อาหารไตสำหรับ CKD (Kidney diet for CKD) – แผนอาหารเพื่อสุขภาพ

คุณจำเป็นต้องมีแผนการรับประทานอาหารเมื่อมีภาวะโรคไตเรื้อรัง (CKD) การเฝ้าระวังสิ่งที่เรารับประทานและดื่มเพื่อช่วยให้มีสุขภาพที่ดีอยู่เสมอ ข้อมูลต่อไปนี้คือข้อมูลสำหรับคนเป็นโรคไตแต่ไม่ใช่กับคนที่ฟอกไต ข้อมูลที่มีใช้เป็นแนวทางขั้นพื้นฐาน ทุกคนต่างแตกต่างกันและต้องการสารอาหารที่แตกต่างกันไป ปรึกษานักโภชนาการโรคไต (ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องอาหารและสารอาหารในคนที่เป็นโรคไต) เพื่อหาแผนการรับประทานที่เหมาะสม

ทำไมแบบแผนการรับประทานจึงมีความสำคัญ 

สิ่งที่รับประทานและดื่มล้วนส่งผลต่อสุขภาพทั้งสิ้น การพยายามรักษาน้ำหนักตัวเพื่อสุขภาพและรับประทานอาหารให้มีความสมดุลคือรับประทานเกลือและไขมันให้ต่ำเพื่อช่วยควบคุมความดันโลหิต หากมีภาวะโรคเบาหวาน เราสามารควบคุมน้ำตาลในเลือดได้โดยการเลือกสิ่งที่รับประทานและดื่มอย่างระมัดระวัง การควบคุมความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวานอาจช่วยป้องกันโรคไตไม่ให้แย่ลงได้ อาหารที่ดีสำหรับไตอาจช่วยปกป้องไตไม่ให้เกิดความเสียหายในอนาคต อาหารสำหรับโรคไตจะเป็นการจำกัดอาหารบางชนิดเพื่อป้องกันแร่ธาตุในอาหารเหล่านั้นมาสะสมในร่างกาย

อาหารสุขภาพเบื้องต้น

ด้วยแบบแผนการรับประทานอาหารซึ่งรวมไปถึงอาหารสำหรับคนเป็นโรคไต ต้องมีการเฝ้าติดตามจำนวนสารอาหารบางชนิดที่รับประทาน เช่น:
  • แคลลอรี่
  • โปรตีน
  • ไขมัน
  • คาร์โบไฮเดรต
เพื่อให้แน่ใจว่าได้รับจำนวนสารอาหารที่ถูกต้อง คุณจำเป็นต้องรับประทานและดื่มในสัดส่วนอาหารที่ถูกต้อง ข้อมูลทั้งหมดที่ต้องเฝ้าติดตามในการรับประทานคือสิ่งที่อยู่บนฉลาก “ข้อมูลโภชนาการ” ใช้ข้อมูลโภชนาการที่อยู่บนฉลากอาหารเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ใในอาหารที่รับประทานเพิ่มมากขึ้นได้ บนข้อมูลโภชนาการจะบอกถึงปริมาณของโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมันและโซเดียมที่มีต่ออาหารแต่ละชนิด ซึ่งจะช่วยทำให้สามารถเลือกอาหารที่มีสารอาหารสูงตามที่ต้องการและสารอาหารต่ำที่ควรจำกัด ข้อมูลโภชนาการคือกุญแจสองสามอย่างที่จะให้รายละเอียดที่ต้องการ:

แคลลอรี่

ร่างกายต้องการพลังงานจากแคลลอรี่ที่เรารับประทานและดื่ม แคลลอรี่ที่ได้มาจากโปรตีน คาร์โบไฮเดรตและไขมันในอาหารที่รับประทาน จำนวนแคลลอรี่ที่ต้องการขึ้นอยู่กับอายุ เพศ ขนาดรูปร่างและระดับกิจกรรมที่ทำ อาจมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนปริมาณแคลลอรี่ที่รับประทานโดยดูพื้นฐานจากเป้าหมายน้ำหนักตัว บางคนอาจจำเป็นต้องจำกัดแคลลอรี่ที่รับประทาน ในบางคนอาจต้องการแคลลอรี่เพิ่มขึ้น แพทย์หรือนักโภชนาการจะช่วยหาจำนวนแคลลอรี่ที่ควรรับประทานในแต่ละวัน การทำงานร่วมกับนักโภชนาการจะช่วยเราในการวางแบบแผนเพื่อช่วยหาจำนวนแคลลอรี่ที่ถูกต้องและคอยเฝ้าติดตามช่วยเหลือ

โปรตีน

โปรตีนคือหนึ่งในรากฐานของร่างกาย ร่างกายของเราต้องการโปรตีนเพื่อการเจริญเติบโต รักษาเยียวยาและมีสุขภาพที่แข็งแรง การได้รับโปรตีนน้อยเกินไปอาจเป็นสาเหตุทำให้ผิวพรรณ เส้นผมและเล็บเริ่มอ่อนแอ แต่การได้รับโปรตีนมากเกินไปก็อาจเกิดปัญหาได้ การมีสุขภาพที่ดีและช่วยทำให้รู้สึกดี เราจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนปริมาณโปรตีนที่เรารับประทาน จำนวนโปรตีนที่ควรรับประทานนั้นขึ้นอยู่กับขนาดของรูปร่าง ระดับกิจกรรมที่ต้องทำและด้านสุขภาพที่ต้องเป็นกังวล แพทย์บางท่านอาจแนะนำให้คนที่มีภาวะโรคไตจำกัดโปรตีนหรือเปลี่ยนแหล่งของโปรตีน นั้นเป็นเพราะว่าการรับประทานโปรตีนในปริมาณสูงอาจทำให้ไตทำงานหนักขึ้นและอาจเป็นสาเหตุทำให้ไตเสียหายเพิ่มขึ้น ปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการอาหารถึงจำนวนโปรตีนที่ควรรับประทานและแหล่งของโปรตีนที่ดีที่สุดสำหรับคุณ ใช้ตารางด้านล่างนี้เพื่อศึกษาว่าอาหารชนิดใดมีโปรตีนสูงหรือต่ำ

อาหารโปรตีนต่ำ:

  • ขนมปัง
  • ผลไม้
  • ผัก
  • พาสต้าและข้าว

อาหารโปรตีนสูง:

  • เนื้อแดง
  • เนื้อไก่
  • ปลา
  • ไข่

คาร์โบไฮเดรต

คาร์โบไฮเดรต (คาร์บ) คือแหล่งของพลังงานสำหรับร่างกายในการนำมาใช้ที่ง่ายที่สุด แหล่งคาร์โบไฮเดรตที่ดีต่อสุขภาพรวมถคงในผักและผลไม้ แหล่งคาร์โบไฮเดรตที่ไม่ไดีต่อสุขภาพรวมถึงน้ำตาล น้ำผึ้ง ลูกอม เครื่องดื่มอัดลมและเครื่องดื่มรสหวานอื่นๆ คาร์โบไฮเดรตบางชนิดมีโปรแตสเซียมและฟอสฟอรัสสูง ซคางจำเป็นต้องจำกัดขึ้นอยู่กับระยะของโรคไตที่มี ซึ่งจะพูดถึงเรื่องนี้กันภายหลัง อาจจำเป็นต้องเฝ้าระวังคาร์โบไฮเดรตอย่างระมัดระวังหากมีภาวะโรคเบาหวานด้วย นักโภชนาการจะสามารถช่วยให้ความรู้เกี่ยวกัคาร์โบไฮเดรตในแบบแผนการรับประทานอาหารและบอกถึงผลกระทบของน้ำตาลในเลือด

ไขมัน

เราต้องการไขมันในมื้ออาหารเพื่อให้มีสุขภาพที่แข็งแรง ไขมันจะช่วยให้พลังงานและช่วยในการใช้วิตามินบางชนิดในอาหาร แต่ไขมันที่มากเกินไปอาจเป็นสาเหตุทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นและเกิดโรคหัวใจได้ พยายามจำกัดปริมาณไขมันในมื้ออาหารลงและเลือกไขมันที่ดีต่อสุขภาพแทน ไขมันที่ดีต่อสุขภาพหรือไขมัน “ดี” เช่นไขมันไม่อิ่มตัว ตัวอย่างของไขมันไม่อิ่มตัวเช่น: ไขมันไม่อิ่มตัวจะช่วยลดคอเรสเตอรอลได้ หากกำลังต้องการเพิ่มน้ำหนักให้ลองรับประทานไขมันไม่อิ่มตัวเพิ่มขึ้น หากต้องการลดน้ำหนักให้จำกัดไขมันไม่อิ่มตัวในมื้ออาหารลง และก็เช่นเดียวกันถึงแม้จะจัดว่าเป็นไขมัน “ดี” แต่ก็สามารถเป็นปัญหาได้เช่นกัน ไขมันอิ่มตัว หรือที่รู้กันว่าเป็นไขมัน “เลว” เพราะจะไปเพิ่มระดับคอเรสเตอรอลและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ ตัวอย่างของไขมันอิ่มตัวเช่น:
  • เนย
  • น้ำมันหมู
  • ชอตเทนนิ่ง
  • เนื้อ
ควรจำกัดสิ่งเหล่านี้ในมื้ออาหารและเลือกอาหารเพื่อสุขภาพ ไขมันไม่อิ่มตัวแทน ตัดทอนไขมันจากเนื้อสัตว์และตัดหนังไก่ทิ้งเพื่อช่วจำกัดไขมันอิ่มตัว และควรหลีกเลี่ยงไขมันทรานส์ซึ่งเป็นไขมันที่ทำให้คอเราเตอรอล “ตัวเลว” (LDL) สูงขึ้นและทำให้คอเรสเตอรอล “ตัวดี” (HDL) ลดลง เพื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นจะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจซคางเป็นสาเหตุทำให้ไตเสียหาย

Kidney-friendly diet for CKD

โซเดียม

โซเดียม (เกลือ) คือแร่ธาตุมี่พบได้ในอาหารเกือบทุกชนิด การได้รับโซเดียมมากเกินไปสามารถทำให้รู้สึกกระหาย ซึ่งสามารถนำไปสู่อาการบวมและความดันโลหิตสูง แีกทั้งยังทำให้ไตเสียหายมากขึ้นและหัวใจทำงานหนักขึ้น หนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดที่สามารถทำได้เพื่อการมีสุขภาพที่ดีคือการจำกัดปริมาณโซเดียมที่รับประทาน คือ:
  • ไม่เติมเกลือใส่ในอาหารเมื่อทำอาหารหรือรับประทาน ลองทำอาหารด้วยสมุนไพรสด น้ำมะนาวหรือเครื่องปรุงรสที่ปราศจากเกลือ
  • เลือกผักสดหรือแช่แข็งแทนผักกระป๋อง ล้างและสะเด็ดน้ำเพื่อกำจัดเกลือที่เกินก่อนการทำอาหารหรือรับประทาน
  • หลีกเลี่ยงเนื้อที่ผ่านกระบวนการเช่นแฮม เบคอน ไส้กรอก
  • รับประทานผักและผลไม้สดมากกว่าแครกเกอร์หรืออาหารว่างที่มีเกลือ
  • หลีกเลี่ยงซุปกระป๋องและอาหารแช่แข็งที่มีโซเดียมสูง หลีกเลี่ยงอาหารดองเช่นมะกอกและแตงกวา จำกัดเครื่องปรุงรสที่มีโซเดียมสูงเช่นซอสถั่วเหลือง ซอสบาบีคิวและซอสมะเขือเทศ 
สิ่งที่สำคัญ! จงระวังกับสารทดแทนเกลือและอาหาร “ลดเกลือ” สารทดแทนเกลือทุกชนิดมีโปรแตสเซียมสูง โปรแตสเซียมที่สูงเกินไปสามารถเป็นอันตรายหากมีภาวะโรคไต ควรทำงานร่วมกับนักโภชนาการเพื่อหาอาหารที่มีโซเดียมและโปรแตสเซียมต่ำ

สัดส่วน:

การเลือกอาหารเพื่อสุขภาพคือจุดเริ่มต้นที่ดีเยี่ยม แต่การรับประทานทุกสิ่งที่มากเกินไปแม้แต่กับอาหารเพื่อสุขภาพก็ตามก็อาจเป็นปัญหาได้ ส่วนสำคัญอื่นของการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพก็คือการควบคุมสัดส่วนของอาหารหรือเฝ้าระวังปริมาณที่รับประทาน การช่วยควบคุมสัดส่วนในการรับประทานคือ:
  • เช็คฉลากข้อมูลโภชนาการบนอาหารเพื่อเรียนรู้ขนาดต่อการบริโภคและจำนวนของสารอาหารแต่ละชนิดต่อหนึ่งหน่วยบริโภค หลายๆบรรจุภัณฑ์อาจมีมากกว่าหนึ่งหน่วยบริโภค ยกตัวอย่างเช่น โซดาขวดขนาด 20 ออนซ์จริงๆแล้วคือมีหน่วยบริโภตเท่ากับสองหน่วยครึ่ง อาหารสดทุกชนิดเช่นผักและผลไม้ จะไม่ปรากฏในฉลากข้อมูลโภชนาการ ปรกษานักโภชนาการสำหรับรายชื่อสารอาหารสำหรับอาหารสดและเคล็ดลับในการวัดปริมาณสัดส่วนของอาหารที่ถูกต้อง
  • รับประทานช้าๆและหยุดรับประทานเมื่อไม่หิว กระเพาะอาหารต้องใช้เวลาประมาณ 20 นาทีเพื่อบอกสมองว่าอิ่มแล้ว หากรับประทานเร็วเกินไปอาจทำให้รับประทานมากเกินกว่าที่ต้องการ 
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานในขณะทำอย่างอื่น เมื่อมีความสนใจอย่างอื่นจะทำให้ไม่ทันรู้ตัวว่ารับประทานไปมากแค่ไหน
  • ไม่ควรรับประทานอาหารในกล่องที่ใส่อาหารมา ควรตักออกมาหนึ่งหน่วยบริโภคและทิ้งที่เหลือในกล่องไป

อาหารที่ดีเพื่อคนเป็นโรคไตแตกต่างอย่างไร?

เมื่อไจทำงานไม่ดีอย่างที่ควร จะเกิดของเสียและของเหลวสะสมในร่างกาย เมื่อเวลาผ่านไปของเสียและของเหลวที่เกินจะเป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาต่อหัวใจ กระดูกและสุขภาพอื่นๆ แบบแผนมื้ออาหารที่ดีสำหรับคนเป็นโรคไตจะจำกัดจำนวนแร่ธาตุบางชนิดและของเหลวที่รับประทานและดื่ม  แบบแผนการจำกัดขึ้นอยู่กับระยะของโรคไต สำหรับโรคไตระยะแรกอาจถูกจำกัดหรือไม่จำกัดอาการที่รับประทานหรือดื่ม แต่เมื่อไรคไตเริ่มแย่ลง แพทย์จะจำกัดดังต่อไปนี้:
  • โปแตสเซียม
  • ฟอสฟอรัส
  • ของเหลว

โปแตสเซียม

โปแตสเซียมคือแร่ธาตุที่พบได้ในอาหารเกือบทุกชนิด ร่างกายต้องการโปแตสเซียมเพื่อการทำงานของกล้ามเนื้อ แต่หากมีโปแตสเซียมมากเกินไปอาจเป็นอันตรายได้ เมื่อไตทำงานได้ไม่ดีระดับของโปแตสเซียมอาจสูงเกินไปหรือต่ำเกินไป ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้กล้ามเนื้อหดเกร็ง มีปัญหาต่อการเต้นของหัวใจและกล้ามเนื้ออ่อนแรง หากเป็นโรคไตอาจจำเป็นต้องจำกัดปริมาณโปแตสเซียมที่รับประทาน ปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการหากจำเป็นต้องจำกัดโปแตสเซียม ใช้รายชื่อด้านล่างเพื่อเรียนรู้ว่าอาหารใดมีโปแตสเซียมต่ำหรือสูง นักโภชนาการจะช่วยให้คุณเรียนรู้การรับประทานอาหารเพื่อความปลอดภัยในอาหารที่มีโปแตสเซียมสูง

อาหารที่มีโปแตสเซียมต่ำ

  • แอปเปิ้ล แครนเบอรี่ องุ่น สัปปะรดและสตอเบอรี่
  • กระหล่ำดอก หัวหอม พริก แรดิช น้ำเต้า ผักกาดหอม
  • พิต้า ทอทิลล่าและขนมปังขาว
  • เนื้อวัวและเนื้อไก่ ข้าวขาว

อาหารที่มีโปแตสเซียมสูง

  • อะโวคาโด กล้วย เมล่อน ส้ม พรุนและลูกเกด
  • อาร์ติโชค ฟักทองเทศ กล้วยกล้าย ผักโขม มันฝรั่งและมะเขือเทศ
  • ผลิตภัณฑ์รำข้าวและกราโนล่า
  • ถั่ว(อบ ดำ ปินโตและอื่นๆ) 

ฟอสฟอรัส

ฟอสฟอรัสคือแร่ธาตุที่พบในอาหารเกือบทุกชนิด ทำงานร่วมกับแคลเซียมและวิตามินดีเพื่อทำให้กระดูกแข็งแรง ไตที่มีสุขภาพที่ดีจะช่วยรักษาจำนวนฟอสฟอรัสในร่างกายที่ถูกต้อง เมื่อไตทำงานไม่ดี ฟอสฟอรัสจะสะสมในเลือด เมื่อเกิดมีฟอสฟอรัสมากเกินไปในเลือดอาจนำไปสู่กระดูกอ่อนแอซึ่งแตกหักได้ง่ายขึ้น

ของเหลว

เราต้องการของเหลวเพื่อมีชีวิต แต่เมื่อมีภาวะโรคไต เราอาจไม่ต้องการมากนัก เป็นเพราะไตเสียหายจึงไม่สามารถกำจัดของเหลวส่วนเกินอย่างที่ควรจะมี การมีของเหลวมากเกินไปในร่างกายสามารถเป็นอันตรายได้ ซึ่งเป็นสาเหตุของความดันโลหิตสูง บวมและหัวใจล้มเหลว ของเหลวส่วนเกินสามารถสะสมอยู่รอบๆปอดและทำให้ยากต่อการหายใจ ขึ้นอยู่กับระยะของโรตไตและการรักษา แพทย์จะขอให้จำกัดของเหลวจึงจำเป็นต้องตัดปริมาณการดื่ม ควรตัดอาหารบางชนิดที่มีน้ำเยอะ ซุปหรืออาหารที่ละลายได้เช่นน้ำแข็ง ไอศกรีมและเจลาตินจะมีน้ำเยอะ ผักและผลไม้เองก็มีน้ำสูงเช่นกัน หากมีการจำกัดของเหลวควรวัดปริมาณของเหลวและเครื่งดื่มให้เป็นถ้วยเล็กๆเพื่อช่วยติดตามปริมารของเหลวที่บริโภค การจำกัดโซเดียมจะเป็นลดทอนความกระหายลง

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง

เมื่อจัดการกับโรคไต จำเป็นต้องรับประทานอาหารที่เป็นมิตรต่อไตเพื่อช่วยลดภาระงานของไตและรักษาสุขภาพโดยรวม ต่อไปนี้เป็นอาหารและเครื่องดื่มที่โดยทั่วไปควรจำกัดหรือหลีกเลี่ยงเมื่อคุณเป็นโรคไต:
  • อาหารโซเดียมสูง:โซเดียมส่วนเกินสามารถเพิ่มความดันโลหิตและทำให้ไตเครียดได้ จำกัดหรือหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป ซุปกระป๋อง เนื้อสำเร็จรูป อาหารจานด่วน ของขบเคี้ยวรสเค็ม และเครื่องปรุงรสที่มีโซเดียมสูง (เช่น ซีอิ๊ว ซอสมะเขือเทศ และน้ำสลัด)
  • อาหารที่มีโพแทสเซียมสูง:สำหรับบุคคลที่เป็นโรคไต ระดับโพแทสเซียมในเลือดสูงอาจเป็นอันตรายได้ จำกัดอาหารที่อุดมด้วยโพแทสเซียม เช่น กล้วย ส้ม มันฝรั่ง (โดยเฉพาะมันเทศ) มะเขือเทศ ผักโขม อะโวคาโด และผลไม้แห้ง
  • อาหารที่มีฟอสฟอรัสสูง:ในระยะลุกลามของโรคไต ไตอาจมีปัญหาในการขจัดฟอสฟอรัสออกจากเลือด จำกัดอาหารที่อุดมด้วยฟอสฟอรัส เช่น ผลิตภัณฑ์นม (นม ชีส โยเกิร์ต) ถั่ว   ธัญพืชไม่ขัดสี และอาหารแปรรูปที่เติมสารฟอสเฟต
  • อาหารที่มีโปรตีนสูง:การบริโภคโปรตีนมากเกินไปอาจทำให้ภาระงานของไตเพิ่มขึ้น จำกัดอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น เนื้อแดง สัตว์ปีก ปลา ไข่ และผลิตภัณฑ์จากนม เลือกใช้แหล่งโปรตีนไร้ไขมันในปริมาณที่น้อยลง และปรับสมดุลการบริโภคโปรตีนด้วยโปรตีนทางเลือกจากพืช
  • อาหารแปรรูป:อาหารแปรรูปและบรรจุหีบห่อมักจะมีโซเดียม ฟอสฟอรัส และสารปรุงแต่งในระดับสูงซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพไต จำกัดเนื้อสัตว์แปรรูป อาหารแช่แข็ง อาหารกระป๋อง และอาหารสะดวกซื้อ
  • อาหารที่มีออกซาเลตสูง:นิ่วในไตบางชนิดทำจากผลึกแคลเซียมออกซาเลต หากคุณมีประวัตินิ่วในไต ให้จำกัดอาหารที่มีออกซาเลตสูง เช่น ผักโขม รูบาร์บ บีทรูท ถั่ว ช็อกโกแลต และชา
  • เครื่องดื่มบางชนิด:จำกัดหรือหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่อาจส่งผลให้ร่างกายขาดน้ำ เพิ่มความดันโลหิต หรือมีสารปรุงแต่งที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของไต ซึ่งรวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล เครื่องดื่มชูกำลัง และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง
  • ของเหลวมากเกินไป:สำหรับบุคคลที่เป็นโรคไตซึ่งมีข้อจำกัดเรื่องของเหลว การตรวจสอบปริมาณของเหลวอย่างระมัดระวังเป็นสิ่งสำคัญ จำกัดปริมาณของเหลวให้อยู่ในปริมาณที่แนะนำโดยผู้ให้บริการด้านสุขภาพของคุณ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ของเหลวมีมากเกินไปและทำให้ไตเกิดความเครียด
  • สมุนไพรบางชนิด:สมุนไพรและอาหารเสริมบางชนิดอาจมีผลเสียต่อการทำงานของไตหรือมีปฏิกิริยากับยา ปรึกษากับผู้ให้บริการด้านสุขภาพก่อนรับประทานสมุนไพรหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
  • สารทดแทนเกลือ:หลีกเลี่ยงสารทดแทนเกลือที่มีโพแทสเซียมคลอไรด์ หากคุณต้องการจำกัดการบริโภคโพแทสเซียม สารทดแทนเหล่านี้สามารถเพิ่มระดับโพแทสเซียมในเลือดและอาจเป็นอันตรายต่อผู้ที่เป็นโรคไต
จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพหรือนักโภชนาการที่ลงทะเบียนเพื่อพัฒนาแผนการรับประทานอาหารส่วนบุคคลที่ตรงกับความต้องการทางโภชนาการส่วนบุคคลและข้อจำกัดด้านอาหารของคุณ พวกเขาสามารถให้คำแนะนำในการเลือกรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพและช่วยคุณจัดการกับความซับซ้อนในการจัดการโรคไตด้วยการปรับเปลี่ยนอาหารและวิถีชีวิต    
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด