ผู้เขียน Dr. Sommai Kanchana
0
เทโนโฟเวียร์
ชื่อสามัญ: Tenofovir  ชื่อแบรนด์: Vemlidy, Viread รูปแบบยา: ยาผงชนิดรับประทาน (40 มก./กรัม); ยาเม็ดชนิดรับประทาน (150 มก. 200 มก. 25 มก. 250 มก. 300 มก.) ประเภทยา: สารยับยั้งการย้อนกลับของนิวคลีโอไซด์ (NRTIs)

Tenofovir คืออะไร 

Tenofovir เป็นยาต้านไวรัสที่ใช้รักษาโรค HIV ซึ่งเป็นไวรัสที่สามารถทำให้เกิดโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (AIDS)  แต่ Tenofovir ไม่ใช่ยารักษาเอชไอวีหรือเอดส์ นอกจากนี้แล้ว Tenofovir ยังใช้ในการรักษาโรคตับอักเสบบีเรื้อรัง Tenofovir ใช้สำหรับผู้ใหญ่และเด็กอายุอย่างน้อย 2 ปีและมีน้ำหนักอย่างน้อย 10 กิโลกรัม ขึ้นไป Tenofovir อาจใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ ที่ไม่ได้ระบุไว้ในคู่มือการใช้ยานี้ ทั้งนี้แล้วแต่วิจารณญาณของแพทย์

คำเตือน

หากผู้ป่วยเป็นโรคไวรัสตับอักเสบบี ยานี้อาจจะทำให้อาการแย่ลงหลังจากที่หยุดใช้ Tenofovir  ผู้ป่วยจำเป็นต้องทดสอบการทำงานของตับบ่อยครั้งเป็นเวลาหลายเดือน อย่าหยุดใช้ Tenofovir โดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ก่อน

ข้อบ่งใช้

ผู้ป่วยไม่ควรรับประทาน Tenofovir หากallergy-0094/”>แพ้ยานี้ ห้ามใช้ยา Tenofovir ร่วมกับ Adefovir (Hepsera) หรือที่มีส่วนผสมของ Tenofovir ( Atripla , Biktarvy , Cimduo, Complera , Descovy , Genvoya , Odefsey , Stribild , Symfi หรือ Truvada ) แจ้งให้แพทย์ทราบหากผู้ป่วยมีอาการดังนี้:
  • โรคตับ (โดยเฉพาะไวรัสตับอักเสบบี);
  • เอชไอวี 
  • โรคไต 
  • ความหนาแน่นของแร่ธาตุกระดูกต่ำ
ผู้ป่วยที่เคยรับประทานยาต้านเอชไอวีมาเป็นเวลานาน เมื่อรับประทานยานี้แล้วอาจจะส่งผลให้ผู้ป่วยอาจเกิดภาวะ  Lactic Acidosis ซึ่งเป็นการสะสมของกรดแลคติกในร่างกายในเลือด  ผู้ป่วยที่ตั้งครรภ์ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ และใช้ยาอย่างถูกต้องเพื่อควบคุมการติดเชื้อ เนื่องจากเชื้อเอชไอวีสามารถส่งผ่านไปยังลูกน้อยได้หากไม่ได้ควบคุมไวรัสในระหว่างตั้งครรภ์   ผู้หญิงที่ติดเชื้อ HIV หรือ AIDS ไม่ควรให้นมลูก แม้ว่าลูกจะเกิดมาโดยไม่มีเชื้อเอชไอวี ไวรัสก็อาจจะส่งต่อไปยังทารกผ่านน้ำนมแม่ของได้

วิธีการใช้ยา Tenofovir  

ก่อนที่ผู้ป่วยจะเริ่มการรักษาด้วยยา Tenofovir แพทย์อาจตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ป่วยไม่มีเชื้อเอชไอวี หากผู้ป่วยกำลังรักษาไวรัสโรคตับอักเสบบี หรือตรวจโรคไวรัสตับอักเสบบีหากผู้ป่วยกำลังรับการรักษาเอชไอวี  ปฏิบัติตามฉลากใบสั่งยาหรือคำแนะนำจากแพทย์อย่างเคร่งครัดและรับประทานยา  Tenofovir ในเวลาเดียวกันทุกวัน กรณีที่ Tenofovir เป็นแบบผงให้ผู้ป่วยผสมกับอาหารอ่อนๆ เช่น ซอสแอปเปิ้ล โยเกิร์ต หรืออาหารทารก อย่ากับน้ำเปล่า การใช้ Tenofovir ในเด็กนั้นขึ้นอยู่กับน้ำหนักของเด็ก และปริมาณนั้นอาจเปลี่ยนแปลงได้เมื่อเด็กมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นหรือลดลง ทั้งนี้เมื่อใช้ยา Tenofovir ผู้ป่วยจำเป็นต้องมีการตรวจสอบร่างกายอยู่สม่ำเสมอ อย่าหยุดใช้ Tenofovir โดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ก่อน Tenofovir

กรณีที่ลืมทานยา

หากลืมทานยาให้ทานยาทันทีที่นึกได้   หากใกล้ถึงเวลาที่ต้องรับประทานยาในมื้อถัดไป  สามารถข้ามมื้อที่ลืมไปได้ทันทีโดยไม่ต้องเพิ่มปริมาณยาเป็นสองเท่า

ควรหลีกเลี่ยงอะไรในขณะที่ใช้ยา Tenofovir 

หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อความเสียหายของตับ การใช้ Tenofovir จะไม่ป้องกันการแพร่กระจายของโรค ห้ามมีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีการป้องกันหรือใช้มีดโกนหรือแปรงสีฟันร่วมกันกับผู้อื่น  พูดคุยกับแพทย์ของคุณเกี่ยวกับวิธีการที่ปลอดภัยในการป้องกันการแพร่เชื้อเอชไอวีระหว่างมีเพศสัมพันธ์ ยาใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น  

Tenofovir Side Effects

หากผู้ป่วยมีอาการแพ้ยาให้ไปพบแพทย์ทันที อาการแพ้ยา มีดังนี้ โทรเรียกรถพบาบาลทันทีหากคุณมีอาการดังต่อไปนี้:
  • เจ็บคอ  อาการไข้หวัด ช้ำง่ายหรือมีเลือดออกผิดปกติ 
  • ปัญหาเกี่ยวกับไต – ปัสสาวะน้อยหรือไม่มีเลย ปัสสาวะเจ็บปวดหรือลำบาก บวมที่เท้าหรือข้อเท้า รู้สึกเหนื่อยหรือหายใจไม่ออก หรือ
  • ปัญหาเกี่ยวกับตับ เช่น บวมบริเวณกลางลำตัว ปวดท้องช่วงบน เหนื่อยล้าหรืออ่อนเพลียผิดปกติ เบื่ออาหาร ปัสสาวะมีสีเข้ม  อาการตัวเหลือง  ผิวหรือตาเหลือง 
Tenofovir จะส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วย ซึ่งสามารถทำให้เกิดผลข้างเคียงบางอย่าง ทั้งนี้อาจจะเป็นเวลานานหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน แจ้งให้แพทย์ทราบหากคุณมี:
  • สัญญาณของการติดเชื้อใหม่ – มีไข้ เหงื่อออกตอนกลางคืน มีแผลในปาก  หายใจมีเสียงหวีด ท้องร่วง น้ำหนักลด  
  • มีปัญหาในการพูดหรือการกลืน มีปัญหากับการทรงตัวไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของดวงตา  
  • คอบวม (ต่อมไทรอยด์ใหญ่ขึ้น)
  • ประจำเดือนเปลี่ยนแปลง 
  • ร่างกายอ่อนแอ
ผลข้างเคียงที่พบบ่อยอาจรวมถึง:

ปฎิกริยาของ Tenofovir ยาอื่น ๆ 

บางครั้งการใช้ยาบางชนิดพร้อมกันส่งผลให้เกิดปฎิกริยาต่อกัน ซึ่งอาจเพิ่มผลข้างเคียงหรือทำให้ยามีประสิทธิภาพน้อยลง Tenofovir อาจส่งผลเสียต่อต่อไต โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผู้ป่วยใช้ยารักษาอาการติดเชื้อบางตัว  ยาโรคมะเร็ง ยาโรคกระดูกพรุน   ความดันโลหิตสูงหรือยารักษาโรคข้ออักเสบ (รวมถึง Advil , Motrin และ Aleve ) ทั้งนี้ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานยาทุกครั้ง รวมถึงแจ้งเกี่ยวกับโรคประจำตัวที่เป็น และยาที่กำลังรับประทานอยู่ รวมไปถึงวิตตามินและอาหารเสริมอื่น ๆ 
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด