การปวดกล้ามเนื้อหลังคือหนึ่งในอาการเจ็บป่วยที่พบได้ทั่วไป จากการศึกษาพบว่า 8 ใน 10 คนของชาวอเมริกันมีอาการเจ็บหลังซึ่งมักเป็นกับบริเวณแผ่นหลังช่วงล่าง
อาจเกิดอาการเคล็ดเกิดขึ้นในขณะทำงานในสวน ยกของ หรือทำความสะอาดบ้าน หรืออาจเกิดขึ้นเนื่องจากหลังได้รับบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาหรือภาวะเรื้อรังเช่น โรคข้ออักเสบหรือโรคข้อกระดูกสันหลังอักเสบชนิดติดยึด
การเจ็บหลังอย่างรุนแรงหรือฉับพลันควรได้รับการตรวจจากแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด ซึ่งมีอาการเจ็บที่ไม่ยอมหาย
แต่ในบางครั้งอาจรักษาปวดหลังล่างที่ไม่หายนี้ได้ด้วยตัวของคุณเองดังนี้
1. พยายามเคลื่อนไหวเสมอ
คุณอาจไม่ชอบเมื่อมีอาการเจ็บ แต่สิ่งแรกที่หมอแนะนำคือคนไข้มักเข้าใจผิดว่าเมื่อมีอาการเจ็บหลังแล้วพวกเขาจะไม่สามารถทำการเคลื่อนไหวใดๆได้ พยายามทำกิจกรรมประจำวันตามปกติที่เคยทำและเคลื่อนไหวอยู่เสมอ เดินเร็ว 30 นาทีหรือเดินเล่นพร้อมกับสุนัข อย่างน้อยสามครั้งต่อสัปดาห์ การอยู่นิ่งๆจะทำให้กล้ามเนื้อที่อยู่รอบๆกระดูกสันหลังและในหลังเริ่มอ่อนแอ ทำให้รองรับกระดูกสันหลังได้น้อยลงและนำไปสู่การเจ็บระยะยาว2. การยืดและความแข็งแรง
กล้ามเนื้อที่แข็งแรง โดยเฉพาะในแกนหน้าท้องที่ช่วยรองรับแผ่นหลัง ความแข็งแรงและการยืดหยุ่นอาจช่วยทั้งบรรเทาอาการเจ็บและป้องกันได้พร้อมๆกัน ทำบ่อยๆและทำเป็นสิ่งแรกในตอนเช้า แต่หากเป็นผู้สูงอายุหรือเป็นกังวลว่าจะทำมากเกินไป สามารถยืดและออกกำลังกายเพื่อความแข็งแรงในช่วงท้ายของวันเมื่อร่างกายได้มีการอบอุ่นร่างกายแล้ว การทำโยคะ พิลาทิส และไทชิ เป็นเพียง 2 ถึง 3 วิธีในการสร้างความแข็งแรงของแกนกล้ามเนื้อรอบๆสะโพก หนึ่งในการออกกำลังกายที่มีเป้าหมายเพื่อแผ่นหลังทั้งช่วงบนและช่วงล่างคือการนอนคว่ำและยกขาและแขนขึ้นในท่าบิน อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับ: โยคะ เพื่อสุขภาพนั่งหรือยืนในท่าที่ถูกต้องเสมอ
เพื่อช่วยลดแรงกดที่แผ่นหลังช่วงล่าง คุณสามารถใช้ยางรัดหรือแถบยางยืดเพื่อช่วยให้กระดูกสันหลังอยู่ในแนวตรงเสมอ พยายามทำให้ศีรษะอยู่ตรงกลางเหนือกระดูกเชิงกราน อย่างอไหล่หรือยื่นคางไปข้างหน้า หากคุณต้องทำงานอยู่หน้าจอตลอดเวลา ให้พักแขนวางบนโตีะและพยายามให้ระดับสายตาอยู่ด้านบนของจอ ลุกขึ้นจากเก้าอี้และยืดเส้นยืดสายและเดินบ่อยๆ4. รักษาน้ำหนักตัวให้มีความเหมาะสม
การมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นจะทำให้แผ่นหลังด้านล่างรับน้ำหนักมากขึ้น การลดน้ำหนักสามารถช่วยอาการเจ็บได้เพราะเป็นการไปลดแรงกดลงบนกระดูกสันหลัง หากต้องการความช่วยเหลือ ให้ปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเรื่องการรับประทานอาหารและแผนการออกกำลังกายที่อาจได้ผลดีที่สุดสำหรับคุณ
5. เลิกบุหรี่
จากการวิจัยพบว่าหากสูบบุหรี่จะมีโอกาสเป็นโรคหมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อมหรือมีปัญหาเกี่ยวกับกระดูกสันหลังอื่นๆได้มากกว่าคนไม่สูบบุหรี่ถึง 4 เท่า นิโคตินในบุหรี่และผลิตภัณฑ์บุหรี่อื่นๆสามารถทำให้กระดูกสันหลังอ่อนแอและนำเอาสารอาหารที่จำเป็นออกจาก Spongy Disks ที่เป็นตัวรองรับข้อต่อของคุณ การมีกระดูกสันหลังที่แข็งแรงจะช่วยให้หลังมีความยืดหยุ่นและป้องกันกล้ามเนื้อจากการแข็งและเจ็บ6. ลองใช้น้ำแข็งและความร้อน
อาจเคยได้ยินมาว่าการใช้สิ่งหนึ่งดีกว่าอีกสิ่งหนึ่งเพื่อบรรเทาจากอาการเจ็บหลัง คำตอบสั้นๆก็คือตัวเลือกที่ดีที่สุดคือสิ่งที่ได้ผลมากที่สุดสำหรับคุณ ตามปกติแล้ว การเลือกใช้น้ำแข็งคือสิ่งที่ดีที่สุดหากแผ่นหลังมีอาการบวมหรือมีการอักเสบ การประคบร้อนอาจดีกว่าหากต้องการผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ตึงและแข็ง ควรรักษาด้วยการประคบร้อนหรือเย็น 20 นาที และไม่ใช้หากมีการทาครีมหรือขี้ผึ้งแก้ปวดกล้ามเนื้อบนผิว7. รู้จักยาที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป
ยาบรรเทาอาการปวดชนิดไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์จะสามารถช่วยเรื่องกล้ามเนื้อเจ็บและแข็งตึง ยามี 2 ชนิดคือยาต้านการอักเสบชนิดไม่มีสเตียรอยด์ (NSAIDs) และอะเซตามีโนเฟน ยาจำพวก (NSAIDs)รวมไปถึง แอสไพริน ไอบูโพรเฟนและนาพรอกเซน อ่านเกี่ยวกับยาแอสไพรินและอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ที่นี่ ยาประเภท NSAIDs จะช่วยลดการอักเสบที่อาจนำไปสู่อาการบวมและกดเจ็บ แต่อะเซตามีโนเฟนจะไม่ได้ช่วยบรรเทาอาการอักเสบ8. นวดด้วยยาชนิดครีม
ครีม ขี้ผึ้งหรือแผ่นแปะอาจช่วยได้หากรู้สึกแผ่นหลังแข็งตึง เจ็บและยึด ผลิตภัณฑ์หลายๆตัวจะมีส่วนประกอบของเมนทอล การบูรและลิโคเดน ที่สามารถให้ความเย็น ความร้อนหรือชาในบริเวณที่ทาได้ ทาครีมลงตรงตำแหน่งที่เจ็บ ขอให้คนช่วยทาให้ในจุดที่ไม่สามารถเอื้อมถึง9. สอบถามเรื่องอาหารเสริม
สิ่งที่ดีที่สุดคือการได้รับวิตามินและแร่ธาตุจากอาหาร แต่บางครั้งอาหารเสริมก็อาจช่วยได้ ยกตัวอย่างเช่น คนที่ไม่ได้รับวิตามินดีที่เพียงพอ ซึ่งเป็นวิตามินที่มีความสำคัญสำหรับสุขภาพกระดูก เพราะอาจขาดการสัมผัสแสงแดดหรือเพราะร่างกายไม่สามารถดูดซับวิตามินดีได้เพียงพอจากอาหาร ภาวะแมกนีเซียมพร่องอาจนำไปสู่กล้ามเนื้ออ่อนแรงและเหน็บชา อาหารเช่นขมิ้นชัน เครื่องเทศที่มีสีเหลืองเช่น ขิง อาจช่วยลดอาการอักเสบได้ ปรึกษาแพทย์ทุกครั้งก่อนการรับประทานอาหารเสริม อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับ: วิตามินดีสำหรับโรคสะเก็ดเงิน10. ใช้ประโยชน์จากผ้าเช็ดตัว
ม้วนผ้าเช็ดตัวไว้เพื่อเป็นอุปกรณ์สำหรับบรรเทาอาการปวดหลัง นำผ้าเช็ดตัวที่ม้วนไปสอดไว้ด้านใต้กระดูกเชิงกรานเมื่อตอนนอน ปล่อยให้สะโพกผ่อนคลายอยู่บนม้วนผ้าเช็ดตัวและเพื่อช่วยยืดกล้ามเนื้อหลังที่ตึงของแผ่นหลังช่วงล่าง เกราะพยุงหลังบางครั้งก็อาจช่วยได้ โดยเฉพาะในคนที่ได้รับบาดเจ็บหรือได้รับการผ่าตัดมา แต่ก็ไม่ควรสวมบ่อยหรือนานเกินไป การต้องพึ่งพาเครื่องพยุงหลังบ่อยๆจะทำกล้ามเนื้อขี้เกียจได้เมื่อต้องทานยา
การจัดการอาการปวดหลังมักเกี่ยวข้องกับการผสมผสานระหว่างการรักษาและการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตที่มุ่งลดความเจ็บปวด เพิ่มความคล่องตัว และป้องกันการบาดเจ็บเพิ่มเติม แม้ว่าการใช้ยาจะเป็นส่วนหนึ่งของแผนการรักษาที่ครอบคลุมสำหรับอาการปวดหลัง แต่จำเป็นต้องทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้ให้บริการด้านสุขภาพเพื่อกำหนดยาและขนาดยาที่เหมาะสมที่สุดโดยพิจารณาจากสาเหตุของอาการปวด ความชอบส่วนบุคคล และสภาวะทางการแพทย์ที่มีอยู่ ต่อไปนี้เป็นยาทั่วไปบางส่วนที่ใช้ในการจัดการอาการปวดหลัง:-
ยาแก้ปวดที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์ :
-
-
- ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน (แอดวิล, มอทริน) และนาโพรเซน (อเลฟ) สามารถช่วยลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวดหลังเล็กน้อยถึงปานกลางได้
- Acetaminophen (Tylenol) เป็นยาแก้ปวดที่สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดได้ แต่ไม่มีผลต้านการอักเสบ อาจเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่สามารถทนต่อ NSAIDs ได้
-
-
ยาคลายกล้ามเนื้อ :
-
-
- อาจใช้ยาคลายกล้ามเนื้อ เช่น ไซโคลเบนซาพรีน (Flexeril), เมโทคาร์บามอล (โรบาซิน) หรือไทซานิดีน (ซานาเฟล็กซ์) เพื่อช่วยบรรเทาอาการกระตุกของกล้ามเนื้อและปรับปรุงการเคลื่อนไหวในกรณีที่มีอาการปวดหลังเฉียบพลัน
-
-
ยาแก้ปวดเฉพาะที่ :
-
-
- ครีม เจล หรือแผ่นแปะแก้ปวดเฉพาะที่ที่มีส่วนผสม เช่น เมนทอล แคปไซซิน หรือลิโดเคน สามารถทาลงบนผิวหนังได้โดยตรงบริเวณที่เจ็บปวด เพื่อบรรเทาอาการปวดเฉพาะที่
-
-
NSAIDs ตามใบสั่งแพทย์ :
-
-
- อาจแนะนำให้ใช้ NSAIDs ที่มีความเข้มข้นตามใบสั่งแพทย์สำหรับบุคคลที่มีอาการปวดหลังที่รุนแรงหรือเรื้อรังซึ่งไม่สามารถบรรเทาอาการได้อย่างเพียงพอด้วยตัวเลือกที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์ ยาเหล่านี้อาจมีฤทธิ์ที่สูงกว่าและอาจมีอยู่ในสูตรที่มีการออกฤทธิ์นาน
-
-
ยาแก้ปวดกลุ่มฝิ่น :
-
-
- อาจใช้ยากลุ่มฝิ่น เช่น ออกซีโคโดน ไฮโดรโคโดน หรือมอร์ฟีน สำหรับอาการปวดเฉียบพลันรุนแรง หรือใช้ระยะสั้นในบางกรณีที่มีอาการปวดเรื้อรัง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการต้องพึ่งพาอาศัยกัน การเสพติด และผลข้างเคียงที่ร้ายแรงอื่นๆ โดยทั่วไปการใช้ยากลุ่มฝิ่นจึงมักใช้ด้วยความระมัดระวังในระยะเวลาที่จำกัด
-
ยากันชักหรือยาแก้ซึมเศร้า :
- ยาบางชนิดที่เดิมพัฒนาขึ้นมาเพื่อรักษาอาการชัก (ยากันชัก) หรือภาวะซึมเศร้า (ยาแก้ซึมเศร้า) อาจถูกกำหนดนอกฉลากเพื่อช่วยจัดการกับอาการปวดเกี่ยวกับระบบประสาท (เกี่ยวกับเส้นประสาท) ที่เกี่ยวข้องกับสภาวะต่างๆ เช่น อาการปวดตะโพกหรือกระดูกสันหลังตีบ
-
-
การฉีดสเตียรอยด์ :
-
- อาจแนะนำให้ฉีดคอร์ติโคสเตียรอยด์สำหรับผู้ที่มีอาการปวดหลังอย่างรุนแรงหรือต่อเนื่องซึ่งไม่ตอบสนองต่อการรักษาอื่นๆ การฉีดยาเหล่านี้จะส่งยาต้านการอักเสบที่มีฤทธิ์โดยตรงไปยังบริเวณกระดูกสันหลังที่ได้รับผลกระทบ เพื่อลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวด
เมื่อต้องทานยา
การจัดการอาการปวดหลังมักเกี่ยวข้องกับการผสมผสานระหว่างการรักษาและการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตที่มุ่งลดความเจ็บปวด เพิ่มความคล่องตัว และป้องกันการบาดเจ็บเพิ่มเติม แม้ว่าการใช้ยาจะเป็นส่วนหนึ่งของแผนการรักษาที่ครอบคลุมสำหรับอาการปวดหลัง แต่จำเป็นต้องทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้ให้บริการด้านสุขภาพเพื่อกำหนดยาและขนาดยาที่เหมาะสมที่สุดโดยพิจารณาจากสาเหตุของอาการปวด ความชอบส่วนบุคคล และสภาวะทางการแพทย์ที่มีอยู่ ต่อไปนี้เป็นยาทั่วไปบางส่วนที่ใช้ในการจัดการอาการปวดหลัง:-
ยาแก้ปวดที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์ :
-
-
- ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน (แอดวิล, มอทริน) และนาโพรเซน (อเลฟ) สามารถช่วยลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวดหลังเล็กน้อยถึงปานกลางได้
- Acetaminophen (Tylenol) เป็นยาแก้ปวดที่สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดได้ แต่ไม่มีผลต้านการอักเสบ อาจเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่สามารถทนต่อ NSAIDs ได้
-
-
ยาคลายกล้ามเนื้อ :
-
-
- อาจใช้ยาคลายกล้ามเนื้อ เช่น ไซโคลเบนซาพรีน (Flexeril), เมโทคาร์บามอล (โรบาซิน) หรือไทซานิดีน (ซานาเฟล็กซ์) เพื่อช่วยบรรเทาอาการกระตุกของกล้ามเนื้อและปรับปรุงการเคลื่อนไหวในกรณีที่มีอาการปวดหลังเฉียบพลัน
-
-
ยาแก้ปวดเฉพาะที่ :
-
-
- ครีม เจล หรือแผ่นแปะแก้ปวดเฉพาะที่ที่มีส่วนผสม เช่น เมนทอล แคปไซซิน หรือลิโดเคน สามารถทาลงบนผิวหนังได้โดยตรงบริเวณที่เจ็บปวด เพื่อบรรเทาอาการปวดเฉพาะที่
-
-
NSAIDs ตามใบสั่งแพทย์ :
-
-
- อาจแนะนำให้ใช้ NSAIDs ที่มีความเข้มข้นตามใบสั่งแพทย์สำหรับบุคคลที่มีอาการปวดหลังที่รุนแรงหรือเรื้อรังซึ่งไม่สามารถบรรเทาอาการได้อย่างเพียงพอด้วยตัวเลือกที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์ ยาเหล่านี้อาจมีฤทธิ์ที่สูงกว่าและอาจมีอยู่ในสูตรที่มีการออกฤทธิ์นาน
-
-
ยาแก้ปวดกลุ่มฝิ่น :
-
-
- อาจใช้ยากลุ่มฝิ่น เช่น ออกซีโคโดน ไฮโดรโคโดน หรือมอร์ฟีน สำหรับอาการปวดเฉียบพลันรุนแรง หรือใช้ระยะสั้นในบางกรณีที่มีอาการปวดเรื้อรัง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการต้องพึ่งพาอาศัยกัน การเสพติด และผลข้างเคียงที่ร้ายแรงอื่นๆ โดยทั่วไปการใช้ยากลุ่มฝิ่นจึงมักใช้ด้วยความระมัดระวังในระยะเวลาที่จำกัด
-
ยากันชักหรือยาแก้ซึมเศร้า :
- ยาบางชนิดที่เดิมพัฒนาขึ้นมาเพื่อรักษาอาการชัก (ยากันชัก) หรือภาวะซึมเศร้า (ยาแก้ซึมเศร้า) อาจถูกกำหนดนอกฉลากเพื่อช่วยจัดการกับอาการปวดเกี่ยวกับระบบประสาท (เกี่ยวกับเส้นประสาท) ที่เกี่ยวข้องกับสภาวะต่างๆ เช่น อาการปวดตะโพกหรือกระดูกสันหลังตีบ
-
-
การฉีดสเตียรอยด์ :
-
- อาจแนะนำให้ฉีดคอร์ติโคสเตียรอยด์สำหรับผู้ที่มีอาการปวดหลังอย่างรุนแรงหรือต่อเนื่องซึ่งไม่ตอบสนองต่อการรักษาอื่นๆ การฉีดยาเหล่านี้จะส่งยาต้านการอักเสบที่มีฤทธิ์โดยตรงไปยังบริเวณกระดูกสันหลังที่ได้รับผลกระทบ เพื่อลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวด
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ภาวะหนังหุ้มปลายองคชาตตีบ (Phimosis)
สาเหตุของผิวแห้งกร้านและวิธีบำรุงผิว
เนื้องอกต่อมหมวกไตฟีโอโครโมไซโตมา (Pheochromocytoma)
ภาวะปวดหลอน (Phantom Pain)
โรคปริทันต์ (Periodontitis) : อาการ สาเหตุ การรักษา
โรคอกบุ๋ม (Pectus Excavatum)
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น