ผู้เขียน Dr. Wikanda Rattanaphan
0
วิตามินบีรวม

วิตามินบีรวมคืออะไร 

วิตามินบีรวม คือ วิตามินบี 8 ชนิด ดังรายการต่อไปนี้
  • B-1 (ไทอะมีน)
  • B-2 (ไรโบฟลาวิน)
  • B-3 (ไนอะซิน)
  • B-5 (กรดแพนโทเทนิค)
  • B-6 (ไพริดอกซิน)
  • B-7 (ไบโอติน)
  • B-9 (กรดโฟลิก)
  • B-12 (โคบาลามิน)
วิตามินแต่ละตัวมีบทบาทต่อการทำงานของร่างกายทั้งหมด ในบทความนี้จะบอกคุณเกี่ยวกับประโยชน์ของวิตามินเหล่านี้ คุณต้องการเท่าไหร่ คุณต้องรับประทานอาหารเสริมหรือไม่ และอื่น ๆ 

ประโยชน์ของวิตามินบีรวม 

วิตามินบีรวมมีบทบาทในการคงไว้ซึ่งสุขภาพที่ดี ทำให้ร่างกายแข็งแรง วิตามินบีรวมมีผลต่อระดับพลังงาน การทำงานของสมอง และการเผาผลาญของเซลล์  วิตามินบีรวมช่วยป้องกันการติดเชื้อ ช่วยสนับสนุนหรือทำให้สิ่งเหล่านี้ดีขึ้น: 
  • สุขภาพของเซลล์ 
  • การเจริญเติบโตของเซลล์เม็ดเลือดแดง 
  • ระดับพลังงานของร่างกาย 
  • สายตาที่ดี 
  • การทำงานของสมอง 
  • การย่อยอาหารที่ดี 
  • การอยากอาหารที่มีสุขภาพดี 
  • ระบบประสาทที่ทำงานอย่างเหมาะสม 
  • การสร้างและการควบคุมฮอร์โมนต่าง ๆ 
  • สุขภาพของหัวใจและหลอดเลือด 
  • ความตึงตัวของกล้ามเนื้อ 

ในผู้หญิง 

วิตามินบีสำคัญต่อผู้หญิงที่ตั้งครรภ์และให้นมบุตรเป็นพิเศษ วิตามินเหล่านี้ช่วยให้สมองของตัวอ่อนพัฒนาและช่วยลดความเสี่ยงของการคลอดผิดปกติ  สำหรับผู้ที่คาดว่าจะตั้งครรภ์ วิตามินบีรวมจะช่วยเพิ่มพลังงาน ลดอาการคลื่นไส้ และลดความเสี่ยงของภาวะครรภ์เป็นพิษ

ในผู้ชาย 

วิตามินบีรวมช่วยเพิ่มระดับเทสโทสเทอโรนในผู้ชาย ซึ่งตามธรรมชาติแล้วจะลดลงเมื่ออายุเพิ่มขึ้น พวกมันอาจช่วยให้ผู้ชายเพิ่มกล้ามเนื้อและเพิ่มพละกำลังได้ อย่างไรก็ตาม การศึกษาในมนุษย์สำหรับผลที่กล่าวมานี้ยังมีน้อย 

เราต้องการวิตามินบีรวมมากเท่าไหร่ 

เราต้องการวิตามินแต่ละชนิดในปริมาณที่แตกต่างกันในแต่ละวัน  สำหรับผู้หญิง ปริมาณที่ควรรับประทานต่อวัน ดังนี้: 
  • B-1: 1.1 มิลลิกรัม
  • B-2: 1.1 มิลลิกรัม
  • B-3: 14 มิลลิกรัม
  • B-5: 5 มิลลิกรัม 
  • B-6: 1.3 มิลลิกรัม
  • Biotin: 30 ไมโครกรัม
  • Folic acid: 400 ไมโครกรัม
  • B-12: 2.4 ไมโครกรัม
สำหรับผู้ชาย ปริมาณที่ควรรับประทานต่อวัน ดังนี้: 
  • B-1: 1.2 มิลลิกรัม
  • B-2: 1.3 มิลลิกรัม
  • B-3: 16 มิลลิกรัม
  • B-5: 5 มิลลิกรัม
  • B-6: 1.3 มิลลิกรัม
  • Biotin: 30 ไมโครกรัม
  • Folic acid: 400 ไมโครกรัม
  • B-12: 2.4 ไมโครกรัม
ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์จะต้องการวิตามินบีรวมมากกว่า ซึ่งควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับปริมาณที่ต้องรับประทาน  การมีปัญหาสุขภาพบางอย่างทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมวิตามินได้เต็มที่ คุณจึงควรบอกเเพทย์เกี่ยวกับวิตามินบีที่คุณรับประทานอยู่: 

เราจะทราบได้อย่างไรว่าขาดวิตามินบี

ผู้คนส่วนมากได้รับวิตามินบีเพียงพอจากการรับประทานอาหาร อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นไปได้เช่นกันที่เราจะขาดวิตามินบี อาการเหล่านี้เป็นอาการที่บ่งบอกว่าเราได้รับวิตามินบีไม่เพียงพอ:  หากคุณมีอาการเหล่านี้ แต่ยังไม่ทราบสาเหตุ ควรพบแพทย์  ถึงแม้ว่ามันจะเป็นไปได้ที่คุณอาจขาดวิตามินบี แต่อาการบางอย่างอาจเป็นอาการของโรคอื่นที่ซ่อนอยู่ ซึ่งแพทย์จะสามารถวินิจฉัยและให้คำแนะนำได้ 

B Vitamins

การขาดวิตามินบีจะทำให้ความเสี่ยงของโรคบางอย่างเพิ่มขึ้นหรือไม่ 

หากคุณขาดวิตามินบี คุณอาจมีอาการหลากหลาย ขึ้นอยู่กับว่าคุณขาดวิตามินบีชนิดใด  หากปล่อยไว้ไม่รักษา การขาดวิตามินบีอาจทำให้เกิดโรค:  การขาดวิตามินบี 12 อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคเกี่ยวกับระบบประสาทต่าง ๆ เช่น ภาวะโฮโมซิสเตอินสูง และ โรคหลอดเลือดแข็งตัว ทารกที่ขาดกรดโฟลิกระหว่างที่ตั้งครรภ์มีเเนวโน้มที่จะมีความผิดปกติแต่กำเนิด 

อาหารที่มีวิตามินบี

มีอาหารมากมายที่มีวิตามินบีอยู่ ซึ่งทำให้ง่ายต่อการที่จะได้รับวิตามินอย่างเพียงพอจากมื้ออาหาร คุณควรทานอาหารให้หลากหลาย เพื่อที่จะช่วยให้ได้รับวิตามินทุกชนิดอย่างครบถ้วน  อาหารที่มีวิตามินบี มีดังนี้:
  • นม
  • ชีส
  • ไข่
  • ตับและไตของสัตว์
  • เนื้อ เช่น เนื้อไก่ และเนื้อแดง 
  • ปลา เช่น ทูน่า แมคเคอเรล และแซลมอน 
  • หอย เช่น หอยนางรม และหอยลาย 
  • ผักสีเขียวเข้ม เช่น ผักโขม หรือเคล 
  • ผักอื่น ๆ เช่น บีทรูท อะโวคาโด และมันฝรั่ง 
  • ธัญพืชและซีเรียล 
  • ถั่วต่าง ๆ เช่น ถั่วแดง ถั่วดำ และถั่วลูกไก่ 
  • ถั่วเปลือกแข็งและเมล็ดต่าง ๆ 
  • ผลไม้ต่าง ๆ เช่น ส้ม กล้วย และแตงโม
  • ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง เช่น นมถั่วเหลือง 
  • กากน้ำตาล 
  • จมูกข้าวสาลี 
  • ยีสต์ และนิวทริชั่นแนลยีสต์ 
หากแพทย์แนะนำให้คุณเพิ่มปริมาณวิตามินบีชนิดใดชนิดหนึ่งโดยเฉพาะ คุณสามารถดูรายชื่อเหล่านี้ได้: 
  • อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบี 6 
  • อาหารที่อุดมไปด้วยไบโอติน
  • อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบี 12 
  • อาหารมังสาวิรัตที่อุดมไปด้วยวิตามินบี 12 

การทานอาหารเสริมจำเป็นหรือไม่ 

ส่วนมากเราได้วิตามินบีเพียงพอจากอาหารที่รับประทานเข้าไป อาหารเป็นหนทางที่ดีที่สุดที่จะได้วิตามินเหล่านี้  คุณไม่ควรที่จะรับประทานวิตามินบีไม่ว่าชนิดใด จนกว่าแพทย์จะวินิจฉัยว่าคุณขาดวิตามินบี แพทย์จะบอกคุณว่าคุณต้องรับประทานวิตามินชนิดไหน  คุณอาจมีแนวโน้มที่จะต้องรับประทานวิตามินบีหากคุณ: 
  • มีอายุมากกว่า 50 ปี
  • ตั้งครรภ์
  • มีปัญหาสุขภาพเรื้อรัง 
  • รับประทานอาหารเจ
  • รับประทานอาหารมังสวิรัต
อาหารเสริมเหล่านี้สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป  อาหารเสริมเหล่านี้ไม่ได้รับการควบคุมจากองค์การอาหารและยา ฉะนั้น คุณควรซื้อจากแหล่ง หรือยี่ห้อที่น่าเชื่อถือ ซึ่งจะทำให้สบายใจเมื่อรับประทาน แพทย์อาจช่วยแนะนำยี่ห้อของอาหารเสริมให้คุณได้  คุณควรอ่านฉลากและปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิตเสมอ หากคุณมีคำถามต่าง ๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร 

จะเกิดอะไรขึ้นหากคุณรับประทานวิตามินบีรวมมากเกินไป 

คุณไม่มีเเนวโน้มที่จะได้รับวิตามินบีจากมื้ออาหารของคุณมากอยู่แล้ว นั่นเป็นเพราะว่าวิตามินบีรวมเป็นวิตามินละลายน้ำ  ซึ่งหมายความว่า มันจะไม่สะสมอยู่ในร่างกาย แต่จะถูกขับออกมากับปัสสาวะ คุณจะไม่ได้รับวิตามินบีมากเกินไปจากการรับประทานอาหารเสริมวิตามินบีเข้าไปเช่นกัน  แต่การรับประทานมากไปก็เกิดขึ้นได้ หากคุณไม่ได้รับการวินิจฉัยว่าขาดวิตามินจากแพทย์ อาการของการรับประทานวิตามินมากเกินไป:  หากคุณมีอาการของการรับประทานวิตามินมากเกินไป ควรรีบพบแพทย์  คุณควรปรึกษากับแพทย์ในกรณีที่คุณรับประทานวิตามินเสริมโดยปราศจากการวินิจฉัยว่าขาดจากแพทย์ การรับประทานวิตามินบีมากเกินไปเป้นระยะเวลานาน ๆ อาจทำให้ระบบประสาทถูกทำลาย ซึ่งทำให้สูญเสียการควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย 

ใครที่เหมาะกับวิตามินบีรวม

วิตามินบีเป็นสารอาหารสำคัญที่มีบทบาทสำคัญในการทำงานของร่างกาย แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะมีความสำคัญสำหรับทุกคน แต่ก็มีกลุ่มหรือบุคคลเฉพาะที่อาจได้รับประโยชน์จากการพิจารณาการเสริมวิตามินบีหรือให้แน่ใจว่าได้รับการบริโภคอย่างเพียงพอผ่านการรับประทานอาหาร:
  • สตรีมีครรภ์:ในระหว่างตั้งครรภ์ ความต้องการวิตามินบี โดยเฉพาะโฟเลต (B9) จะเพิ่มขึ้น การบริโภคโฟเลตอย่างเพียงพอเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันข้อบกพร่องของท่อประสาทในทารกในครรภ์ที่กำลังพัฒนา สตรีมีครรภ์มักต้องการโฟเลตและวิตามินบีอื่นๆ ในระดับที่สูงขึ้น
  • ผู้สูงอายุ:เมื่อคนเราอายุมากขึ้น ความสามารถในการดูดซึมสารอาหารบางชนิด รวมถึงวิตามินบี 12 อาจลดลง ผู้สูงอายุบางคนอาจประสบปัญหาในการได้รับวิตามินบีเพียงพอจากการรับประทานอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากรับประทานอาหารบางชนิดได้จำกัด ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะขาดวิตามินบีได้
  • มังสวิรัติและวีแกน:วิตามินบี โดยเฉพาะบี 12 พบได้ในผลิตภัณฑ์จากสัตว์เป็นหลัก บุคคลที่รับประทานอาหารมังสวิรัติหรือวีแกนอาจมีความเสี่ยงสูงต่อการขาดวิตามินบี 12 หากไม่รับประทานอาหารเสริมหรืออาหารเสริม
  • ผู้ที่มีความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร:บุคคลที่มีภาวะระบบทางเดินอาหารบางอย่างที่ส่งผลต่อการดูดซึมสารอาหาร เช่น โรคโครห์น โรคเซลิแอก หรือผู้ที่ได้รับการผ่าตัดลดน้ำหนัก อาจทำให้การดูดซึมวิตามินบีลดลง พวกเขาอาจต้องการอาหารเสริมหรือการดูแลเป็นพิเศษเพื่อให้แน่ใจว่าวิตามินเหล่านี้มีระดับเพียงพอ
  • ผู้ใช้ยาเรื้อรัง:ยาบางชนิด เช่น ยารักษาโรคเบาหวาน ยาลดกรด หรือสารยับยั้งโปรตอนปั๊ม อาจรบกวนการดูดซึมวิตามินบี หรือทำให้ร่างกายต้องการสารอาหารเหล่านี้เพิ่มขึ้น ผู้ที่ต้องใช้ยาเรื้อรังอาจได้รับประโยชน์จากการได้รับวิตามินบีอย่างเพียงพอ
  • ผู้ที่มีความผิดปกติในการใช้แอลกอฮอล์: การดื่มแอลกอฮอล์เรื้อรังอาจรบกวนความสามารถของร่างกายในการดูดซึมและใช้วิตามินบี โดยเฉพาะวิตามินบี 1 (ไทอามีน) บุคคลที่มีความผิดปกติจากการดื่มสุราอาจจำเป็นต้องได้รับอาหารเสริมเพื่อป้องกันการขาดดุล
  • ความเครียดและความเหนื่อยล้า: วิตามินบีมีบทบาทในการผลิตพลังงานและอาจช่วยในการจัดการความเครียดและความเหนื่อยล้า บางคนอาจพิจารณาการเสริมวิตามินบีหรือการเปลี่ยนแปลงอาหารเพื่อเพิ่มระดับพลังงาน โดยเฉพาะในช่วงที่มีความเครียด
สิ่งสำคัญคือต้องได้รับสารอาหารจากการรับประทานอาหารที่สมดุลเป็นหลัก แต่ในบางกรณี การเสริมอาจจำเป็นเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของร่างกายหรือเพื่อเอาชนะปัญหาการดูดซึม ก่อนที่จะเริ่มอาหารเสริมใดๆ ขอแนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเพื่อพิจารณาความต้องการและปริมาณวิตามินบีที่เหมาะสม เนื่องจากการรับประทานมากเกินไปก็อาจมีผลข้างเคียงได้เช่นกัน

นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา

  • https://www.nhs.uk/conditions/vitamins-and-minerals/vitamin-b/
  • https://medlineplus.gov/bvitamins.html
  • https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4772032/
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด