โรคปริทันต์ (Periodontitis) : อาการ สาเหตุ การรักษา

โรคปริทันต์คือ

โรคปริทันต์ (Periodontitis) หรือโรคปริทันต์อักเสบ คือ การติดเชื้อที่รุนแรงของเหงือก เกิดจากแบคทีเรียที่สะสมบนฟันและเหงือกของคุณ เมื่อโรคปริทันต์อักเสบดำเนินไป กระดูก และฟันของคุณอาจเสียหายได้ อย่างไรก็ตาม หากรักษาปริทันต์อักเสบตั้งแต่เนิ่นๆ และรักษาสุขอนามัยช่องปากอย่างเหมาะสม ความเสียหายก็สามารถหยุดลงได้ เรื่องน่ารู้ของแบคทีเรียอ่านต่อที่นี่

อาการของโรคปริทันต์

อาการขึ้นอยู่กับระยะของโรคแต่สามารถกล่าวโดยรวมได้ดังนี้
  • เหงือกเลือดออก เมื่อแปรงฟันหรือใช้ไหมขัดฟัน
  • กลิ่นปาก
  • ตำแหน่งฟันเปลี่ยนแปลง
  • เหงือกร่น
  • เหงือกแดง นุ่ม หรือบวม
  • การสะสมของคราบพลัค หรือหินปูนบนฟันของคุณ
  • ปวดเมื่อเคี้ยว
  • การสูญเสียฟัน
  • รสชาติแปลกๆ ในปาก
อาการในระยะแรกของโรคปริทันต์อักเสบมักไม่ค่อยสังเกตเห็นได้ชัด มักจะพบเมื่อตรวจสุขภาพช่องปากประจำปีโดยทันตแพทย์ โรคเหงือกกับปัญหารำคาญใจ แก้ไขอย่างไรอ่านต่อได้ที่นี่

สาเหตุของโรคปริทันต์

ปกติแล้วคนที่มีสุขภาพดีจะมีแบคทีเรียหลายร้อยชนิดอยู่ในปาก แต่ส่วนใหญ่ไม่เป็นอันตราย แต่เมื่อคุณไม่ทำความสะอาดฟันอย่างถูกต้องในแต่ละวัน แบคทีเรียจะเติบโต และสะสมบนฟันของคุณ โรคปริทันต์อักเสบเกิดจากสุขอนามัยทางทันตกรรมที่ไม่ดี เมื่อไม่แปรงฟัน และไม่ทำความสะอาดในที่ที่เข้าถึงยากในปาก หรือทำความสะอาดได้ไม่ดี จะทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้ตามมา แบคทีเรียในปากของทวีคูณ และก่อตัวเป็นสารที่เรียกว่า คราบพลัคฟัน หากคุณไม่กำจัดคราบพลัคโดยการแปรงฟัน แบคทีเรียจะสะสมคราบพลัคเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป และคราบพลัคจะเกิดการสะสมจนกลายเป็นแร่ธาตุที่เรียกว่า หินปูน ซึ่งจะกระตุ้นให้แบคทีเรียเติบโตไปยังรากฟันมากขึ้น การตอบสนองทางภูมิคุ้มกันของร่างกายของคุณต่อการเติบโตของแบคทีเรียนี้นำไปสู่การอักเสบในเหงือกของคุณ เหงือกกับฟันจะไม่ยึดติดกันเหมือนเดิมจนทำให้เกิดช่องวา่าง แบคทีเรียชนิดที่ไม่ใช้ออกซิเจนที่เป็นอันตรายจะเสริมเจริญเติบโต ปล่อยสารพิษที่สามารถทำลายเหงือก ฟัน และโครงสร้างกระดูกที่รองรับ ปัจจัยที่ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคปริทันต์อักเสบได้แก่
  • สูบบุหรี่
  • เบาหวานประเภทที่ 2
  • โรคอ้วน
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในผู้หญิง (เช่น เมื่อมีประจำเดือน ตั้งครรภ์ หรือวัยทอง) มีส่วนทำให้เหงือกไวต่อความรู้สึกมากขึ้น
  • ภาวะที่ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน เช่น HIV หรือมะเร็งเม็ดเลือดขาว
  • กรรมพันธุ์
  • การขาดวิตามินซี
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องน่าสนใจ การเลือกแปรงสีฟันได้ที่นี่ Periodontis

การรักษาโรคปริทันต์

การรักษามีจุดมุ่งหมาย เพื่อขจัดคราบพลัค และแบคทีเรียที่สะสมบนฟัน และเหงือกของคุณ หลังจากทันตแพทย์ช่วยกำจัดคราบพลัคแล้ว จะแนะนำเกี่ยวกับวิธีลดจำนวนแบคทีเรียในปากของคุณ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการรักษาฟัน และเหงือกให้สะอาด ทันตแพทย์จะให้คำแนะนำในการใช้แปรงฟัน และไหมขัดฟันอย่างถูกต้อง และอาจแนะนำผลิตภัณฑ์สุขอนามัยในช่องปากอื่นๆ เช่น น้ำยาบ้วนปาก เป็นต้น

เคล็ดลับในการรักษาสุขภาพฟัน

  1. แปรงฟันวันละสองครั้งด้วยยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์
  2. ลองใช้แปรงสีฟันไฟฟ้าซึ่งอาจมีประสิทธิภาพมากกว่า
  3. ใช้ไหมขัดฟันอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง เพื่อขจัดคราบพลัค
  4. ไปพบทันตแพทย์อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง 
  5. อย่าสูบบุหรี่
  6. ทำความสะอาดให้ทั่วถึง
  7. พบทันตแพทย์เพื่อขจัดคราบพลัค และหินปูนออกจากฟันและรากฟัน รวมทั้งขัดฟัน และบำบัดด้วยฟลูออไรด์  หรือเราสามารถเรียกได้ว่า “การขูดหินปูน”
  8. ยาปฏิชีวนะ บางครั้งทันตแพทย์จะสั่งยาปฏิชีวนะ เพื่อช่วยรักษาการติดเชื้อเหงือกเรื้อรังที่ไม่ตอบสนองต่อการทำความสะอาด 
  9. ไปพบทันตแพทย์เป็นประจำตามนัดหมาย และตรวจสุขภาพช่องปากตามรอบประจำปีเสมอ (แนะนำ 6 เดือน/ครั้ง)
  10. หากการอักเสบยังคงอยู่ในบริเวณที่ไม่สามารถแปรงฟัน และใช้ไหมขัดฟันได้ ทันตแพทย์จะแนะนำให้ผ่าตัดเพื่อทำความสะอาดคราบสกปรกใต้เหงือก ภายใต้การดมยาสลบ เหงือกของคุณจะถูกกรีดออกไป และทำความสะอาดรากฟันของคุณ เหงือกของคุณจะถูกเย็บกลับเข้าที่
สุขภาพฟันกับรอยยิ้มเสริมสร้างอย่างไรอ่านต่อที่นี่ เราจะเห็นได้ว่าโรคปริทันต์เป็นไปได้ยากที่จะสังเกตเห็นด้วยตนเองในระยะแรก ซึ่งเป็นระยะสำคัญในการหยุดการอักเสบ ดังนั้นการไปพบทันตแพทย์เป็นประจำทุก 6 เดือน จะสามารถช่วยให้คุณพบสัญญาณโรคปริทันต์ตั้งแต่เนิ่นๆ และทำการรักษาได้ทัน รวมทั้งสิ่งสำคัญในการป้องกันโรคปริทันต์คือ การทำความสะอาดช่องปากอย่างมีประสิทธิภาพ
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด