บรรเทาอาการแพ้ท้อง (10 Tips for Relieving Morning Sickness) – ข้อเท็จจริง เคล็ดลับ

อาการแพ้ท้องมักเป็นหนึ่งในสัญญานแรกของการตั้งครรภ์ เป็นอาการที่หลายคนบ่นคร่ำครวญ แต่อาการนี้จะหายเมื่อพ้นช่วงสามเดือนแรกของการตั้งครรภ์ แต่อย่างไรก็ตามวำหรับผู้หญิงบางคน อาการแพ้ท้องรุนแรงก็อาจเป็นการรบกวนได้ เกินกว่าครึ่งของหญิงตั้งครรภ์มักมีอาการคลื่นไส้ อาการแพ้ท้องอาจเกิดขึ้นได้ตลอดทั้งวันสำหรับผู้หญิงบางคน มักเริ่มมีอาการราวสัปดาห์ที่ 6 ของการตั้งครรภ์และจะหายไปเองราวสัปดาห์ที่ 12 แต่ผู้หญิงแต่ละคนต่างก็มีอาการที่แตกต่างกันออกไป  อาการแพ้ท้องไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษาเว้นเสียแต่ว่ามีความรุนแรงและนำมาซึ่งภาวะขาดน้ำและน้ำหนักตัวลดลง เคล็ดลับบางอย่างและการดูแลตนเองอาจช่วยได้

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอาการแพ้ท้อง

  • อาการแพ้ท้องเกิดขึ้นมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิงที่เริ่มมีการตั้งครรภ์
  • อาการแพ้ท้องสามารถจัดการได้หลากหลายวิธี ซึ่งรวมถึงมาตราการการรับประทานอาหาร การกดจุด และการพักผ่อน
  • การใช้ยาในการรักษาทำเมื่อมีอาการที่มากเกินไปเท่านั้น
  • ไม่แนะนำให้มีการใช้ยาในระหว่างการตั้งครรภ์นอกจากมีใบสั่งแพทย์

เคล็ดลับ

ผู้หญิงส่วนใหญ่มักไม่ค่อยอาเจียนมากจนเกินไป แต่ส่วนใหญ่มักแค่รู้สึกไม่สบายตัวในระหว่างมีอาการคลื่นไส้ ต่อไปนี้คือเคล็ดลับแก้อาการแพ้ท้องเพื่อลดอาการคลื่นไส้ที่ไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นในระหว่างการตั้งครรภ์

1) นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ

สิ่งที่สำคัญคือการได้นอนหลับในเวลากลางคืนที่ดี การงีบหลับในระหว่างวันก็อาจช่วยได้เช่นเดียวกัน แต่ต้องไม่นอนทันทีหลังมื้ออาหาร เพราะนั้นเท่ากับเป็นการเพิ่มอาการคลื่นไส้มากขึ้น สำหรับคนที่ต้องทำงานในช่วงเวลากะกลางคืน อาจต้องช่วยการนอนด้วยการสวมแผ่นปิดตา หรือใช้ผ้าม่านกันแสงจากภายนอกให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ เข้านอนเร็ว และตื่นแต่เช้า เพื่อให้คุณมีเวลาในการลุกจากเตียง ห้ามใช้ยานอนหลับเว้นแต่แพทย์สั่ง

2) รับประทานด้วยความระมัดระวัง

ไขมัน และอาหารรสจัดรวมถึงคาเฟอีนจะเพิ่มโอกาสในการกระตุ้นการปล่อยกรดในกระเพาะอาหาร โดยเฉพาะในขณะเกิดกระบวนการการตั้งครรภ์ และตัวทารกกดทับเข้ากับทางเดินอาหาร อาหารรสจืดอาจทำให้ความรุนแรงน้อยลง การรับประทานอาหารมื้อเล็กๆก็สามารถช่วยลดโอกาสในการอาเจียน และการพยายามให้มีบางอย่างอยู่ในกระเพาะอาหารเสมอ การปล่อยให้ท้องว่างยิ่งทำให้อาการคลื่นไส้แย่ลง กระเพาะอาหารจะผลิตกรดแต่หากไม่มีอะไรอยู่นอกจากเนื้อเยื่อกระเพาะอาหาร จะยิ่งไปเพิ่มความรู้สึกคลื่นไส้มากขึ้น การรับประทานแครกเกอร์รสเค็ม หรืออาหารว่างโปรตีนก่อนลุกจากเตียงในตอนเช้าอาจช่วยได้ อาหารเช้า แอปเปิ้ล  ลูกแพร กล้วย หรือผลไม้รสเปรี้ยวจะช่วยให้รู้สึกดีในตอนเช้าได้ โปรแตสเซียมในผลไม้อาจช่วยป้องกันอาการแพ้ท้องได้ คาร์โบไฮเดรตก็สามารถช่วยได้ มันอบ ข้าว และขนมปังแห้งๆก็เป็นทางเลือกที่มีความเหมาะสม ในช่วงเวลากลางคืน การรับประทานอาหารว่างที่มีโปรตีนสูงก่อนเข้านอนจะช่วยควบคุมระดับกลูโคลในเลือดในช่วงระหว่างเวลากลางคืน การรับประทานอาหารที่มีความเย็นจะช่วยลดกลิ่นเวลารับประทาน

3) ทำกิจกรรมทางร่างกายและจิตใจอยู่เสมอ

การทำกิจกรรมทางร่างกายพบว่าช่วยทำให้อาการของผู้หญิงที่มีอาการคลื่นไส้จากการตั้งครรภ์ดีขึ้น การทำตัวเองให้ยุ่งอยู่เสมอจะช่วยทำให้เลิกใส่ใจความรู้สึกคลื่นไส้ไปได้ การอ่านหนังสือ เล่นเกมส์ต่อคำ ดูทีวี เล่นไพ่ หรือออกไปเดินเล่นจะช่วยให้ยุ่งอยู่แต่กับสิ่งๆนั้น

4) ให้แน่ใจว่าได้รับของเหลวที่ดี

เป็นเรื่องที่สำคัญมากในการรักษาความชุ่มชื้นเพื่อสุขภาพที่ดี โดยเฉพาะในระหว่างการตั้งครรภ์ อาจเป็นเรื่องยากในการบริโภคน้ำให้ได้แปดแก้วต่อวันในขณะที่เกิดอาการคลื่นไส้ แต่ภาวะขาดน้ำอาจทำให้ความรู้สึกคลื่นไส้มีความรุนแรงขึ้น เพิ่มน้ำส้มสายชูแอปเปิลไซเดอร์ และน้ำผึ้งผสมน้ำอาจทำให้มีรสชาติที่ด๊ขึ้นได้ การดูดก้อนน้ำแข็งที่ทำจากน้ำ หรือน้ำผลไม้เป็นอีกหนึ่งวิธีที่เกิดประสิทธิภาพ

5) ชาขิง และเปปเปอร์มินต์

ขิงถูกนำมาใช้เพื่อช่วยการย่อย และลดอาการไม่สบายท้องมานานแสนนานแล้ว จากการศึกษาพบว่าสามารถช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ได้ อีกหนึ่งทางเลือกคือการจิบเอลขิงเย็น หรือการนำเอาขิงดิบสไลด์ใส่ลงในน้ำ หรือชา อาหารว่างเช่นขนมปังขิง หรือคุ้กกี้ขิงก็อาจช่วยได้

6) สวมใส่เสื้อผ้าที่หลวม และสบาย

การใส่เสื้อผ้าคับ หรือแน่นอาจทำให้อาการคลื่นไส้แย่ลง  ผู้หญิงที่มีอาการคลื่นไส้ในระหว่างตั้งครรภ์มีอาการคลื่นไส้น้อยลงเมื่อสวมเสื้อผ้าหลวมๆ

7) วิตามิน และอาหารเสริม

อาหารเสริมควรใช้ภายใต้การแนะนำของแพทย์เท่านั้น หากกำลังรับประทานวิตามิน วิธีที่ดีที่สุดคือ รับประทานก่อนนอนพร้อมกับอาหารว่าง วิตามินบีช่วยลดอาการคลื่นไส้ได้ อาหารเสริมธาตุเหล็กอาจถูกสั่งจ่ายจากแพทย์ในระหว่างตั้งครรภ์บางครั้งอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ แพทย์อาจแนะนำให้บริโภคในปริมาณน้อย รับประทานอาหารเสริมธาตุเหล็กพร้อมกับน้ำส้ม หรือเครื่องดื่มอื่นๆที่มีวิตามินซีเพื่อเพิ่มการดูดซึม

8) หลีกเลี่ยงการสั่นไหวจากจอคอมพิวเตอร์

การสั่นไหวของจอคอมพิวเตอร์ที่เต้นถี่ และแทบจะสังเกตไม่เห็นอาจมีส่วนทำให้เกิดอาการแพ้ท้องได้ หากเป็นไปได้ยากในการหลีกเลี่ยงจอคอมพิวเตอร์ การปรับจอโดยทำให้ตัวอักษรหนาและใหญ่ขึ้น และเปลี่บพื้นหลังของจอให้มีสำน้ำตาลอ่อน หรือสีชมพูจะช่วยลดอาการตาล้าได้

9) หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น

อาการแพ้ท้องมีส่วนรวมกับการไวต่อการได้กลิ่นที่เพิ่มขึ้น กลิ่นแรงบางชนิดสามารถทำให้อาการแย่ลง แต่กลิ่นเลมอนสกัด และโรสแมรี่อาจช่วยได้

10) ช่วยเรื่องกรดไหลย้อน

บางครั้งอาการคลื่นไส้ และอาเจียนอาจเกิดขึ้นเพราโรคกรดไหลย้อน แพทย์อาจแนะนำยาลดกรดให้รับประทานก่อนเข้านอนเพื่อลดระดับกรดในกระเพาะอาหาร และอาการอาเจียนในตอนเช้า ควรเช็คกับแพทย์ทุกครั้งก่อนการรับประทานยาทุกชนิดในระหว่างการตั้งครรภ์ การบำบัดทางเลือกเช่นการกดจุดอาจช่วยได้  การกดลงบนตำแหน่งเฉพาะที่บนร่างกายอาจช่วยควบคุมอาการได้

10 Tips for Relieving Morning Sickness

อาการแพ้ท้องคือ อะไร 

ความรู้สึกคลื่นไส้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่เฉพาะในตอนเช้าเท่านั้น ผู้หญิงส่วนใหญ่พบว่าอาการบรรเทาลงได้เมื่อเลยช่วงเวลาเช้าไป แต่ก็มีบางคนที่อาจมีอาการตลอดทั้งวัน การคลื่นไส้ในระหว่างการตั้งครรภ์คือ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปกติเป็นผลมาจากระดับเอสโตรเจนที่เพิ่มขึ้น น้ำตาลในเลือดต่ำ และไวต่อการได้กลิ่นบางชนิด เหตุผลที่แน่นอนนั้นยังไม่รู้แน่ชัด แต่อาจมีปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการได้เช่น:
  • ฮอร์โมนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเอสโทรเจน โปรเจสเตอโรน  ฮอร์โมน HCG และ คอเลซิสโทไคนิน ทำให้การทำงานการย่อยเกิดการเปลี่ยนแปลง
  • น้ำตาลในเลือดตก ส่งผลจากตับอ่อนต้องการพลังงาน
บางทฤษฎีพบว่าสิ่งที่มีส่วนให้เกิดอาการคลื่นไส้ในช่วงต้นของการตั้งครรภ์มีผลจากความรู้สึกด้านกลิ่น  ผู้หญิงที่ไวต่อการได้กลิ่นจะยิ่งไวมากขึ้นในการตั้งครรภ์ และสามารถไปเพิ่มความรู้สึกคลื่นไส้มากขึ้น อาการแพ้ท้องมักเกิดขึ้นในระหว่างช่วงสามเดือนแรกของการตั้งครรภ์ และเบาบางลงเมื่อเริ่มเข้าสู่ไตรมาสสอง จากการวิจับพบว่าการคลื่นไส้ และอาเจียนในระหว่างการตั้งครรภ์ คือ สัญญาณที่ดี และอาจมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงภาวะแท้งบุตร อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจ แท้งคุกคาม

การอาเจียนที่มากเกินไป

การอาเจียนที่มากเกินไปในระหว่างการตั้งครรภ์ หรือที่เรียกว่าอาการแพ้ท้องอย่างรุนแรง สามารถนำไปสู่ภาวะขาดน้ำ ทุพโภชนาการ และน้ำหนักลด อาการแพ้ท้องส่งผลกระทบต่อผู้หญิงราว 1 ใน 3000 คนในระหว่างตั้งครรภ์ มักเกิดขึ้นในช่วง 20 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์เท่านั้น ผู้หญิงควรไปพบแพทย์เมื่อ:
  • น้ำหนักลดลงมากกว่า 2 ปอนด์
  • อาเจียนเป็นเลือด อาจเป็นสีแดง หรือดำ
  • อาเจียนมากกว่าสี่ครั้งต่อวัน
แพทย์อาจแนะนำให้เปลี่ยยรูปแบบการรับประทาน พักผ่อนมากๆ และใช้ยาลดกรด ในรายที่มีอาการรุนแรงคนไข้อาจจำเป็นต้องได้รับของเหลว และสารอาหารทางหลอดเลือดดำ

อาหารสำหรับคนแพ้ท้อง

แนะนำให้รับประทานเช่น
  • อาหารแช่เย็น
  • ผัก และผลไม้
  • อาหารรสจืดเช่นซุปไก่
สำหรับอาหารว่าง ที่ทาง APA แนะนำคือ:
  • เพรทเซล
  • เจลลี่-โอ
  • อมยิ้ม
  • เพรกกี้ ป๊อบ ลูกอมชนิดหนึ่งที่มีรสที่แตกต่างกันเช่น มินต์ เลม่อน และขิง ที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยลดอาการคลื่นไส้
ไม่แนะนำให้รับประทานยาในระหว่างการตั้งครรภ์ ปรึกษาแพทย์ถึงการดูแลตนเองโดยไม่ใช่ยาสำหรับอาการแพ้ท้อง/;

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกัยอาการแพ้ท้อง

1. อะไรทำให้เกิดอาการแพ้ท้อง 

เชื่อกันว่าอาการแพ้ท้องเชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพิ่มขึ้นของระดับ chorionic gonadotropin (hCG) ของมนุษย์ในระหว่างตั้งครรภ์ระยะแรก อย่างไรก็ตามสาเหตุที่แน่ชัดยังไม่ชัดเจน

2. โดยทั่วไปการแพ้ท้องจะเริ่มและสิ้นสุดเมื่อใด

อาการแพ้ท้องมักเริ่มในช่วงสัปดาห์ที่ 6 ของการตั้งครรภ์ และสูงสุดในช่วงสัปดาห์ที่ 8 ถึง 12 สำหรับบางคนอาจคงอยู่ในไตรมาสที่สอง ในขณะที่บางคนอาจรู้สึกโล่งใจเร็วกว่านี้

3. การแพ้ท้องเกิดขึ้นเฉพาะช่วงเช้าหรือไม่ 

ตรงกันข้ามกับชื่อของมัน การแพ้ท้องสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลาของวัน ผู้หญิงบางคนอาจรู้สึกเป็นส่วนใหญ่ในตอนเช้า ในขณะที่บางคนอาจรู้สึกคลื่นไส้ตลอดทั้งวันหรือคืน

4. ฉันจะจัดการกับอาการแพ้ท้องได้อย่างไร 

  • รับประทานอาหารมื้อเล็กๆ บ่อยๆ:การรับประทานอาหารมื้อเล็กๆ บ่อยๆ จะช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่
  • ดื่มน้ำเยอะ ๆ :จิบน้ำตลอดทั้งวันเพื่อป้องกันการขาดน้ำ ลองเติมมะนาวเพื่อเพิ่มรสชาติ
  • ขิง:ขิงไม่ว่าจะในชาหรือเป็นอาหารเสริมอาจช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ได้
  • หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น:ระบุและหลีกเลี่ยงอาหารหรือกลิ่นที่ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้
  • การพักผ่อนและผ่อนคลาย:พักผ่อนอย่างเพียงพอ เนื่องจากความเหนื่อยล้าอาจทำให้อาการแพ้ท้องรุนแรงขึ้น

5. ฉันควรขอคำแนะนำทางการแพทย์เมื่อใด 

แม้ว่าอาการแพ้ท้องเป็นเรื่องปกติของการตั้งครรภ์ ให้ปรึกษาผู้ให้บริการด้านสุขภาพของคุณหาก:
  • ภาวะขาดน้ำอย่างรุนแรงเกิดขึ้น
  • คลื่นไส้อาเจียนอย่างต่อเนื่องและรุนแรง
  • การลดน้ำหนักเป็นสิ่งสำคัญ
  • คุณไม่สามารถเก็บอาหารหรือของเหลวไว้ได้

6. อาการแพ้ท้องส่งผลต่อพัฒนาการของทารกได้หรือไม่ 

ในกรณีส่วนใหญ่ อาการแพ้ท้องไม่เป็นอันตรายต่อทารก อย่างไรก็ตาม กรณีที่รุนแรงและยืดเยื้ออาจทำให้ร่างกายขาดน้ำและน้ำหนักลด ซึ่งอาจส่งผลต่อทารกได้ การขอคำแนะนำจากแพทย์เป็นสิ่งสำคัญในกรณีเช่นนี้

7. มียาที่ปลอดภัยสำหรับการแพ้ท้องหรือไม่ 

ปรึกษาผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพของคุณก่อนรับประทานยาในระหว่างตั้งครรภ์ พวกเขาอาจแนะนำอาหารเสริมวิตามินบี 6 ยาที่จำหน่ายที่ร้านขายยา หรือสั่งยาที่ปลอดภัยสำหรับสตรีมีครรภ์

8. อาหารบางชนิดสามารถบรรเทาอาการแพ้ท้องได้หรือไม่ 

  • แครกเกอร์และของว่างแห้ง:เก็บแครกเกอร์ไว้ข้างเตียงเพื่อแทะก่อนลุกจากเตียง
  • ผลไม้รสเปรี้ยว:กลิ่นของผลไม้รสเปรี้ยวอาจช่วยแก้อาการคลื่นไส้ได้
  • อาหารเย็นธรรมดา:เลือกอาหารจานเย็นง่ายๆ ที่ช่วยให้สบายท้อง

9. การแพ้ท้องบ่งบอกถึงการตั้งครรภ์ที่มีสุขภาพดีหรือไม่ 

ใช่ การแพ้ท้องอาจเป็นสัญญาณเชิงบวก เนื่องจากมักบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนตามปกติที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์ที่มีสุขภาพดี อย่างไรก็ตาม การตั้งครรภ์ทุกครั้งจะมีลักษณะเฉพาะ และการไม่มีอาการแพ้ท้องไม่จำเป็นต้องส่งสัญญาณถึงปัญหาเสมอไป

10. คู่รักจะช่วยเหลือผู้ที่ต้องรับมือกับอาการแพ้ท้องได้อย่างไร 

  • ความเข้าใจ:ให้ความรู้ตัวเองเกี่ยวกับการแพ้ท้องเพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างมีข้อมูล
  • ช่วยเหลืองานบ้าน:ช่วยทำงานบ้านเพื่อลดความเครียดและความเหนื่อยล้า
  • ความเห็นอกเห็นใจ:จงอดทนและมีความเห็นอกเห็นใจ เนื่องจากการแพ้ท้องอาจเป็นเรื่องท้าทายทางอารมณ์ได้
อาการแพ้ท้องเป็นเพียงอาการชั่วคราวของการตั้งครรภ์ และถึงแม้จะอาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัว แต่ก็มักจะทุเลาลงเมื่อการตั้งครรภ์ดำเนินไป ด้วยการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม การสนับสนุน และคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ หากจำเป็น สตรีมีครรภ์สามารถผ่านขั้นตอนนี้ได้ง่ายขึ้น
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด