื้อถัดไป ห้ามรับประทานยาเพิ่มพิเศษเพื่อทดแทนมื้อยาที่ลืม

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงคืออะไร

หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงทำให้มีเลือดออกในกระเพาะอาหารมากขึ้น หลีกเลี่ยงการรับประทานยาแอสไพรินหรือยากลุ่ม NSAIDs  จนกว่าแพทย์จะสั่งจ่ายยานี้ให้คุณ ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนการใช้ยาแก้ปวด ลดไข้ บวม หรือลดอาการหวัด/ไข้หวัดชนิดอื่นๆ เพราะอาจมีส่วนผสมที่คล้ายคลึงกับยาไดโคลฟีแนค (เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน คีโทโพรเฟนหรือนาพรอกเซน)

ผลข้างเคียงของยาโวลทาเรล

รับการช่วยเหลือฉุกเฉินหากมีสัญญานการเกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ต่อยาโวลทาเรล (มีผื่นขึ้น หายใจลำบาก บวมบริเวณใบหน้าหรือคอ) หรือมีปฏิกิริยาภูมิแพ้ผิวหนังรุนแรง (มีไข้ เจ็บคอ ตาร้อนผ่าว เจ็บที่ผิวหนัง ผื่นผิวหนังสีม่วง หรือแดงที่มีตุ่มพองและหลุดลอก) รับการช่วยเหลือฉุกเฉินหากมีสัญญานของภาวะหัวใจวายหรือโรคหลอดเลือดสมอง: มีอาการเจ็บหน้าอกที่แผ่กระจายไปที่กรามหรือหัวไหล่ เกิดอาการชาฉับพลันหรืออ่อนแรงด้านใดด้านหนึ่งของร่างกาย ลิ้นแข็งพูดไม่ชัด รู้สึกหายใจสั้น หยุดการใช้ยานี้และโทรหาแพทย์ทันทีหากมีอาการดังต่อไปนี้:
  • มีสัญญานแรกของผื่นผิวหนัง ไม่สำคัญว่าจะมีอาการเล็กน้อยก็ตาม
  • อาการคล้ายไข้หวัด
  • มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ – บวม น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รู้สึกหายใจสั้น
  • มีปัญหาเกี่ยวกับไต – ปัสสาวะน้อยหรือไม่ปัสสาวะเลย ปัสสาวะยากหรือเจ็บปวด มีอาการบวมที่แขนหรือขา รู้สึกเหน็ดเหนื่อยหรือหายใจสั้น
  • มีปัญหาเกี่ยวกับตับ – คลื่นไส้ ท้องเสีย ปวดท้อง (ช่วงบนด้านขวา) เหนื่อยล้า คัน ปัสสาวะสีเข้ม ดีซ่าน (ตาหรือผิวมีสีเหลือง)
  • มีสัญญานของเลือดออกในกระเพาะอาหาร – อุจจาระเหนียวหรือมีเลือดปน ไอเป็นเลือดหรืออาเจียนออกมามีสีคล้ายผงกาแฟบด
ผลข้างเคียงทั่วไปของยาโวลทาเรล ได้แก่
  • อาหารไม่ย่อย มีแก็ส คลื่นไส้ ปวดท้อง
  • ท้องเสีย ท้องผูก
  • ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ง่วงนอน
  • มีผลตรวจทางห้องแลบผิดปกติ
  • รู้สึกคัน เหงื่อออก
  • คัดจมูก
  • ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น
  • บวมหรือปวดที่บริเวณแขนหรือขา

ยาชนิดอื่นๆที่ส่งผลกระทบต่อยา Voltaren คือยาอะไรบ้าง 

ปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ยาโวลทาเรลหากมีการรับประทานยาต้านซึมเศร้า การรับประทานยาต้านเศร้าบางชนิดร่วมกับยากลุ่ม NSAID อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดรอยฟกช้ำ หรือเลือดออกง่ายขึ้น  แจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับยาอื่นๆทุกชนิดที่รับประทานอยู่ โดยเฉพาะ:
  • ยาความดันโลหิตหรือยาหัวใจ ซึ่งรวมไปถึงยาขับปัสสาวะหรือยาขับน้ำ
  • ยาไดโคลฟีแนครูปแบบอื่นๆ (อาร์โทรเทค เฟกเตอร์ เพนน์เซด โซลาเรซ ไดโคลฟีแนคชนิดยาทาเฉพาะภายนอก)
  • ยาเจือจางเลือด – วาร์ฟาริน คูมาดิน แจนโทเวน
  • ยากลุ่ม NSAIDs ชนิดอื่นๆ – แอสไพริน ไอบูโพรเฟน (แอดดิล มอทีน) นาพรอกเซน (อัลลีฟ) เซเลโคซิบ (เซเลเบร็กซ์) อินโดเมทาซิน มีล็อกซิแคมและอื่นๆ
รายชือยาดังกล่าวอาจไม่ใช่รายชื่อยาทั้งหมด ยาชนิดอื่นๆอาจส่งผลกระทบต่อยาไดโคลฟีแนคได้ ซึ่งรวมไปถึงยาตามใบสี่งจากแพทยและยาที่สามารถหาซื้อได้เองตามร้านขายยาทั่วไป วิตามินและผลิตภัณฑ์สมุนไพร

ใครที่ควรหลีกเลี่ยงยาโวลทาเรล

บุคคลที่มีภาวะต่อไปนี้ควรระมัดระวังหรือหลีกเลี่ยงการใช้ยานี้:
  • โรคภูมิแพ้:
  • ประวัติความเป็นมาของปฏิกิริยาภูมิแพ้ต่อ NSAIDs:
      • บุคคลที่มีประวัติอาการแพ้ รวมถึงโรคหอบหืด ผื่นที่ผิวหนัง หรืออาการแพ้อื่นๆ ต่อ NSAIDs ควรหลีกเลี่ยงโวลทาเรน
  • แผลในกระเพาะอาหารหรือมีเลือดออกในทางเดินอาหาร:
      • โวลทาเรนสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดแผลในกระเพาะอาหารและมีเลือดออกในทางเดินอาหารได้ บุคคลที่มีแผลในกระเพาะอาหารหรือมีประวัติเลือดออกในทางเดินอาหารควรหลีกเลี่ยง  
  • ประวัติความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร:
      • บุคคลที่มีประวัติความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคลำไส้อักเสบ (IBD) หรือโรคถุงผนังลำไส้อักเสบ อาจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อน 
  • หัวใจล้มเหลวอย่างรุนแรง:
      • โวลทาเรนอาจทำให้เกิดการกักเก็บของเหลวและอาการบวมน้ำ ซึ่งอาจทำให้ภาวะหัวใจล้มเหลวแย่ลงได้ ควรใช้ด้วยความระมัดระวังในบุคคลที่มีภาวะหัวใจล้มเหลวอย่างรุนแรง
  • ความดันโลหิตสูงรุนแรง :
      • โวลทาเรนอาจทำให้ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น บุคคลที่มีความดันโลหิตสูงอย่างรุนแรงควรใช้โวลทาเรนด้วยความระมัดระวัง และควรตรวจสอบความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอ
  • การทำงานของไตบกพร่อง:
      • โวลทาเรนถูกขับออกทางไต และบุคคลที่มีความบกพร่องในการทำงานของไตอาจจำเป็นต้องปรับขนาดยาหรืออาจจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงโวลทาเรน
  • การทำงานของตับบกพร่อง:
      • บุคคลที่มีความบกพร่องทางตับอย่างมีนัยสำคัญอาจจำเป็นต้องใช้โวลทาเรนด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากยาจะถูกเผาผลาญในตับ
  • ประวัติโรคหลอดเลือดสมองหรือหัวใจวาย:
      • โวลทาเรนอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ เช่น โรคหลอดเลือดสมอง หรือหัวใจวาย บุคคลที่มีประวัติเกี่ยวกับอาการเหล่านี้ควรใช้ โวลทาเรนด้วยความระมัดระวัง
  • การตั้งครรภ์ (ไตรมาสที่สาม):
      • ไม่แนะนำให้ใช้โวลทาเรนในช่วงไตรมาสที่ 3 ของการตั้งครรภ์ เนื่องจากอาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้ บุคคลที่ตั้งครรภ์ควรปรึกษากับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพก่อนใช้โวลทาเรน
  • ให้นมบุตร:
    • ความปลอดภัยของโวลทาเรนในระหว่างการให้นมบุตรยังไม่เป็นที่ยอมรับ ผู้ให้นมบุตรควรปรึกษากับแพทย์ก่อนใช้โวลทาเรน
จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ที่สมบูรณ์ของคุณ รวมถึงอาการป่วยที่มีอยู่ก่อนและยาที่คุณกำลังใช้ ก่อนที่จะใช้โวลทาเรน ใช้ยาโวลทาเรนตามปริมาณและคำแนะนำที่แนะนำโดยแพทย์หรือตามบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์เสมอ หากคุณพบผลข้างเคียงหรือข้อกังวลเกี่ยวกับการใช้ยาโวลทาเรน โปรดปรึกษาแพทย์ทันที
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด