การสร้าง และคงกล้ามเนื้อสำคัญสำหรับเราทุกคน โดยเฉพาะเมื่อแก่ลง และยิ่งเริ่มเร็วยิ่งดี จากการศึกษาพบว่าผู้ใหญ่ส่วนมากเสียมวลกล้ามเนื้อไปราว 220 กรัมต่อปี เริ่มจากวัย 30 ปี ส่วนใหญ่เพราะวัยผู้ใหญ่ไม่มีกิจกรรมทางร่างกายมากเท่าคนอายุน้อย มวลกล้ามเนื้อที่ลดลงพร้อมกับการเผาผลาญที่ช้าลงเป็นเหตุให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น และมีปัญหาสุขภาพตามมา การเพิ่มกล้ามเนื้อที่แข็งแรงไม่ใช่แค่ทำให้ดูดี การยกเวทไม่ใช่แค่เพียงช่วยควบคุมน้ำหนักแต่ยังหยุดการเสื่อมของกระดูก และช่วยสร้างกระดูกใหม่ได้ด้วย ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากกระดูกหักเพราะภาวะกระดูกพรุน ช่วยเพิ่มสมดุลและเพิ่มพลังให้ร่างกาย มีหลักฐานมากมายที่สนับสนุนผลดีเหล่านี้ พบว่าผู้ชายยิ่งมีกล้ามเนื้อมากเท่าไร ความเสี่ยงของการตายจากมะเร็งก็ลดลงเท่านั้น การยกเวทยังช่วยสร้างสมดุลให้ร่างกายผู้สูงอายุอีกด้วย และยังเพิ่มความไวต่ออินซูลิน และการทนต่อกลูโคสได้ด้วย

เวทเทรนนิ่ง ยก(น้ำหนัก)เท่าไรดี

น้ำหนักที่จะยกขึ้นกับจำนวนครั้งที่ตั้งไว้ ควรยกน้ำหนักที่หนักมากพอที่การยกครั้งสุดท้ายจะยากมากและไม่มีแรงเหลือที่จะยกอีกแล้ว คือหากต้องการยก 6 ครั้ง ควรใช้น้ำหนักมากกว่ายก 12 ครั้ง ในการออกกำลังแบบเดียวกัน อย่ายกน้ำหนักมากจนเจ็บกล้ามเนื้อ ยกน้ำหนักน้อยไปดีกว่ามากไป ใช้เครื่องมือที่ยกน้ำหนักมีที่หยุดอย่างปลอดภัยเพื่อป้องกันการบาดเจ็บ

เล่นเวทออกกำลังอย่างไรดี  

การออกกำลังที่เหมาะสม ขึ้นกับเป้าหมายและเวลาที่มี ในการออกกำลังหนึ่งครั้ง คุณอาจออกกำลังหนึ่งชุด ต่อการเทรนกล้ามเนื้อบริเวณหนึ่งหรือทำหกครั้งก็ได้ คุณจะออกกำลังกล้ามเนื้อบริเวณเดียวหรือหลายบริเวณก็ได้ ที่สำคัญคือสมดุล ดูไม่ดีแน่หากคุณมีกล้ามเนื้ออกที่ใหญ่แต่กล้ามเนื้อหลังอ่อนแอ และไม่ดีต่อสุขภาพด้วย ควรจัดตารางการออกกำลังให้ทั่วถึงทุกกล้ามเนื้อมัดใหญ่ กล้ามเนื้อมีเป็นคู่คือกล้ามเนื้อที่ใช้ยืด และหดซึ่งทำงานร่วมกัน เช่นกล้ามเนื้อชุดหนึ่งยืดในขณะที่อีกชุดหนึ่งหด กล้ามเนื้อคู่ที่มักใช้ในเวทเทรนนิ่งคือ 
กล้ามเนื้อ ส่วนของร่างกาย
Pectorals/latissimus dorsi หน้าอก/ หลัง
deltoidด้านหน้า/ด้านหลัง หน้าและหลังหัวไหล่
Trapezius/deltoids หลังด้านบน/ไหล่
Abdominus rectus/spinal erector หน้าท้อง/หลังส่วนล่าง
Left and right external oblique ด้านข้างท้องซ้าย/ขวา
Quadriceps/hamstring ต้นขาหน้า/หลัง
Tibialis anterior/gastrocnemius คาง/น่อง
Biceps/triceps แขนบน/ ท้องแขน
Weight Training

มือใหม่หัดยกเวท

ตารางเวทเทรนนิ่งสำหรับมือใหม่ 

ใช้เวลาอย่างน้อย 2 ชั่วโมงครึ่งทุกสัปดาห์ สำหรับการออกกำลังแต่ละครั้ง
  • เริ่มจาก 8-12 ครั้งในสี่สัปดาห์แรก เลือกน้ำหนักที่ทำให้สองสามครั้งสุดท้ายยกแทบไม่ขึ้น
  • เพิ่มเป็น 12-15 ครั้งในสี่สัปดาห์ที่สอง
  • เมื่อการยก 15 ครั้งง่ายขึ้นแล้ว เพิ่มการยกแบบเดิมอีกชุดหนึ่ง หรือเพิ่มน้ำหนักที่ใช้
  • หายใจลึกๆเมื่อยกเวท หายใจออกเมื่อยกขึ้นหรือเมื่อใช้กำลัง

ตัวอย่างท่าออกกำลังกาย  วิธียกดัมเบล  

ท่า Dumbbell chest fly (ท่าเน้นอก)

  1. นอนหงาย รองหัว ไหล่และหลังส่วนบนให้มั่นคง 
  2. มือสองข้างถือดัมเบลไว้ (เริ่มที่2-5ปอนด์)
  3. กางแขนออกไปด้านข้างระดับอก ยกแขนขึ้นตรงจนกระทั่งข้อศอกเกือบตรง ฝ่ามือหันเข้าหากัน  ดัมเบลควรอยู่เหนือไหล่ 
  4. หายใจเข้าและค่อยๆลดแขนลงด้านข้าง งอศอกไว้เล็กน้อย
  5. ลดแขนลงจนศอกต่ำกว่าไหล่ หยุด หายใจออก หุบแขนช้าๆ กลับไปท่าเริ่มต้น

Dumbbell overhead triceps extension (ท่าเน้นไตรเซป)

  1. ยืนกางขากว้างเท่าความกว้างของหัวไหล่
  2. ถือดัมเบลสองมือแขนยกสูงเหนือหัว (เริ่มที่2-5ปอนด์) 
  3. ลดดัมเบลมือขวาลงมาหลังหัวโดยไม่ขยับข้อศอก
  4. พักและยกขึ้นในท่าเริ่มแรก
  5. ทำซ้ำด้วยแขนซ้าย 

Dumbbell shoulder press (ท่าเน้นหัวไหล่)

  1. นั่งบนเก้าอี้ พิงหลังให้มั่นคง วางเท้าแนบกับพื้น
  2. ถือดัมเบลสองมือ (เริ่มที่2-5ปอนด์)
  3. กางแขนออกด้านข้าง งอแขนแตะดัมเบลไว้ที่ไหล่ หันฝ่ามือไปข้างหน้า 
  4. ยกดัมเบลขึ้นจนแขนตรง พัก และค่อยๆกลับสู่ท่าเริ่มต้น

Single-leg squat (เน้นก้น Quadriceps และน่อง)

  1. ยืนกางขากว้างเท่าความกว้างของหัวไหล่ และกางแขนออกระดับฝ่ามือ
  2. ยื่นขาขวามาข้างหน้าและค่อยๆลดตัวลง หยุดเมื่อรู้สึกว่าเริ่มจะเสียสมดุล (อาจวางมือข้างหนึ่งไว้ที่ผนังเพื่อข่วยสมดุล)
  3. เกร็งขาและก้นเพื่อยกตัวขึ้น กลับสู่ท่าเดิม 
  4. สลับขา ทำซ้ำ 

การฝึกความแข็งแรงที่ปลอดภัยและได้ผล

คนที่ออกกำลังแบบเดิมเป็นปี อาจจะสบายดีแต่ความจริงกล้ามเนื้อจะปรับตัวและน่าเบื่อ ทุกๆ 6-8 สัปดาห์ ปรับการออกกำลังของคุณ เช่นเปลี่ยนจำนวนเซท จำนวนรอบ เวลาพัก  ชนิดของเครื่องมือ ใช้เคล็ดลับเหล่านี้เพื่อให้การออกกำลังของคุณมีประสิทธิภาพ และปลอดภัย

1. อย่าลืมการวอร์มอัพ

ควรวอร์มอัพกล้ามเนื้อด้วยการแอโรบิกราวห้านาที คุณจะยกน้ำหนักได้มากขึ้น

2. อย่าใช้โมเมนตัมช่วย

ถ้าคุณยกเวทเร็วเกินไป คุณกำลังใช้โมเมนตัม ซึ่งทำให้การออกกำลังง่ายขึ้นสำหรับกล้ามเนื้อ คนมักจะผ่อนในช่วงที่เอาน้ำหนักลง มักจะยกดัมเบลขึ้นช้าๆและปล่อยลงอย่างเร็ว เพื่อป้องกันเรื่องนี้ ควรใช้เวลายกขึ้นสองวินาที ยกค้างไว้สองวินาที และสองวินาทีสำหรับกลับท่าเริ่มต้น

3. อย่ากลั้นใจ

คนมักลืมกำหนดการหายใจเมื่อยกน้ำหนัก ที่จริงคุณต้องการออกซิเจนมากที่สุดเท่าที่จะมากได้เมื่อยกน้ำหนัก การกลั้นใจหรือหายใจตื้นเกินไปอาจทำให้ความดันเลือดสูงและลดพลัง จงหายใจทางปากแทนทางจมูก หลักโดยทั่วไปคือหายใจออกเมื่อยกหรือดึงเวท และหายใจเข้าเมื่อลดเวทลง ท่าที่ต้องเปิดหัวไหล่เช่นท่า Upright หรือ Seated row ให้หายใจเข้าเมื่อยก และหายใจออกเมื่อปล่อยลง

4. ผสมผสาน

เพื่อให้ได้ผลดีควรปรับเปลี่ยนการออกกำลังทุก 6-8 สัปดาห์ และเพิ่มน้ำหนักขึ้น(ไม่เกิน 10%จากของเดิม) เพิ่มรอบ และลดเวลาพักระหว่างเซท ทำกี่รอบดี? คุณควรยกน้ำหนักที่พอควร ให้หนักพอที่สองและสามรอบสุดท้ายรู้สึกหนักมาก โดยทั่วไปใช้น้ำหนักประมาณ12-15 ปอนด์ ด้วยการฝึกที่ดีและเหมาะสม คุณจะเห็นผลในสองสามสัปดาห์  จงพยายามต่อไป และคุณจะได้กล้ามเนื้อที่สวยงาม สมดุลของร่างกายและสุขภาพที่ดีตอบแทน

อาหารที่ดีต่อเวทเทรนนิ่ง

โภชนาการที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญในการสนับสนุนความต้องการพลังงานของร่างกายและการฟื้นฟูกล้ามเนื้อเมื่อออกกำลังกายแบบยกน้ำหนัก การบริโภคอาหารที่สมดุลโดยผสมผสานสารอาหารหลัก (โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน) และสารอาหารรองอย่างเหมาะสมถือเป็นสิ่งสำคัญ ต่อไปนี้คือกลุ่มอาหารหลักและตัวอย่างบางส่วนที่สนับสนุนการฝึกด้วยน้ำหนัก:
  1. โปรตีน:
  • โปรตีนมีความสำคัญต่อการซ่อมแซมและการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อ ตั้งเป้าที่จะรวมแหล่งโปรตีนไร้มันไว้ในอาหารแต่ละมื้อ
  • ตัวอย่าง:
    • อกไก่
    • ไก่งวง
    • เนื้อไม่ติดมัน
    • ปลา (แซลมอน,ทูน่า)
    • ไข่
    • กรีกโยเกิร์ตคอทเทจชีส
    • แหล่งโปรตีนจากพืช (เต้าหู้ เทมเป้ ถั่วเลนทิล ถั่ว)
  1. คาร์โบไฮเดรต:
  • คาร์โบไฮเดรตเป็นแหล่งพลังงานหลักของร่างกาย โดยเฉพาะในระหว่างการออกกำลังกายอย่างหนัก เลือกคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนเพื่อให้ได้พลังงานที่ยั่งยืน
  • ตัวอย่าง:
    • ธัญพืชไม่ขัดสี (ข้าวกล้อง ควินัว ข้าวโอ๊ต)
    • มันฝรั่งหวาน
    • พาสต้าข้าวสาลี
    • พืชตระกูลถั่ว (ถั่ว, ถั่วเลนทิล)
    • ผลไม้ (เบอร์รี่, กล้วย, แอปเปิ้ล)
    • ผัก (บรอกโคลี, ผักโขม, ผักคะน้า)
  1. ไขมัน:
  • ไขมันที่ดีต่อสุขภาพเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการผลิตฮอร์โมนและสุขภาพโดยรวม รวมแหล่งที่มาของไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวและไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนในอาหารของคุณ
  • ตัวอย่าง:
    • อะโวคาโด
    • ถั่ว (อัลมอนด์, วอลนัท)
    • เมล็ดพืช (เมล็ดแฟลกซ์, เมล็ดเจีย)
    • น้ำมันมะกอก
    • ปลาที่มีไขมัน (ปลาแซลมอน, ปลาทู)
    • เนยถั่ว (เนยถั่ว, เนยอัลมอนด์)
  1. โภชนาการหลังการออกกำลังกาย:
  • การบริโภคโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตร่วมกันหลังออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการฟื้นฟูกล้ามเนื้อและการเติมเต็มไกลโคเจนที่สะสมไว้
  • ตัวอย่าง:
    • โปรตีนเชคกับเวย์โปรตีนและกล้วย
    • กรีกโยเกิร์ตกับน้ำผึ้งและผลเบอร์รี่
    • ไก่และควินัว
  1. โภชนาการก่อนการออกกำลังกาย:
  • การรับประทานอาหารหรือของว่างที่สมดุลก่อนออกกำลังกายจะเป็นแหล่งพลังงานที่จำเป็นสำหรับพลังงานและความอดทน
  • ตัวอย่าง:
    • ขนมปังโฮลเกรนกับเนยถั่ว
    • กรีกโยเกิร์ตกับกราโนล่า
    • ข้าวโอ๊ตกับผลไม้และถั่ว
โปรดจำไว้ว่าความต้องการทางโภชนาการของแต่ละบุคคลอาจแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่างๆ เช่น อายุ เพศ น้ำหนัก และความเข้มข้นในการออกกำลังกาย ขอแนะนำให้ปรึกษากับนักโภชนาการหรือนักโภชนาการที่ลงทะเบียนเพื่อสร้างแผนโภชนาการเฉพาะบุคคลที่เหมาะกับเป้าหมายและความต้องการเฉพาะของคุณ นอกจากนี้ ให้ฟังร่างกายของคุณและปรับโภชนาการตามความจำเป็นเพื่อสนับสนุนการฝึกและการฟื้นตัวของคุณ
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด