เคล็ดลับหน้าใส (Tips for Clear Face) – การดูแลคำแนะนำการดูแล

หน้าใสใคร ๆ ก็อยากมีใช่ไหม แต่เนื่องด้วยหลายปัจจัย ไม่ว่าทั้งจะเป็นสภาพแวดล้อม หรือสุขภาพภายในอาจจะส่งผลให้หน้าของใครหลาย ๆ คนอาจจะใสได้ไม่สุด แต่เราจะรวมเคล็ดลับหน้าใสเอาไว้ให้ทุก ๆ คนได้ลองทำกันนะคะ 

วิธีดูแลหน้าใส

ล้างหน้าให้หมดจด พื้นฐานหน้าใส

การล้างหน้าให้สะอาดเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการมีใบหน้าใส ไร้สิวนั่นเอง รู้หรือไม่ว่าในแต่ละวัน ใบหน้าของเราต้องเผชิญกับฝุ่น ควัน สารเคมี สารพิษต่าง ๆ ที่อยู่ในอากาศ และเครื่องสำอาง แน่นอนถ้าเราไม่ทำความสะอาดหน้าให้สะอาด อาจจะทำให้ผิวมีการอุดตันได้ การล้างหน้าให้สะอาดจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ การใช้คลีนซิ่งก่อนให้โฟมล้างหน้าเป็นสิ่งที่หลายคนอาจมองข้าม แต่รู้หรือไม่ว่าบางครั้งแม้เราไม่ได้แต่งหน้า แต่กันแดดก็อาจจะทำให้มีสารตกค้างได้หากล้างไม่สะอาด และแค่โฟมล้างหน้าอาจจะไม่สามารถทำความสะอาดใบหน้าจากสารตกค้างเหล่านี้ได้ จึงจำเป็นต้องมีการใช้คลีนซิ่งก่อนทำความสะอาดโดยโฟมล้างหน้า หรือเจลล้างหน้าใด ๆ เพื่อลดการอุดตัน และการเกิดสิวนั่นเอง อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจเพิ่มเติม ครีมกันแดดดีอย่างไร

ครีมบำรุงต้องเข้ากับผิวหน้า

เลือกครีมบำรุงให้เข้ากับผิวเป็นสิ่งที่จำเป็นมากในการมีผิวใส หากเรารู้จักผิวตัวเองและเลือกใสสิ่งที่เหมาะกับผิวคุณ จะลดการเกิดสิวและการอุดตัน และสามารถทำให้ใบหน้าคุณผุดผ่องจากภายใน นอกจากรู้จักผิวของตัวเองแล้ว เรายังต้องรู้จักสารสกัดในครีมนั้น ๆ ครีมที่มีส่วนผสมของวิตามินบี 3 หรือ BHA อาจจะทำให้มีใบหน้าสดชื่น สวยใสได้ง่าย ๆ เลยล่ะ

หน้าไม่ใสให้ลองผลัดเซลล์ผิว

โดยปกติเซลล์ผิวจะมีการผลัดออกและเกิดเซลล์ผิวใหม่ทดแทนเซลล์ผิวชั้นหนังกำพร้า ทุกๆ  21-28 วัน แต่เมื่ออายุมากขึ้น การผลัดเซลล์ผิวอาจจะช้าลงก็เป็นได้ ดังนั้นการสครับผิวหรือผลัดเซลล์ผิวนั้นเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้เรามีหน้าใสกิ๊งได้ โดยการผลัดเซลล์นี้อาจจะเลือกใช้เป็นสครับจากธรรมชาติ หรือใช้ครีมที่มีส่วนผสมของเรติน เอ ในการผลัดเซลล์ผิวก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง และนอกจากนี้ยังมีการใช้กรด AHA หรือสารเคมีอื่น ๆ มาเป็นทางเลือกในการผลัดเซลล์เช่นกัน  อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจเพิ่มเติม การใช้ประโยชน์จากกรดซาลิไซลิก

Tips for Clear Face

ผิวสวยหน้าใสแค่น้ำเปล่าก็ช่วยได้

อยากหน้าใสให้ดื่มน้ำเยอะ ๆ การดื่มน้ำจะทำให้ทั้งผิวหน้าและผิวกายได้รับความชุ่มชื่น ลดการเกิดสิวและลดความหมองคล้ำบนใบหน้าได้ นอกจากนี้รับประทานผักผลไม้และอาหารที่เป็นประโยชน์ ดื่มน้ำวันละ 2 ลิตร เพียงแค่นี้ก็จะทำให้ผิวใสมีออร่าแล้วล่ะค่ะ 

กันแดดต้องมีเพื่อรักษาหน้าใส

รังสียูวีจากแสงแดดทำร้ายผิวเราได้มากที่สุด ทำให้ผิวแห้งกร้าน หมองคล้ำและมีริ้วรอยก่อนวัยอันควร ฟังแล้วน่ากลัวใช่ไหมคะ แต่รู้หรือไม่ว่ากันแดดมีความจำเป็นกับผิวเราอย่างมาก ถึงแม้ว่าวันที่แดดไม่ออกแต่นอกบ้านก็ยังมีรังสียูวีอยู่เช่นกันจึงทำให้แสงยูวีนั้นยังสามารถทำลายผิวได้อยู่ เลือกกันแดดที่มี SPF 30 ขึ้นไป ทาทุก ๆ สองชั่วโมง เพียงแค่นี้คุณจะปกป้องผิวและถนอมผิวป้องกัน ฝ้า กระ ริ้วรอยและความหมองคล้ำได้แล้วล่ะ ที่สำคัญอย่าลืมล้างหน้าให้สะอาดก่อนนอนล่ะ 

เคล็ดลับหน้าใสนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอรู้หรือไม่ว่าอาจจะทำให้หน้าใครหลายคนโทรม และหมองคล้ำได้ ดังนั้นการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเป็นเรื่องสำคัญต่อผิวเช่นกัน การนอนหลับเต็มอิ่มจะทำให้ผิว อิ่ม ฟู และสดชื่น ดังนั้นใส่ใจกับ Beauty Sleep กันนะคะ นอนหลับอย่างน้อย 8 ชั่วโมง รับรองผิวเกิดเจิดจำรัสแน่นอน

ออกกำลังกายแล้วหน้าใส

การออกกำลังกายเป็นประจำจะทำให้หน้าใสอมชมพู  เนื่องจากการออกกำลังกายจะช่วยให้การไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น ของเสียของร่างกายถูกขับออกมาทางเหงื่อ ออกซิเจนฟอกปอดและเลือดได้อย่างเต็มที่ ทำให้ผิวพรรณสวยจากภายในสู่ภายนอก ดังนั้นอย่าลืมออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาทีเพื่อผิวสวยและสุขภาพดีกันนะคะ

ออกกำลังกายแล้วหน้าใส

การออกกำลังกายเป็นประจำจะทำให้หน้าใสอมชมพู  เนื่องจากการออกกำลังกายจะช่วยให้การไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น ของเสียของร่างกายถูกขับออกมาทางเหงื่อ ออกซิเจนฟอกปอด และเลือดได้อย่างเต็มที่ ทำให้ผิวพรรณสวยจากภายในสู่ภายนอก ดังนั้นอย่าลืมออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาทีเพื่อผิวสวยและสุขภาพดีกันนะคะ

วิตามินช่วยหน้าใส

แม้ว่าผิวที่กระจ่างใสจะได้รับอิทธิพลจากปัจจัยต่างๆ รวมถึงพันธุกรรม พฤติกรรมการดูแลผิว และสุขภาพโดยรวม วิตามินบางชนิดก็มีบทบาทในการสนับสนุนสุขภาพผิว ต่อไปนี้เป็นวิตามินบางส่วนที่มักเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมผิวที่กระจ่างใสและมีสุขภาพดี:
  • วิตามินเอ:
      • บทบาท:รองรับการหมุนเวียนและการต่ออายุของเซลล์ผิว ช่วยรักษาสุขภาพผิว
      • แหล่งที่มา:มันเทศ แครอท ผักโขม ผักคะน้า ไข่ ตับ
  • วิตามินซี:
      • บทบาท:ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ สนับสนุนการผลิตคอลลาเจน และช่วยปกป้องผิวจากความเสียหาย
      • แหล่งที่มา:ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว (ส้ม มะนาว) สตรอเบอร์รี่  พริกหยวก บรอกโคลี กีวี
  • วิตามินอี:
      • บทบาท:คุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องผิวจากความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่น
      • แหล่งที่มา:ถั่ว (อัลมอนด์ เมล็ดทานตะวัน) ผักโขม บรอกโคลี อะโวคาโด น้ำมันดอกทานตะวัน
  • วิตามินดี:
      • บทบาท:มีความสำคัญต่อสุขภาพโดยรวม รวมถึงสุขภาพผิวด้วย รองรับระบบภูมิคุ้มกัน
      • แหล่งที่มา:แสงแดด ปลาที่มีไขมัน (ปลาแซลมอน ปลาทู) ผลิตภัณฑ์นมเสริม
  • วิตามินเค:
      • บทบาท:รองรับการแข็งตัวของเลือดและการรักษาบาดแผล
      • แหล่งที่มา:ผักใบเขียว (ผักคะน้า ผักโขม บรอกโคลี) กะหล่ำดาว
  • วิตามินบี 3 (ไนอาซิน):
      • บทบาท:รองรับเกราะป้องกันผิวหนัง อาจช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น
      • แหล่งที่มา:เนื้อสัตว์ สัตว์ปีก ปลา ธัญพืช ถั่วลิสง เห็ด
  • วิตามินบี 5 (กรดแพนโทธีนิก):
      • บทบาท:เกี่ยวข้องกับการให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวและช่วยในการรักษาบาดแผล
      • แหล่งที่มา:เนื้อสัตว์ ปลา ธัญพืช อะโวคาโด เห็ด
  • วิตามินบี 6:
      • บทบาท:สนับสนุนสุขภาพผิวโดยรวม
      • แหล่งที่มา:สัตว์ปีก ปลา มันฝรั่ง กล้วย ถั่วชิกพี
  • วิตามินบี 7 (ไบโอติน):
      • บทบาท:ส่งเสริมสุขภาพผิว ผม และเล็บ
      • แหล่งที่มา:ไข่ ถั่ว มันเทศ ผักโขม ปลาแซลมอน
  • วิตามินบี 12:
    • บทบาท:สำคัญต่อสุขภาพผิวโดยรวมและอาจช่วยในเรื่องสีผิว
    • แหล่งที่มา:เนื้อสัตว์ ปลา ผลิตภัณฑ์นม ไข่
สิ่งสำคัญที่ควรทราบคืออาหารที่สมดุลซึ่งมีสารอาหารหลากหลายชนิดเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสุขภาพโดยรวม รวมถึงสุขภาพผิวด้วย นอกจากนี้ การรักษาความชุ่มชื้น การปกป้องผิวจากแสงแดด และการดูแลรักษากิจวัตรการดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ เป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมผิวที่กระจ่างใสและมีสุขภาพดี ก่อนที่จะรับประทานอาหารเสริมวิตามินใดๆ ขอแนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพหรือนักโภชนาการเพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้รับสารอาหารครบถ้วนตามที่ต้องการ และเพื่อหลีกเลี่ยงปฏิกิริยาหรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด