เนื้องอกมดลูก (Uterine fibroids) คือ เนื้องอกที่เจริญเติบโตในกล้ามเนื้อมดลูกของคุณ สิ่งเหล่านี้มักจะไม่กลายเป็นมะเร็ง แต่ในบางกรณีก็เจริญเติบโตเป็นมะเร็งมดลูกได้เช่นกัน
Fibroids หรือเนื้องอก สามารถเปลี่ยนแปลงขนาด รูปร่าง และตำแหน่งได้มาก เกิดได้ทั้งในมดลูก ผนังมดลูก หรือบนผิวของคุณ นอกจากนี้ยังสามารถยึดติดกับมดลูกโดยมีลักษณะโครงสร้างคล้ายกิ่ง
บางครั้งเนื้องอกมีขนาดเล็กมาก จนไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า และในบางครั้งก็สามารถที่จะมีขนาดใหญ่มากๆ ได้เช่นกัน
เนื้องอกในมดลูกส่วนมากจะพบในผู้หญิงอายุระหว่าง 30-40 ปี แต่ก็สามารถเกิดกับผู้หญิงได้ทุกอายุ
อาการเนื้องอกมดลูก
อาการเนื้องอกในมดลูกส่วนใหญ่จะมาด้วย 3 อาการหลัก ๆ- อาการแรกที่เจอเยอะที่สุดคือ คนไข้จะคลำได้ก้อนที่ท้องน้อย ซึ่งถ้าเกิดผู้หญิงเราคลำก้อนที่ท้องน้อยได้ ส่วนมากจะเป็นเนื้องอกมดลูก สังเกตดูจากคนท้อง กว่าจะเห็นว่าตั้งครรภ์ก็ประมาณ 4-5 เดือนไปแล้ว เช่นเดียวกัน เนื้องอกมดลูกนี้ก็ต้องทำให้มดลูกมีขนาดโตเท่ากับคนท้อง 4-5 เดือนแล้ว ซึ่งประมาณสัก 15 เซนติเมตรขึ้นไปถึงจะคลำเองได้จากหน้าท้อง
- อาการที่พบบ่อยที่ทำให้คนไข้ต้องมาพบคุณหมอสูตินรีเวช คือมีประจำเดือนออกเยอะ เพราะตัวเนื้องอกไปเบียดโพรงมดลูก ทำให้ประจำเดือนออกเยอะ แล้วบางทีออกเยอะมากเป็นลิ่มเลือดเป็นก้อนเลือด บางคนให้ประวัติว่า เป็นประจำเดือนแล้วเป็นลม แล้วก็ต้องไปรับเลือดที่โรงพยาบาลทุกครั้งที่เป็นประจำเดือน อันนี้จะมีบ้างประปราย
- อาการที่สามมักจะเกี่ยวข้องกับการมีบุตรยาก จะตรวจพบเมื่อคนไข้ไปตรวจกับหมอผู้เชี่ยวชาญด้านมีบุตรยาก พออัลตราซาวนด์ถึงจะเจอ อันนี้มักจะเป็นลักษณะก้อนเล็ก ๆ ไม่บ่งอาการอะไร บางทีอาจจะมีก้อนแค่ 1-2 เซนติเมตรอยู่ในโพรงมดลูก ไปขวางการฝังตัวของทารกทำให้มีบุตรยาก
สาเหตุเนื้องอกมดลูก
ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดเนื้องอกมดลูก แต่พบว่าเกี่ยวข้องกับฮอร์โมนและพันธุกรรม ฮอร์โมน ฮอร์โมนเอสโตรเจนและโพรเจสเตอโรนเป็นฮอร์โมนที่ทำให้เยื่อบุมดลูกหนาขึ้นทุกเดือนในช่วงที่คุณมีประจำเดือน และมีแนวโน้มว่าจะส่งผลต่อการเจริญเติบโตของเนื้องอก เมื่อการผลิตฮอร์โมนช้าลงในช่วงวัยหมดประจำเดือน พันธุกรรม นักวิจัยพบว่าผู้ที่เป็นเนื้องอกมดลูกมีบางยีนที่แตกต่างจากบุคคลทั่วไป สารควบคุมการเจริญเติบโตอื่นๆ สารในร่างกายบางชนิดที่มีผลต่อเนื้อเยื่อ เช่น อินซูลินนั้นส่งเสริมการเจริญเติบโตของเนื้องอก สารเคลือบเซลล์ (ECM) ECM ทำให้เซลล์ของคุณติดกัน เนื้องอกมี ECM มากกว่าเซลล์ปกติซึ่งทำให้เป็นเส้น ๆ ECM นั้นยังมีการเจริญเติบโตต่อไปเรื่อยๆ และมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ปัจจัยเสี่ยงต่อเนื้องอกในมดลูก
ตัวอย่างของปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดเนื้องอกมดลูกมีดังนี้- อายุ
- การเริ่มมีประจำเดือนตอนอายุยังน้อย
- การคุมกำเนิด
- การขาดวิตามินดี
- การรับประทานเนื้อมากเกินไป และไม่รับประทานผักผลไม้
- ดื่มแอลกอฮอล์
- ได้รับการถ่ายทอดทางพันธุกรรม
การวินิจฉัยเนื้องอกมดลูก
เมื่อแพทย์พบว่า มดลูกของผู้เข้ารับการวินิจฉัยมีรูปร่างผิดปกติหรือมีขนาดใหญ่ผิดปกติ อาจจะต้องมีการทดลองต่างๆ เพิ่มเติม- อัลตร้าซาวน์ เป็นการใช้คลื่น เพื่อถ่ายภาพมดลูก ด้วยการใส่อุปกรณ์ไว้ในช่องคลอด หรือบริเวณหน้าท้อง เพื่อให้ได้ภาพ จากนั้นแพทย์จะตรวจดูว่า เนื้องอกนั้นมีลักษณะอย่างไร ขนาดเท่าไร
- การทดลองแล็บ การตรวจเลือดนั้นช่วยหาสาเหตุที่มีเนื้องอกได้ การนับเม็ดเลือด (CBC) ช่วยบอกได้ว่า ผู้ป่วยเป็นโลหิตจาง หรือมีเลือดออกผิดปกติหรือไม่
- สแกนเอ็มอาร์ไอ (MRI) เมื่อแพทย์ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหลังจากที่ทำการอัลตราซาวน์ จะใช้วิธีการ MRI แสดงภาพที่มีรายละเอียดมากขึ้นของเนื้องอก เพื่อช่วยให้แพทย์สามารถตัดสินใจเรื่องแผนการรักษาได้อย่างถูกต้อง
- Hysterosonography การทดสอบนี้จะใช้วิธีการปล่อยน้ำเกลือเข้าไปในโพรงมดลูก เพื่อให้มดลูกขยายตัว สามารถทำให้เห็นเนื้องอกที่อยู่ในมดลูก และเยื่อบุมดลูกได้ วิธีนี้มีประโยชน์สำหรับสตรีตั้งครรภ์หรือมีประจำเดือนมามาก
- Hysterosalpingography เป็นวิธีการใช้สีย้อม เพื่อเน้นมดลูก และท่อนำไข่ของให้เห็นชัดด้วยการเอ็กซ์เรย์ เป็นวิธีที่ใช้ในการตรวจเนื้องอกบริเวณท่อนำไข่
- Hysteroscopy เป็นวิธีที่ใช้กล้องโทรทรรศน์ขนาดเล็กที่มีแสงส่องติดไว้ที่ปากมดลูก และทำการฉีดน้ำเกลือขยายโพรงมดลูกเพื่อให้สามารถเห็นเนื้องอกที่ผนังมดลูกและท่อนำไข่ได้
วิธีรักษาเนื้องอกมดลูก
- กรณีที่พบก้อนเนื้อขนาด 0.5-2 เซนติเมตร ไม่ได้มีอาการอะไร รักษาโดยการเฝ้าสังเกตอาการและนัดตรวจติดตาม อัลตราซาวนด์ทุก 6 เดือนหรือทุก 1 ปี
- การใช้ยาในการรักษา โดยเป็นยาคุมกำเนิดเพื่อลดอาการ ประจำเดือนที่เคยออกเยอะแต่ถ้าเนื้องอกเป็นไม่เยอะมาก การกินยาคุมกำเนิดจะทำให้ปริมาณประจำเดือนออกน้อยลงได้ และมียาฉีดบางตัวเป็นฮอร์โมนที่กดการทำงานของฮอร์โมนเพศ ทำให้ไม่มีฮอร์โมนเพศในตัวเลย ก็จะเป็นวัยทอง อันนี้ก็จะมีผลทำให้ก้อนยุบลงและไม่มีประจำเดือน
- การใช้ยาอีกประเภทที่เพิ่งออกมาใหม่คือ เป็นยาที่ผ่าน อย. และองค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ USFDA ให้การรับรองแล้วว่าสามารถกินเพื่อรักษาอาการของเนื้องอกในมดลูกได้
- ถ้ากินยาแล้วไม่ได้ผล หรือว่าอาการยังเป็นเยอะอยู่ เราก็ต้องไปผ่าตัด ซึ่งการผ่าตัดมี 2 แบบ คือแบบเก็บมดลูกไว้ คือเอาเฉพาะเนื้องอกออก กับแบบผ่าตัดเอามดลูกออกไป ซึ่งวิธีการผ่าตัดก็แล้วแต่ ก็มีทั้งเปิดหน้าท้อง ส่องกล้อง หรืออาจจะผ่าตัดทางช่องคลอด ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคุณหมอที่ให้การดูแลรักษา
การป้องกันเนื้องอกมดลูก
เนื้องอกไม่สามารถป้องกันได้ แต่มีงานวิจัยบางชิ้นที่พบว่า พฤติกรรมการใช้ชีวิตบางอย่างสามารถลดโอกาสการเป็นเนื้องอกได้ มีงานวิจัยหนึ่งพบว่า อาหารที่มีน้ำตาลสูงจะเพิ่มความเสี่ยงที่สูงขึ้นในผู้หญิงบางคน และมีงานวิจัยที่พบว่า การรับประทานผลไม้สดและผักตระกูลกะหล่ำ และผักกาดเขียว สามารถลดความเสี่ยงในการเป็นเนื้องอกได้ ผักตระกูลกะหล่ำอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน โฟเลต วิตามินซี วิตามินอี และวิตามินเค และแร่ธาตุอื่น ๆ และอุดมไปด้วยไฟเบอร์ รวมไปถึงการออกกำลังกายเป็นประจำ ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นเนื้องอกในมดลูกได้อีกด้วย5 สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับเนื้องอกในมดลูก
แพทย์สันนิษฐานว่าเนื้องอกมดลูก พัฒนาจากเซลล์เดียวในกล้ามเนื้อเรียบที่เรียงตัวเป็นมดลูก เซลล์จะแบ่งตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนในที่สุดก็เกิดเป็นก้อนคล้ายยางที่เรียกว่า เนื้องอกเนื้องอก เนื้องอกมดลูกมีรูปร่างและขนาดที่หลากหลาย อาจมีขนาดเล็กจนตรวจไม่พบหรือใหญ่จนขยายมดลูก คุณสามารถมีเนื้องอกเพียงก้อนเดียวหรือเป็นโหลก็ได้ ต่อไปนี้เป็น 5 สิ่งที่คุณอาจไม่ทราบเกี่ยวกับวิธีการและสาเหตุที่เนื้องอกเนื้องอกเติบโต:- เชื้อชาติเป็นปัจจัย ผู้หญิงผิวดำมีความเสี่ยงสูง ต่อการเกิดเนื้องอกมากกว่าผู้หญิงผิวขาวหรือเอเชีย แม้ว่านักวิทยาศาสตร์ยังไม่ทราบสาเหตุที่อยู่เบื้องหลังความเหลื่อมล้ำดังกล่าว แต่ก็มีหลายทฤษฎีตั้งแต่การขาดวิตามินดีไปจนถึงบรรพบุรุษ
- ฮอร์โมนมีผลต่อการเจริญเติบโตของเนื้องอก ฮอร์โมนสามารถเปลี่ยนการเจริญเติบโตของเนื้องอกได้ Rife กล่าวว่า “ในการตั้งครรภ์ การเจริญเติบโตของเนื้องอกจะขนานไปกับระดับฮอร์โมนที่เพิ่มขึ้น “การเจริญเติบโตของเนื้องอกในระหว่างตั้งครรภ์เป็นเรื่องปกติธรรมดา” ในทำนองเดียวกัน หลังวัยหมดประจำเดือน เมื่อผู้หญิงมีฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนหมุนเวียนน้อยลง เนื้องอกมักจะหดตัวหรือหายไป
- คุณอาจไม่มีอาการใดๆ พบได้บ่อยกว่าเนื้องอกมะเร็งใดๆ จากข้อมูลของ Office on Women’s Health ผู้หญิงถึง 80% มีเนื้องอกก่อนอายุ 50 ปี แต่หลายคนไม่มีอาการใดๆ ในความเป็นจริง สำหรับผู้หญิงบางคน สัญญาณแรกของเนื้องอกคือการไม่สามารถตั้งครรภ์ได้
- ปัจจัยด้านไลฟ์สไตล์อาจมีบทบาท แม้ว่าจะมีหลักฐานบางอย่างที่บ่งชี้ว่าเนื้องอกในร่างกายทำงานในครอบครัว แต่เนื้องอกก็ดูเหมือนจะเติบโตและหดตัวเนื่องจากปัจจัยการดำเนินชีวิตบางอย่าง ผู้หญิงที่กินเนื้อแดงมากขึ้นและกินผักและผลไม้น้อยลงมักจะมีความเสี่ยงสูง เช่นเดียวกับผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ไม่มีวิธีที่แน่นอนในการป้องกันเนื้องอก แต่การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพที่มีพืชเป็นหลัก อาจช่วยได้
- การผ่าตัดไม่ใช่ทางเลือกเดียว หากเนื้องอกของคุณไม่รบกวนคุณ ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องรบกวนมัน แพทย์ของคุณอาจเลือกที่จะตรวจสอบพวกเขาด้วยอัลตราซาวนด์เป็นระยะ ยาสามารถช่วยควบคุมเลือดออกและจัดการผลข้างเคียงเช่นโรคโลหิตจาง ตัวเลือกรวมทุกอย่างตั้งแต่ยารับประทานไปจนถึงยาฉีด สำหรับผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ที่ต้องการมีบุตร การผ่าตัดอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสม
นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา
- https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/uterine-fibroids/symptoms-causes/syc-20354288
- https://www.womenshealth.gov/a-z-topics/uterine-fibroids
- https://www.nhs.uk/conditions/fibroids/
- https://www.webmd.com/women/uterine-fibroids/default.htm
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น