อาการปวดเมื่อยตามร่างกายเป็นอาการที่พบได้บ่อยที่เกิดจากหลายสาเหตุ ไข้หวัดเป็นโรคหนึ่งที่ทำให้เกิดการปวดเมื่อยได้มากที่สุด การปวดเมื่อยังสามารถเกิดได้จากการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การยืน เดิน หรือการออกกำลังกายเป็นเวลานาน  คุณอาจต้องการการพักผ่อน หรือการดูแลตัวเองที่บ้านเพื่อบรรเทาอาการ แต่การปวดบางชนิด การปวดที่เป็นมานาน อาจมีสาเหตุที่ซ่อนอยู่ ในกรณีนี้ คุณอาจต้องไปพบเเพทย์เพื่อรับการตรวจ พวกเขาสามารถรักษาเพื่อให้อาการดีขึ้นได้ 

1. ความเครียด 

เมื่อคุณเครียด ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายไม่สามารถที่จะควบคุมการตอบสนองต่อการอักเสบได้ ซึ่งจะทำให้ร่างกายไม่สามารถต่อสู้กับการติดเชื้อ หรืออาการเจ็บป่วยได้ดีเท่าที่มันสามารถทำได้ ทำให้ร่างกายปวดเมื่อย และไม่สามารถที่จะต่อสู้กับการอักเสบ และการติดเชื้อในร่างกายได้  อาการที่บ่งบอกถึงความเครียด และความวิตกกังวล มีดังนี้:

2. การขาดน้ำ 

น้ำเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของร่างกายที่จะทำให้ร่างกายทำงานได้ยอ่างปกติ และมีสุขภาพดี เมื่อไม่มีน้ำ ร่างกายจะไม่สามารถทำงานได้อย่างปกติ รวมไปถึงการหายใจ และการย่อยอาหาร เมื่อร่างกายขาดน้ำ และการทำงานเหล่านี้ไม่สามารถเป็นไปอย่างปกติ คุณจะรู้สึกปวดเมื่อยตัว  อาการอื่น ๆ ของการขาดน้ำ ได้แก่:
  • ปัสสาวะสีเข้ม
  • เวียนหัว หรืองุนงง 
  • เหนื่อย
  • กระหายน้ำอย่างมาก 
หากคุณไม่ดื่มน้ำอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะในวันที่ร้อน หรืออากาศแห้ง ร่างกายจะขาดน้ำอย่างรวดเร็ว ร่างกายของเราต้องการน้ำประมาณ 8 แก้วต่อวัน และต้องการมากกว่านั้น หากคุณทำกิจกรรม หรือเหงื่อออกมาก 

3. นอนไม่พอ 

การนอนหลับไม่เพียงพอส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมทั้งหมด คุณต้องการการนอนหลับ 6-8 ชั่วโมงต่อวัน เนื้อเยื่อ และเซลล์ภายในร่างกายต้องการการนอนหลับที่เหมาะสมเพื่อที่จะมีสุขภาพดี และสมองต้องการการนอนหลับเพื่อที่จะสดชื่น และตื่นตัวในวันถัดไป เมื่อนอนหลับไม่เพียงพอ ร่างกายจะไม่ได้รับการักผ่อนอย่างเพียงพอ และทำให้เกิดความเจ็บปวดตามร่างกายได้  อาการอื่นของการนอนหลับไม่เพียงพอ:
  • สับสน หรืองุนงง 
  • เผลอหลับในตอนกลางวันโดยที่ไม่รู้ตัว 
  • มีปัญหาการเข้าใจในการอ่าน หรือการฟังผู้อื่น 
  • มีปัญหาการพูด 
  • มีปัญหาเรื่องความจำ 
เราควรนอนหลับให้เพียงพอในแต่ละคืน ร่างกายจำเป็นต้องตื่น และนอนตามนาฬิกาชีวิตเพื่อสุขภาพที่แข็งแรง 

4. เป็นหวัด หรือเป็นไข้หวัด 

หวัด หรือไข้หวัดเป็นการติดเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดการอักเสบ การติดเชื้อนี้โจมตีร่างกายของเรา ระบบภูมิคุ้มกันจึงพยายามที่จะต่อสู้ การอักเสบ โดยเฉพาะที่คอ หน้าอก หรือปอด เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดอาการปวด อาจทำให้ปวดไปทั่วทั้งร่างกาย เนื่องจากร่าวกายกำลังต่อสู้กับเชื้อโรคที่เข้ามา  อาการอื่น ๆ ของหวัด หรือไข้หวัด: พักผ่อน ดื่มน้ำมาก ๆ และกลั้วน้ำเกลืออุ่น ๆ เพื่อบรรเทาอาการปวดที่คอจะทำให้ร่างกายหายจากหวัด หรือไข้หวัดได้เร็วขึ้น 
  1. โลหิตจาง 
โรคโลหิตจางเกิดขึ้นจากการที่เซลล์เม็ดเลือดแดงในร่างกายไม่สามารถทำงานได้อย่างเหมาะสม ทำให้เนื้อเยื่อในร่างกายไม่ได้รับออกซิเจนเพียงพอ โลหิตจางทำให้หลายส่วนในร่างกายอ่อนเพลียเพราะไม่ได้รับออกซิเจนเพียงพอให้ทำงานได้อย่างเหมาะสม  อาการอื่น ๆ ของโลหิตจาง:
  • เหนื่อย
  • อัตราการเต้นของหัวใจไม่ปกติ
  • เวียนศีรษะ หรืองุนงง 
  • ปวดหัว หรือปวดหน้าอก 
  • มือ เท้าเย็น
  • ผิวซีด 
 

5. การขาดวิตามินดี 

 

ภาวะเเคลเซียมในเลือดต่ำกว่าปกติสามารถเกิดขึ้นได้เมื่อคุณไม่ได้รับวิตามินดีอย่างเพียงพอ อวัยวะที่สำคัญของร่างกายหลายอย่าง เช่น ไต และกล้ามเนื้อต่าง ๆ ต้องการแคลเซียมเพื่อที่จะทำงานเป็นปกติ กระดูกต้องการแคลเซียมเพื่อที่จะแข็งแรง หากปราศจากวิตามินดี ร่างกายจะไม่สามรถดูดซึมเเคลเซียมได้อย่างเพียงพอ ซึ่งทำให้ปวดกล้ามเนื้อ และกระดูก  อาการอื่น ๆ มีดังนี้:
  • ปวดเมื่อร่างกาย 
  • กล้ามเนื้อกระตุก
  • เวียนหัว หรือสับสน 
  • ชา 
  • ชัก 

6. โรคโมโนคลีโอซิส 

โรคโมโนคลีโอซิส หรือดรคที่ติดต่อผ่านการจูบ เป็นการติดเชื้อที่เกิดจากไวรัส Epstein-Barr ซึ่งทำให้เกิดอาการปวดตามร่างกาย อาการปวด และการเมื่อยล้าเกิดขึ้นจากการอักเสบ และการบวมที่ไปขัดขวางทางเดินหายใจ  อาการอื่น ๆ มีดังนี้:
  • เหนื่อยมาก 
  • ต่อมทอนซิล หรือต่อมน้ำเหลืองบวม 
  • ผื่น 
  • เจ็บคอ
  • มีไข้

7. ปอดบวม หรือปอดอักเสบ 

ปอดบวมเป็นการติดเชื้อที่ส่งผลต่อระบบทาวเดินหายใจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น การหายใจ เหงื่อออก หรือการทำงานที่สำคัญอื่น ๆ หากคุณไม่สามารถหายใจอย่างสะดวกได้ ร่างกายจะไม่ได้รับออกซิเจนที่เพียงพอที่จะทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดง และเนื้อเยื่ออื่น ๆ มีสุขภาพดีได้ ซึ่งจะทำให้ปวดเมื่อยทั่วทั้งร่างกาย  อาการอื่น ๆ มีดังนี้:

8. กลุ่มอาการอิดโรยเรื้อรัง 

กลุ่มอาการอิดโรยเรื้อรัง (CFS) เป็นอาการที่ทำให้คุณรู้สึกหนื่อ และอ่อนแรง ไม่ว่าจะพัก หรือนอนหลับมากแค่ไหนก็จะไม่ดีขึ้น โรคนี้มักจะทำให้เกิดการนอนไม่หลับ เพราะร่างกายไม่รู้สึกว่าต้องพัก  CFS ทำให้เกิดอาการปวดกล้ามเนื้อ และข้อต่อทั่วร่างกาย  อาการอื่น ๆ มีดังนี้:
  • มีปัญหาการนอนหลับ
  • เจ็บคอ
  • ปวดหัว
  • มีปัญหาเกี่ยวกับความคิด และความจำ
  • เวียนศีรษะ และสับสน 

9. ข้ออักเสบ 

ข้ออักเสบเกิดขึ้นเมื่อข้อต่อเกิดการอักเสบ ซึ่งสามารถเกิดจาก:
  • กระดูกอ่อนรอบ ๆ ข้อแตกเนื่องจากข้อเข่าเสื่อม 
  • การติดเชื้อที่ข้อ 
  • โรคที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันทำให้เนื้อเยื่อที่อยู่รอบ ๆ ข้ออักเสบเรื้อรัง เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ 
อาการเหล่านี้ทำให้เกิดความเจ็บปวดในข้อ และทำให้เคลื่อนไหวลำบาก  อาการอื่น ๆ ได้แก่:
  • ข้อติด 
  • ข้อบวม อุ่น หรือแดง 
  • ไม่สามารถที่จะเคลื่อนไหวข้อต่อได้อย่างที่เคย
  • ารจัดการและการรักษา:

    • พักผ่อน:ให้เวลาร่างกายได้พักผ่อนและฟื้นตัวโดยหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ต้องใช้กำลังมากและนอนหลับให้เพียงพอ
    • ดื่มน้ำ:ดื่มของเหลวมากๆ เช่น น้ำหรือชาสมุนไพร เพื่อให้ร่างกายไม่ขาดน้ำและสนับสนุนการทำงานของกล้ามเนื้อ
    • การประคบอุ่น:ใช้การประคบอุ่นหรือแผ่นความร้อนบนกล้ามเนื้อที่เจ็บ เพื่อช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดและเพิ่มการไหลเวียน
    • การยืดกล้ามเนื้ออย่างอ่อนโยน:ออกกำลังกายด้วยการยืดกล้ามเนื้ออย่างอ่อนโยนเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น ลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ และบรรเทาอาการตึง
    • ยาแก้ปวดที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์:ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟนหรืออะเซตามิโนเฟน สามารถช่วยลดอาการปวดและการอักเสบที่เกี่ยวข้องกับอาการปวดเมื่อยตามร่างกายได้
    • การรักษาเฉพาะที่:ใช้ครีมหรือขี้ผึ้งทาแก้ปวดเฉพาะที่ที่มีส่วนผสม เช่น เมนทอล การบูร หรือแคปไซซิน เพื่อบรรเทาอาการเจ็บของกล้ามเนื้อและข้อต่อ
    • การนวดบำบัด:พิจารณาการนวดบำบัดหรือเทคนิคการนวดตัวเองเพื่อลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ เพิ่มการไหลเวียน และส่งเสริมการผ่อนคลาย
    • การประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญ:หากอาการปวดเมื่อยตามร่างกายยังคงมีอยู่หรือแย่ลง หรือหากมีอาการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมด้วย เช่น มีไข้ ผื่น หรือหายใจลำบาก ให้ไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยเงื่อนไขทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องและรับการรักษาที่เหมาะสม
    แม้ว่าอาการปวดเมื่อยตามร่างกายเล็กน้อยเป็นครั้งคราวมักเกิดขึ้นชั่วคราวและหายได้ด้วยการดูแลตนเอง แต่อาการปวดเมื่อยตามร่างกายอย่างต่อเนื่องหรือรุนแรงอาจต้องได้รับการประเมินและการรักษาจากแพทย์ การฟังร่างกายของคุณ ดูแลตัวเอง และไปพบแพทย์หากจำเป็นเพื่อจัดการกับปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่และส่งเสริมความเป็นอยู่โดยรวมเป็นสิ่งสำคัญ
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด