มะเร็งถุงน้ำดี (Gallbladder Cancer) : อาการ สาเหตุ การรักษา

มะเร็งถุงน้ำดี (Gallbladder Cancer) ไม่ใช่โรคมะเร็งที่พบได้บ่อยนักแต่หากเป็นแล้วอาจมีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดอันตรายจนถึงแก่ชีวิตเช่นกัน เนื่องจากมะเร็งถุงน้ำดีนั้นอาจจะไม่แสดงอาการในระยะแรก ๆ และเมื่อผู้ป่วยรู้ตัวก็จะอยู่ในระยะที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ ถุงน้ำดีในร่างกายของเราเป็นถุงขนาดเล็กที่มีความยาวประมาณ 3 นิ้ว และกว้างประมาณ 1 นิ้ว อยู่ใต้ตับ ถุงน้ำดีมีหน้าที่กักเก็บน้ำดีซึ่งเป็นของเหลวที่ตับผลิตขึ้น นำ้ดีที่ถูกเก็บไว้ในถุงน้ำดีจะถูกปล่อยออกไปยังลำไส้เล็กเพื่อช่วยในการย่อยอาหาร 
  • ในปี 2019 มีผู้ป่วยกว่า 12,000 คนเท่านั้น ที่ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งในถุงน้ำดี
  • มะเร็งโดยส่วนมากที่พบนั้น เป็นชนิดของมะเร็งที่เกิดขึ้นในต่อมเซลล์ต่าง ๆ ของอวัยวะภายในร่างกายของเรา 

สาเหตุของมะเร็งในถุงน้ำดี 

แพทย์ยังไม่สามารถหาคำตอบได้ว่าอะไรคือสาเหตุที่แท้จริงของมะเร็งในถุงน้ำดี เท่าที่พวกเขาทราบคือ มันเกิดความผิดพลาดในดีเอ็นเอของคน ๆ หนึ่ง หรือที่รู้จักกันในชื่อของ การกลายพันธุ์ของดีเอ็นเอ เป็นสาเหตุให้เซลล์เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วอย่างไม่สามารถควบคุมได้  เมื่อจำนวนของเซลล์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ก้อน หรือ เนื้องอกก็ก่อตัวขึ้น หากไม่ได้รับการรักษา ในท้ายที่สุดเซลล์เหล่านี้จะแพร่กระจายไปยังเนื้อเยื่อใกล้เคียงและไปยังส่วนต่าง ๆ ทั่วร่างกาย  มีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่างที่เพิ่มความผิดปกติที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งในถุงน้ำดี โดยส่วนมากจะเกี่ยวข้องกับการอักเสบเป็นระยะเวลานานของถุงน้ำดี  การที่คุณมีปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ไม่ได้หมายความว่าคุณจะเป็นมะเร็ง แต่หมายถึงคุณมีโอกาสสูงที่จะเป็นมากกว่าผู้ที่ไม่มีความเสี่ยง 

ปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดมะเร็งถุงน้ำดี

นิ่วในถุงน้ำดีคือก้อนแข็ง ๆ เล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นในถุงน้ำดีของคุณ เมื่อน้ำดีนั้นมีคอเรสเตอรอล หรือ บิลิรูบินสูงเกินไป ( บิลิรูบินคือสารสีที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อเซลล์เม็ดเลือดแดงแตก ) เมื่อก้อนนิ่วอุดตันทางผ่านของน้ำ หรือ ท่อน้ำดี ไม่ว่าจะเป็นด้านในหรือด้านนอกของตับ มันจะส่งผลให้เกิดการอักเสบของถุงน้ำดี  ซึ่งเรียกกันว่า โรคถุงน้ำดีอักเสบ และมันสามารถที่จะเกิดได้อย่างรุนแรง ยาวนาน หรือ เรื้อรังได้  การอักเสบที่เรื้อรังจากโรคถุงน้ำดีอักเสบนั้นเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดมะเร็งในถุงน้ำดี จากข้อมูลของสถาบันมะเร็งสหรัฐอเมริกา พบว่า ใน 70 ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่ป่วยเป็นมะเร็งในถุงน้ำเป็นโรคถุงน้ำดีอักเสบ  แต่ในขณะเดียวกัน โรคถุงน้ำดีอักเสบนั้นเป็นโรคที่พบได้ทั่วไปและไม่ได้หมายความว่าผู้ที่เป็นโรคนี้จะเป็นมะเร็งในถุงน้ำดีเสมอไป จากข้อมูลของสถาบันมะเร็ง  ปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่จะเกิดโรคมะเร็งถุงน้ำดีมีดังนี้: 
  • ภาวะแคลเซียมเกาะที่ถุงน้ำดี เกิดขึ้นเมื่อถุงน้ำดีมีสีขาว เหมือนถูกเคลือบไว้ นั่นเป็นเพราะผนังของถุงน้ำดีถูกเกาะด้วยหินปูน 
  • เนื้องอกในถุงน้ำดี หรือติ่งเนื้อในถุงน้ำดี เพียงแค่ 5 เปอร์เซนต์ของติ่งเนื้อเหล่านี้เท่านั้นที่ถูกพบว่าเป็นมะเร็ง  
  • อายุ โรคมะเร็งในถุงน้ำดีส่วนมากนั้นจะเกิดขึ้นกับผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป โดยเฉลี่ยแล้ว พวกเขาจะพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งในถุงน้ำดีเมื่ออายุ 72 ปี 
  • กลุ่มเชื้อชาติ ในสหรัฐอเมริกา ละตินอเมริกา กลุ่มคนพื้นเมืองอเมริกา และคนเม็กซิกัน มีความเสี่ยงสูงที่สุดที่จะเป็นโรคมะเร็งในถุงน้ำดี 
  • ท่อน้ำดีมีปัญหา เมื่อท่อน้ำดีอุดตันทำให้น้ำดีไม่สามารถไหลออกไปได้ ทำให้มันไหลกลับเข้ามาในถุงน้ำดี เป็นสาเหตุของการเกิดอาการอักเสบ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งถุงน้ำดี 
  • ท่อน้ำดีอักเสบแข็งปฐมภูมิ รอยแผลจากการอักเสบของท่อน้ำดีเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดการอักเสบขึ้นอีก และรวมไปถึงความเสี่ยงที่จะเกิดมะเร็งในถุงน้ำดีด้วย 
  • โรคไทฟอยด์ เป็นโรคที่เกิดจากแบคทีเรีย Salmonella ผู้ที่มีปัญหาติดเชื้อเรื้อรัง หรือติดเชื้อแต่ไม่มีอาการมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคมะเร็งในถุงน้ำดี 
  • สมาชิกในครอบครัวเป็นโรคมะเร็งถุงน้ำดี ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยเมื่อคนในครอบครัวมีประวัติป่วยเป็นโรคมะเร็งในถุงน้ำดี 

สัญญาณเตือนและอาการมะเร็งในถุงน้ำดี 

โดยปกติแล้ว อาการมะเร็งในถุงน้ำดีจะไม่ปรากฏขึ้นจนกว่าจะเป็นในระยะที่รุนแรงแล้ว โดยปกติ มะเร็งนั้นได้ลุกลามไปที่อวัยวะอื่นและต่อมน้ำเหลืองแล้วเมื่อตรวจพบ Gallblader Cancer พวกมันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ สัญญาณ อาการต่าง ๆ มีดังนี้: 
  • อาการปวดในช่องท้องด้ายขวา
  • ภาวะตัวเหลืองตาเหลือง หรือ ดีซ่าน ซึ่งเป็นผลมาจากการมีสารบิลิรูบินที่สูงอันเนื่องมาจากการอุดตันของท่อน้ำดี 
  • มีก้อนในช่องท้อง ซึ่งเกิดขึ้นได้เมื่อถุงน้ำดีนั้นขยายใหญ่ขึ้นจากการอุดตันของท่อน้ำดีหรือมะเร็งกระจายไปที่ตับแล้วทำให้เกิดก้อนขึ้นในช่องท้องด้านบนขวา 
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • น้ำหนักลด 
  • มีไข้
  • ท้องบวม
  • ฉี่สีเข้ม 

การรักษาโรคมะเร็งในถุงน้ำดี 

การผ่าตัดนั้นสามารถรักษามะเร็งถุงน้ำดีให้หายได้ แต่เซลล์มะเร็งทั้งหมดต้องถูกน้ำออกไป อย่างไรก็ตาม วิธีนี้นั้นจะได้ผลก็ต่อเมื่อมะเร็งนั้นถูกตรวจพบในระยะแรก ๆ ก่อนที่มันจะแพร่กระจายไปสู่อวัยวะอื่น  โดยปกติแล้วหลังจากการผ่าตัด แพทย์จะรักษาต่อด้วยคีโมบำบัดและการฉายรังสีเพื่อให้มั่นใจว่าเซลล์มะเร็งได้ตายไปหมดแล้ว การรักษาด้วยคีโมบำบัดและการฉายรังสีถูกใช้เพื่อรักษามะเร็งในถุงน้ำดีที่ไม่สามารถผ่าตัดออกมาได้เช่นกัน ซึ่งอย่างหลังนี้ไม่สามารถที่จะรักษาโรงมะเร็งให้หายขาด แต่จะยืดชีวิต และรักษาอาการต่าง ๆ ได้  เมื่อมะเร็งถุงน้ำดีอยู่ในระยะลุกลามแล้ว การผ่าตัดสามารถช่วยบรรเทาอาการต่าง ๆ ได้ ซึ่งเรียกกันว่า การดูแลแบบประคับประคอง หรือ Palliative care การดูแลแบบประคับประคองวิธีอื่น มีดังนี้ 
  • ยาบรรเทาปวด
  • ยาแก้คลื่นไส้
  • การให้ออกซิเจน
  • การใส่ท่อในท่อถุงน้ำดีเพื่อให้น้ำดีสามารถไหลออกมาได้ 
การดูแลแบบประคับประคองยังสามารถใช้ได้กับผู้ป่วยที่ไม่แข็งแรงพอที่จะรับการผ่าตัดได้อีกด้วย

ภาวะแทรกซ้อนของมะเร็งในถุงน้ำดี 

มะเร็งถุงน้ำดีเป็นมะเร็งรูปแบบที่ค่อนข้างหายาก โดยเริ่มต้นที่ถุงน้ำดี ซึ่งเป็นอวัยวะเล็กๆ ที่อยู่ใต้ตับ เช่นเดียวกับมะเร็งรูปแบบอื่นๆ มะเร็งถุงน้ำดีอาจมีภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อโรคดำเนินไป ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากมะเร็งถุงน้ำดี ได้แก่:
  • การอุดตันของท่อน้ำดี:หนึ่งในหน้าที่หลักของถุงน้ำดีคือการกักเก็บน้ำดีที่ผลิตโดยตับ มะเร็งถุงน้ำดีสามารถนำไปสู่การอุดตันของท่อน้ำดี ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการสำรองของน้ำดีและทำให้เกิดอาการตัวเหลือง (ผิวหนังและตาเหลือง) อาการคัน และปัสสาวะสีเข้ม
  • การแพร่กระจายของมะเร็ง:มะเร็งถุงน้ำดีสามารถแพร่กระจาย ไปยังอวัยวะใกล้เคียงและต่อมน้ำเหลือง เช่นเดียวกับอวัยวะที่อยู่ห่างไกล เช่น ตับ ปอด และช่องท้อง มะเร็งระยะลุกลามมักจะรักษาได้ยากกว่าและอาจทำให้เกิดอาการได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับอวัยวะที่ได้รับผลกระทบ
  • ตับได้รับผลกระทบ:ตับตั้งอยู่ใกล้ถุงน้ำดี และมะเร็งถุงน้ำดีสามารถแพร่กระจายไปยังตับได้ สิ่งนี้สามารถนำไปสู่ตับโต ความผิดปกติของตับ และภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
  • น้ำในช่องท้อง:มะเร็งถุงน้ำดีในระยะลุกลามสามารถนำไปสู่การสะสมของของเหลวในช่องท้อง ซึ่งเป็นภาวะที่เรียกว่าน้ำในช่องท้อง น้ำในช่องท้องอาจทำให้ช่องท้องบวม รู้สึกไม่สบาย และหายใจลำบาก
  • ความเจ็บปวด:เมื่อมะเร็งลุกลามและแพร่กระจาย อาจทำให้เกิดอาการปวดบริเวณช่องท้องส่วนบน หลัง และบริเวณสะบักขวาได้ ความเจ็บปวดนี้อาจรุนแรงและยากต่อการจัดการ
  • ภาวะแทรกซ้อนทางโภชนาการ:มะเร็งถุงน้ำดีอาจส่งผลต่อการย่อยอาหารและการดูดซึมสารอาหารจากอาหาร สิ่งนี้สามารถนำไปสู่การลดน้ำหนัก ภาวะทุพโภชนาการ และความอ่อนแอได้
  • ลิ่มเลือด:มะเร็งรวมถึงมะเร็งถุงน้ำดีเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดลิ่มเลือด ลิ่มเลือดเหล่านี้อาจเป็นอันตรายได้หากเดินทางไปที่ปอด (เส้นเลือดอุดตันที่ปอด) หรืออวัยวะสำคัญอื่นๆ
  • การติดเชื้อทางเดินน้ำดี:ท่อน้ำดีที่อุดตันอาจติดเชื้อได้ ทำให้เกิดโรคท่อน้ำดีอักเสบ ซึ่งเป็นการติดเชื้อร้ายแรงที่อาจทำให้เกิดไข้ หนาวสั่น และอาการอื่นๆ
  • ผลกระทบทางอารมณ์และจิตใจ:การวินิจฉัยโรคมะเร็งอาจส่งผลกระทบทางอารมณ์และจิตใจอย่างมีนัยสำคัญต่อผู้ป่วยและครอบครัวของพวกเขา การรับมือกับการวินิจฉัย การรักษา และความไม่แน่นอนของโรคอาจทำให้เกิดความเครียด วิตกกังวล และซึมเศร้าได้
สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือประสบการณ์ของแต่ละคนเกี่ยวกับมะเร็งถุงน้ำดีและภาวะแทรกซ้อนอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ระยะของมะเร็ง สุขภาพโดยรวม และประสิทธิผลของการรักษา หากคุณหรือคนที่คุณรู้จักกำลังเผชิญกับโรคมะเร็งถุงน้ำดี จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เพื่อจัดการกับอาการและได้รับการรักษาที่เหมาะสม

นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา

  • https://www.healthline.com/health/gallbladder-cancer
  • https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/gallbladder-cancer/symptoms-causes/syc-20353370
  • https://www.nhs.uk/conditions/gallbladder-cancer/
  • https://www.cancer.org/cancer/gallbladder-cancer/about/what-is-gallbladder-cancer.html
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด