ยาฟูโรซีไมด์ (Furosemide) – วิธีใช้ และข้อควรระวัง

ผู้เขียน Dr. Wikanda Rattanaphan
0
ยาฟูโรซีไมด์

Furosemide คืออะไร 

ฟูโรซีไมด์ Furosemide คือ ยาขับปัสสาวะกลุ่มลูปไดยูเรติก (ยาขับปัสสาวะ) ที่ช่วยปกป้องไม่ให้ร่างกายจากการดูดซึมเกลือมากเกินไป โดยยอมให้เกลือสามารถถูดส่งผ่านทางปัสสาวะ  ยาฟูโรซีไมด์ใช้ในการรักษาอาการคั่งของเหลว (อาการบวมน้ำ) ในคนที่มีภาวะหัวใจล้มเหลว โรคตับหรือไตผิดปกติเช่น กลุ่มอาการโปรตีนรั่วในปัสสาวะ และยาฟูโรซีไมด์ยังช่วยรักษาความดันโลหิตสูง 

คำเตือนในการใช้ยา Furosemide

ไม่ควรใช้ยาฟูโรซีไมด์หากคุณไม่สามารถถ่ายปัสสาวะได้ ไม่ควรใช้มากกว่าปริมาณยาที่แนะนำ การใช้ยาฟูโรซีไมด์ในปริมาณสูงอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดการสูญเสียการได้ยินที่ไม่สามารถกลับคืนสู่สภาพปกติได้ ก่อนการใช้ยาฟูโรซีไมด์ แจ้งให้แพทย์ทราบหากมีโรคเกี่ยวกับไต โรคต่อมลูกหมากโต มีปัญหาเกี่ยวกับการขับถ่ายปัสสาวะ ตับแข็งหรือโรคตับอื่นๆ ภาวะเกลือแร่ในร่างกายไม่สมดุล คอเลสเตอรอลสูง โรคเกาต์  โรคลูปัส เบาหวานหรือแพ้ยากลุ่มซัลฟา แจ้งให้แพทย์ทราบหากเพิ่งมีการทำเอ็มอาร์ไอ (เครื่องตรวจแม่เหล็กไฟฟ้า) หรือการตรวจสแกนทุกชนิดที่มีการใช้ยาย้อมรังสีที่มีการฉีดเข้าสู่เส้นเลือด ห้ามใช้ยามากกว่าที่แนะนำ หากใช้ยานี้เพื่อรักษาความดันโลหิตสูง ให้ใช้ยาต่อเนื่องแม้จะรู้สึกสบายดีแล้วก็ตาม ภาวะความดันโลหิตสูงจะไม่มีอาการปรากฏให้เห็น อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจ เอ็มอาร์ไอ MRI ช่วยอะไรได้บ้าง

ก่อนการเริ่มรับประทานยา Furosemide

ไม่ควรใช้ยาฟูโรซิไมด์หากมีอาการแพ้ยา หรือหากไม่สามารถขับถ่ายปัสสาวะได้ แจ้งให้แพทย์ทราบหากมีสิ่งต่อไปนี้:

  • โรคไต
  • ต่อมลูกหมากโต มีการอุดกั้นของกระเพาะปัสสาวะ มีปัญหาการขับถ่ายปัสสาวะ 
  • ตับแข็งหรือโรคตับอื่นๆ
  • ภาวะเกลือแร่ในร่างกายไม่สมดุล (เช่น ระดับโพแตสเซียมหรือแมกนีเซียมในเลือดต่ำ)
  • โรคเกาต์
  • โรคลูปัส
  • โรคเบาหวาน
  • แพ้ยากลุ่มซัลฟา
แจ้งให้แพทย์ทราบหากคุณทำการตรวจเอ็มอาร์ไอ (เครื่องตรวจแม่เหล็กไฟฟ้า) หรือการตรวจด้วยการสแกนทุกชนิดที่มีการใช้สารย้อมรังสีที่ฉีดเข้าสู่เส้นเลือด ทั้งสารย้อมรัวสีและยาฟูโรซีไมด์สามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อไตได้ แม้จะยังไม่เป็นที่รู้แน่ชัดว่ายานี้มีอันตรายต่อทารกในครรภ์หรือไม่ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากคุณกำลังตั้งครรภ์หรือวางแผนจะตั้งครรภ์ และอาจไม่มีความปลอดภัยในการให้นมบุตรในขณะใช้ยาดังกล่าวนี้ ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับความเสี่ยงทุกชนิด ยาฟูโรซีไมด์อาจทำให้การสร้างน้ำนมช้าลง

ยา Furosemide ควรรับประทานอย่างไร 

รับประทานยาฟูโรซีไมด์ตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด ปฏิบัติตามคำแนะนำตามฉลากยาและอ่านคู่มือการใช้ยาอย่างละเอียด แพทย์อาจมีการปรับเปลี่ยนปริมาณขนาดยาในบางครั้ง ยาฟูโรซีไมด์มีแบบชนิดรับประทาน ชนิดฉีดเข้าสู่กล้ามเนื้อหรือให้ทางหลอดเลือดดำ ผู้ให้บริการทางการแพทย์จะเป็นผู้ฉีดให้หากคุณไม่สามารถใช้ยาด้วยการรับประทานได้ คุณอาจได้รับยาครั้งแรกในโรงพยาบาลหรือคลีนิคหากมีโรคตับรุนแรง ห้ามใช้ยามากเกินกว่าปริมาณยาที่แนะนำ การได้รับยาฟูโรซีไมด์นปริมาณสูงอาจก่อให้เกิดการสูญเสียการได้ยินถาวร วัดตวงปริมาณยาชนิดเหลวอย่างระมัดระวัง ควรใช้หลอดฉีดยาหรืออุปกรณ์วัดตวงทางการแพทย์ (ไม่ใช้ช้อนในห้องครัว) ปริมาณยาฟูโรซีไมด์จะขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของเด็ก ปริมาณยาที่ใช้ในเด็กอาจจำเป็นต้องได้รับการปรับเปลี่ยนหากเด็กมีน้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้นหรือลดลง ยาฟูโรซีไมด์จะทำให้มีการขับถ่ายปัสสาวะบ่อยมากขึ้น และอาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำได้ง่าย ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เกี่ยวกับการใช้อาหารเสริมโปแตสเซียมหรือการได้รับปริมาณเกลือและโปแตสเซียมในอาหารที่เพียงพอ จำเป็นต้องได้รับการตรวจเช็คความดันเลือดบ่อยๆและอาจจำเป็นต้องได้รับการตรวจทางการแพทย์อื่นๆ หากคุณมีภาวะความดันโลหิตสูง ให้รับประทานยาต่อเนื่องแม้จะรู้สึกดีขึ้นแล้วก็ตาม ภาวะความดันโลหิตสูงมักไม่แสดงอาการ คุณอาจจำเป็นต้องใช้ยาความดันเลือดสำหรับช่วงชีวิตที่เหลือของชีวิต หากคุณจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัด แจ้งให้แพทย์ผ่าตัดทราบล่วงหน้าว่าคุณมีการใช้ยานี้ เก็บยาไว้ในอุณหภูมิห้อง ห่างไกลจากความชื้น ความร้อนและแสงแดด ทิ้งยารูปแบบของเหลวที่ไม่ได้ใช้เกินกว่า 90 วัน

Furosemide

จะเกิดอะไรขึ้นหากลืมรับประทานยา 

ยาฟูโรซีไมด์บางครั้งอาจใีการใช้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่ได้มีการใช้ยาตามเวลา หากคุณมีการใช้ยานี้เป็นประจำ ให้รับประทานยาให้เร็วที่สุดที่คุณสามารถทำได้ แต่ให้ข้ามมื้อยาไปหากใกล้ช่วงเวลาในการทานยาในมื้อถัดไป ห้ามใช้ยาเพิ่มเป็นสองเท่าในครั้งเดียว

จะเกิดอะไรขึ้นหากมีการใช้ยาเกินขนาด 

อาการของการใช้ยาเกินขนาดอาจรวมไปถึงความรู้สึกกระหายอย่างมากหรือร้อน เหงื่อออก ร้อนและผิวหนังแห้ง อ่อนล้ามากหรือจะหมดสติ

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงคืออะไร

หลีกเลี่ยงการลุกขึ้นจากการนั่งหรือตำแหน่งท่านอนรวดเร็วเกินไป หรืออาจรู้สึกมึนงงวิงเวียนศีรษะ หลีกเลี่ยงการเกิดภาวะขาดน้ำ ปฏิบัติตามคำแนะนำจากแพทย์เกี่ยวกับชนิดและปริมาณของของเหลวที่ควรดื่มในขณะรับประทานยาฟูโรเซไมด์ การดื่มแอลกอฮอล์พร้อมกับยาฟูโรเซไมด์สามารถก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้ หากมีภาวะความดันโลหิตสูง ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนรับประทานยาทุกชนิดที่สามารถส่งผลให้ความดันเลือดสูงขึ้น เช่นยาลดน้ำหนักหรือยาแก้ไอแก้หวัด

ผลข้างเคียงของยา Furosemide 

พบแพทย์ฉุกเฉินเพื่อขอความช่วยเหลือหากมีสัญญานการเกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ต่อยาฟูโรเซไมด์ (มีผื่นขึ้น หายใจลำบาก มีอาการบวมที่บริเวณใบหน้าหรือคอ) หรือเกิดปฏิกิริยสแพ้ผิวหนังรุนแรง (มีไข้ เจ็บคอ ดวงตาร้อนผ่าว เจ็บปวดที่ผิวหนัง ขึ้นผื่นสีม่วงหรือแดงที่ผิวหนังและมีการแพร่กระจายและเป็นสาเหตุทำให้เกิดตุ่มพองและผิวหนังลอกขุย)   เพื่อความแน่ใจว่ายานี้มีความปลอดภัยสำหรับคุณ แจ้งให้แพทย์ทราบหากมีอาการดังต่อไปนี้:
  • รู้สึกวิงเวียนศีรษะ คล้ายจะหมดสติ
  • มีเสียงก้องในหู สูญเสียการได้ยิน
  • กล้ามเนื้อกระตุก หรือหดเกร็ง
  • ผิวหนังซีด มีรอยฟกช้ำง่าย มีเลือดออกผิดปกติ
  • น้ำตาลในเลือดสูง – กระหายน้ำเพิ่มขึ้น ขับถ่ายปัสสาวะเพิ่มขึ้น ปากแห้ง กลิ่นลมหายใจเป็นกลิ่นผลไม้ 
  • มีปัญหาเกี่ยวกับไต – ปัสสาวะน้อยหรือไม่เลย มีอาการบวมที่เท้าหรือข้อเท้า รู้สึกเหนื่อยหรือลมหายใจสั้น
  • มีสัญญานของตับหรือตับอ่อนมีปัญหา – ไม่อยากอาหาร ปวดท้องส่วนบน (อาจแผ่กระจายไปที่แผ่นหลัง) คลื่นไส้หรืออาเจียน ปัสสาวะสีเข้ม ดีซ่าน (ตาและผิวหนังเป็นสีเหลือง)
  • มีสัญญานของภาวะเกลือแร่ในร่างกายไม่สมดุล – ปากแห้ง กระหาย อ่อนแรง ง่วงซึม รู้สึกกระสับกระส่ายหรือไม่มั่นคง อาเจียน การเต้นของหัวใจผิดปกติ รู้สึกมีการกระพือในทรวงอก เหน็บชาหรือเสียวซ่า กล้ามเนื้อกระตุก กล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือรู้สึกแขนขาอ่อนแรง
ผลข้างเคียงทั่วไปของยาฟูโรเซไมด์อาจร่วมไปถึง:
  • ท้องเสีย ท้องผูก ไม่อยากอาหาร
  • เหน็บชาหรือเสียวซ่า
  • ปวดศีรษะ มึนงง
  • การมองเห็นไม่ชัด
อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจ วิธีแก้ท้องผูกด้วยไฟเบอร์

ยาชนิดอื่นๆที่ส่งผลต่อยาฟูโรเซไมด์คืออะไรบ้าง 

บางครั้งอาจเป็นการไม่ปลอดภัยในการใช้ยาบางชนิดพร้อมๆกัน ยาบางชนิดสามารถส่งผลต่อระดับของเลือดจากยาอื่นที่รับประทาน ซึ่งอาจเป็นการทำให้เกิดผลข้างเคียงมากขึ้นหรือทำให้ยามีประสิทธิภาพน้อยลง หากคุณรับประทานยาซูคราลเฟต ให้ทานยาฟูโรวิไมด์ก่อน 2 ชั่วโมงหรือหลังจากรับประทานยาซูคราลเฟต 2 ชั่วโมง แจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับยาอื่นๆทุกชนิดที่คุณกำลังรับประทาน โดยเฉพาะ:
  • ยาขับปัสสาวะตัวอื่น โดยเฉพาะกรดเอธาครีนิก
  • ยาคลอราลไฮเดรต
  • ลิเธียม
  • เฟนิโทอิน
  • ยาปฏิชีวนะชนิดฉีด
  • ยารักษาโรคมะเร็งเช่น ยาซิสพลาติน
  • ยาความดันโลหิตหรือหัวใจ
อาจไม่มีรายชื่อยาทั้งหมดในรายชื่อดังกล่าว ยาชนิดอื่นๆอาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาต่อยาฟูโรซิไมด์ ซึ่งรวมถึงยาตามแพทย์สั่งและยาที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป วิตามินและผลิตภัณฑ์สมุนไพร

ใครที่ควรหลีกเลี่ยงยาฟูโรเซไมด์

บุคคลที่มีภาวะต่อไปนี้ควรระมัดระวังหรือหลีกเลี่ยงการใช้งาน:
  • โรคภูมิแพ้:
      • บุคคลที่แพ้ furosemide หรือส่วนประกอบใดๆ ไม่ควรใช้
  • Anuria (ขาดปัสสาวะ):
      • Furosemide เป็นยาขับปัสสาวะที่ส่งเสริมการผลิตปัสสาวะ อย่างไรก็ตาม หากบุคคลมีภาวะเนื้องอกในปัสสาวะ (ไม่สามารถผลิตปัสสาวะได้) การใช้ furosemide อาจไม่เหมาะสม
  • ความไม่สมดุลของอิเล็กโทรไลต์อย่างรุนแรง:
      • ฟูโรเซไมด์สามารถนำไปสู่ความไม่สมดุลของอิเล็กโทรไลต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโพแทสเซียม โซเดียม และแมกนีเซียมในระดับต่ำ บุคคลที่มีความไม่สมดุลของอิเล็กโทรไลต์อย่างรุนแรงอาจจำเป็นต้องใช้ furosemide ด้วยความระมัดระวังหรือหลีกเลี่ยง เนื่องจากความไม่สมดุลเพิ่มเติมอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้
  • ความผิดปกติของไตอย่างรุนแรง:
      • Furosemide ถูกขับออกทางไตเป็นหลัก บุคคลที่มีความผิดปกติของไตอย่างรุนแรงอาจจำเป็นต้องปรับขนาดยาหรืออาจจำเป็นต้องหลีกเลี่ยง furosemide โดยสิ้นเชิง
  • ภาวะขาดน้ำ:
      • Furosemide เพิ่มการผลิตปัสสาวะซึ่งอาจนำไปสู่การขาดน้ำ บุคคลที่ขาดน้ำอยู่แล้วควรใช้ furosemide ด้วยความระมัดระวัง และอาจจำเป็นต้องมีมาตรการแก้ไขภาวะขาดน้ำ
  • ความดันเลือดต่ำ (ความดันโลหิตต่ำ):
      • Furosemide อาจทำให้ความดันโลหิตลดลง บุคคลที่มีความดันเลือดต่ำควรใช้ furosemide ด้วยความระมัดระวัง และแนะนำให้ติดตามความดันโลหิตอย่างใกล้ชิด
  • โรคตับอย่างรุนแรง:
      • บุคคลที่เป็นโรคตับอย่างรุนแรงอาจทำให้การเผาผลาญของ furosemide บกพร่อง อาจพิจารณาปรับขนาดยาหรือใช้ยาอื่น และแนะนำให้ปรึกษากับผู้ให้บริการด้านการแพทย์
  • โรคเกาต์:
      • Furosemide สามารถเพิ่มระดับกรดยูริกในเลือด อาจทำให้โรคเกาต์รุนแรงขึ้นหรือทำให้เกิดโรคเกาต์ได้ บุคคลที่มีประวัติเป็นโรคเกาต์ควรใช้ furosemide ด้วยความระมัดระวัง
  • โรคลูปัสอีริทีมาโตซัส (SLE):
      • Furosemide อาจทำให้อาการของโรคลูปัส erythematosus (SLE) รุนแรงขึ้น บุคคลที่เป็นโรค SLE ควรใช้ furosemide ด้วยความระมัดระวัง และแนะนำให้ติดตามอาการอย่างใกล้ชิดเพื่อให้อาการแย่ลง
  • การตั้งครรภ์และให้นมบุตร:
    • การใช้ furosemide ในระหว่างตั้งครรภ์และให้นมบุตรควรทำภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ควรพิจารณาความเสี่ยงและผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ และอาจพิจารณาวิธีการรักษาทางเลือกอื่น
จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแจ้งให้ผู้ให้บริการดูแลสุขภาพของคุณทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ที่สมบูรณ์ของคุณ รวมถึงอาการป่วยที่มีอยู่ก่อนและยาที่คุณกำลังใช้ ก่อนที่จะใช้ furosemide ใช้ยาฟูโรเซไมด์เสมอตามปริมาณและคำแนะนำที่แนะนำโดยผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพของคุณหรือบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ การตรวจสอบระดับอิเล็กโทรไลต์และการทำงานของไตเป็นประจำมักจำเป็นในระหว่างการรักษาด้วย furosemide หากคุณพบผลข้างเคียงใดๆ หรือมีความกังวลเกี่ยวกับการใช้ furosemide โปรดปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพของคุณทันที
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด