หนึ่งในอาหารที่ฉันชอบที่สุดในโลกคือแอปเปิ้ลที่เก็บสดจากต้น ไม่ว่าจะเป็นแอปเปิ้ลสายพันธุ์กาล่าสีแดงฉ่ำ หรือแอปเปิ้ลเขียวทาร์ต Granny Smith แต่ที่ละคำที่กัดกินแอปเปิ้ลต่อมรับรสของฉันได้รับรู้ถึงรสชาติเอร็ดอร่อยของแอปเปิ้ล แอปเปิ้ลไม่เพียงแต่อร่อยเท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายเพื่อสุขภาพที่แข็งแรงของคุณ การทานแอปเปิ้ลวันละผลช่วยให้ห่างไกลจากหมอได้ และช่วยลดโอกาศในการเป็นโรคอัลไซเมอร์ และโรคหัวใจ แต่ในปัจจุบัน ผลไม้หลายชนิด เช่น แอปเปิ้ลถูกฉีดพ่นด้วยยาฆ่าแมลง และหากยาฆ่าแมลงสามารถฆ่าแมลงได้ส่งผลอันตรายต่อร่างกายและสิ่งแวดล้อมของเราบ้างหรือไม่ สิ่งนี้ทำให้เราควรทราบเกี่ยวกับอันตรายของสารกำจัดศัตรูพืชและการศึกษาวิจัยของได้สร้างความประหลาดใจยิ่งนัก
อย่างที่ทราบกันดีว่าผักและผลไม้ส่วนใหญ่ปลูกในฟาร์ม คุณสามารถคาดเดาได้ว่าจะพบแมลงจำนวนมากในฟาร์ม ซึ่งแมลงบางชนิดมีความชื่นชอบพืชที่เกษตรกรเป็นอย่างมาก ซึ่งเกษตรกรไม่อยากเสียผลผลิตไป เนื่องจากแมลงตัวน้อยที่น่ารำคาญ ดังนั้นเกษตรกรบางคนจึงฉีดพ่นสารเคมีจำพวกยาฆ่าแมลงเพื่อขับไล่แมลง อีกทั้งใช้สารกำจัดศัตรูพืชเพื่อป้องกันไม่ให้พืชเป็นโรคลุกลาม ดังนั้นการใช้สารกำจัดศัตรูพืชจึงช่วยลดความเสี่ยงเพื่อไม่ให้สูญเสียผลผลิตของพืชตามฤดูกาลได้
ปัจจุบันนี้บางท่านอาจสงสัยว่า “อาหาร ออร์แกนิก มียาฆ่าแมลงหรือไม่” คำตอบคือ มี เพียงการใช้สารกำจัดศัตรูพืชที่ได้มาจากแหล่งธรรมชาติ เช่น สรรพคุณในการไล่แมลงของพืชบางประเภท โดยพืชออร์แกนิคจะไม่ใช้ยาฆ่าแมลงอินทรีย์สังเคราะห์ โดยเกษตรกรอินทรีย์จะไม่ใช้สารกำจัดศัตรูพืชฉีดพ่นผลผลิตของตนหรือใช้ในปริมาณที่น้อยกว่าเกษตรกรรายอื่น ๆ เมื่อปราศจากการใช้สารกำจัดศัตรูพืชแล้ว สิ่งแวดล้อมก็จะปลอดภัย นอกจากนี้จะต้องปฏิบัติตาม มาตรฐานแห่งชาติ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ผ่านการได้รับการรับรองว่าเป็นผลผลิตออร์แกนิก
สารกำจัดศัตรูพืชไม่ได้พบเพียงในฟาร์มเท่านั้น แต่ยังสามารถพบในบ้าน หรือรอบ ๆ บ้านของคุณด้วย ในฤดูร้อนคุณได้ใช้ยาไล่แมลงเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกแมลงดูดเลือด เช่น ยุงกัดหรือไม่ ในยาไล่แมลงมีสาร DEET ซึ่งมีฤทธิ์เป็นยาฆ่าแมลงอยู่ด้วย หากคุณมีไม้ระแนงในบ้านแสดงว่ามีสารป้องกันเนื้อไม้ Chromated Copper Arsenate (CCA) ซึ่งเป็นสารป้องกันแมลงชนิดหนึ่งที่ช่วยรักษาไม่ให้เนื้อไม้เน่า สำหรับสิ่งของทั่วไปอื่น ๆ ที่มีสารกำจัดศัตรูพืช ได้แก่ สารฟอกขาว สีบางประเภท และแม้แต่สารเคมีบางชนิดที่ใช้ในสระว่ายน้ำ หากคุณมีสนามหญ้า คุณอาจต้องใช้ยาฆ่าหญ้าหรือยากำจัดวัชพืชเพื่อป้องกันไม่ให้วัชพืชเติบโต นอกเหนือจากแมลงแล้ว สารกำจัดศัตรูพืชบางชนิดยังใช้กับสัตว์อื่น ๆ เช่น สัตว์มีฟันแทะ ที่เกษตรกรไม่พอใจ (สารกำจัดหนู)
สารกำจัดศัตรูพืชกับสิ่งแวดล้อม
แม้ว่าการฉีดพ่นสารกำจัดศัตรูพืชเกิดขึ้นบนบก แต่หลายครั้งที่สารกำจัดศัตรูสามารถเกิดการปนเปื้อนในแหล่งน้ำได้ เช่น แม่น้ำ มหาสมุทร หรือสระน้ำได้ ตัวอย่างเช่น สารกำจัดศัตรูพืชจากกล้วยไม้ อาจเกิดการปนเปื้อนในลำธารใกล้เคียงได้ หากแหล่งน้ำปนเปื้อนด้วยสารเคมีอาจทำให้ปลาและสัตว์อื่น ๆ จำนวนมากป่วยหรือตายได้ ซึ่งสารเคมีเหล่านี้สามารถทำให้เกิดระบบนิเวศโดยรวมขาดความสมดุล
นอกจากนี้สารกำจัดศัตรูพืชยังสามารถส่งผลกระทบต่อน้ำใต้ดิน โดยกระบวนการที่เรียกว่า leeching ส่งผลกระทบต่อผู้คนมากมายที่ต้องพึ่งพาน้ำบาดาลเพื่อใช้ในการบริโภคและดำรงชีวิต เมื่อเกิดการปนเปื้อนของยาฆ่าแมลงในน้ำส่งผลให้น้ำสกปรกไม่สุขอนามัยและเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค
การระเหย เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำให้สารกำจัดศัตรูพืชสามารถแพร่กระจายและก่อให้เกิดอันตรายได้ โดยการระเหยเกิดขึ้นเมื่อสารกำจัดศัตรูพืชเปลี่ยนเป็นก๊าซหรือไอหลังจากที่ฉีดพ่นแล้ว ทำให้สามารถแพร่กระจายไปในอากาศและกระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ (Vapor Drift) ซึ่งการระเหยของยาฆ่าแมลงอาจเป็นอันตรายต่อสัตว์ป่า เช่น กบ นักวิทยาศาสตร์บางคนเชื่อว่ายา atrazine เป็นฆ่าปราบศัตรูพืชที่ทำให้เกิดปัญหาการสืบพันธุ์ในกบ ซึ่งส่งผลกระทบต่อเป้าหมายทางชีวภาพของกบนั่นคือ การอยู่รอดเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์
หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมสารกำจัดศัตรูพืชจึงเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้คน เนื่องจากสารกำจัดศัตรูพืชไม่เพียงแต่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้คนทั่วไปอีกด้วย โดยสารกำจัดศัตรูพืชจะถูกเก็บไว้ในส่วน ปลายลำไส้ใหญ่ของคุณและจะออกฤทธิ์เป็นพิษต่อร่างกายอย่างช้าๆ แต่สร้างความเป็นพิษแน่นอนและคุณอาจไม่รู้เรื่องนี้ แต่เมื่อคุณกินแอปเปิ้ลที่ไม่ใช่แอปเปิ้ลออร์แกนิกคุณอาจได้รับยาฆ่าแมลงมากกว่า 30 ชนิดที่ฉีดพ่นบนแอปเปิ้ลเข้าไปด้วย แม้ว่าคุณจะล้างผลไม้เช่นแอปเปิ้ลทีละชิ้น แต่ก็ยังคงมีสารกำจัดศัตรูพืชจำนวนมากตกค้างอยู่ โดยยาฆ่าแมลงชนิดนี้อาจซึมเข้าไปในเนื้อผลไม้หรือผักได้เช่น สตรอเบอร์รี่ แอปเปิ้ล แครอท ขึ้นฉ่าย ผักโขม องุ่น แอปเปิ้ล แตงกวา ซึ่งเป็นผักและผลไม้เพียงไม่กี่ชนิดที่หากไม่ได้ปลูกผ่านกระบวนการออร์แกนิก คุณไม่ควรทานเนื่องจากมียาฆ่าแมลงในปริมาณสูงสุด
ผลจากการศึกษาอย่างมากมายพบว่า สารกำจัดศัตรูพืชเชื่อมโยงกับ โรคมะเร็ง โรคอัลไซเมอร์ สมาธิสั้น และแม้กระทั่งความพิการแต่กำเนิด นอกจากนี้สารกำจัดศัตรูพืชยังเป็นอันตรายต่อระบบประสาท ระบบสืบพันธุ์ และระบบต่อมไร้ท่อ อีกทั้งสารกำจัดศัตรูพืชอาจเป็น เป็นอันตราย ต่อทารกในครรภ์ได้เนื่องจากสารเคมีสามารถส่งผ่านจากแม่ไปสู่ลูกในระหว่างการตั้งครรภ์ หรือผ่านพยาบาลผู้ดูแลลูกของเธอ แม้ว่าผลไม้ที่มีสารกำจัดศัตรูพืชเพียงชิ้นเดียวจะไม่ทำให้คุณเสียชีวิต แต่หากสะสมอยู่ในร่างกายของคุณผลไม้เหล่านี้อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคุณ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด
ขณะนี้คุณได้รับข้อมูลเกี่ยวกับสารกำจัดศัตรูพืชแล้ว คุณสามารถเลือกวิธีที่ดีต่อสุขภาพที่จะทำให้คุณ เพื่อน และครอบครัวของคุณดำรงชีวิตแบบมีสุขภาพดีขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงสารกำจัดศัตรูพืชให้มากที่สุด ฉันจึงปลูกผักและผลไม้ขึ้นเองในสวนหลังบ้าน การทำเช่นนี้ทำให้ฉันแน่ใจได้ว่าอาหารของฉันไม่ได้ถูกฉีดพ่นด้วยสารเคมี และทำให้ได้รับความสดใหม่ในรสชาติของผักผลไม้ขึ้นมาก
ตัวอย่างยาฆ่าแมลงที่นิยมใช้ในพืชผัก
คลอร์ไพริฟอส+ไซเพอร์เมทริน
คลอร์ไพริฟอส (Chlorpyrifos) เป็นสารพิษที่นำมาใช้ทางการเกษตร เพื่อฆ่าแมลงและกำจัดศัตรูพืช ยาฆ่าแมลงชนิดนี้อันตรายมาก เมื่อบริโภคผักหรือผลไม้ที่มีสารปนเปื้อนของคลอร์ไพริฟอสในปริมาณมาก สามารถทำให้เสียชีวิตได้ คลอร์ไพริฟอสเป็นยาฆ่าแมลงที่ใช้ฉีดพ่นลงในแปลงเกษตร โดยปกติมักนำมาใช้กับ ฝ้าย ข้าวโพด อัลมอนด์ ส่วนผลไม้ที่มักมีการใช้สารกำจัดศัตรูพืชชนิดนี้ได้แก่ ส้ม กล้วย และแอปเปิ้ล เป็นต้น สำหรับอาการของผู้ที่ได้รับสารพิษจากคลอร์ไพริฟอสอย่างเฉียบพลัน ได้แก่ อาการปวดศีรษะ น้ำตาไหลมาก เหงื่อออกมากผิดปกติ น้ำลายในปากมีปริมาณมากผิดปกติ จากนั้นจะมีคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ตาพร่าและมองภาพไม่ชัดเจน ไปจนถึงอาการรุนแรงได้แก่ตัวชาหรือไม่สามารถรับรู้ความรู้สึกจนกลายเป็นอัมพาตในที่สุด นอกจากนี้อาจมีอาการกล้ามเนื้อหดและเกร็งตัวหรือเกิดตะคริว มีอาการชักกระตุก หมดสติและมีอาการโคม่า ยาไซเพอร์เมทรินเป็นสารฆ่าแมลงหรือกำจัดศัตรูพืชที่มีคุณสมบัติเป็นสารกำจัดแมลงไพรีทรอยด์ ออกฤทธิ์ด้วยการสัมผัสกับตัวแมลงและการที่แมลงกินยาไซเพอร์เมทรินเข้าไปโดยตรง ประโยชน์ของยาฆ่าแมลงชนิดนี้ได้แก่ ใช้กำจัดหนอนเจาะสมออเมริกัน หนอนเจาะสมอสีชมพู หนอนคืบ หนอนใยผัก หนอนกระทู้หอม หนอนกระทู้ควายพระอินทร์ และหนอนผีเสื้ออื่น ๆ เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไก่แจ้ เพลี้ยไฟ มวนแดงคลอโรทาโลนิล
มีคุณสมบัติออกฤทธิ์สัมผัส โดยทำให้ประสิทธิภาพเหนือกว่าสารพิษที่ออกฤทธิ์เมื่อแมลงสัมผัสกับสารพิษชนิดอื่นๆทั่วไป ยากำจัดศัตรูพืชชนิดนี้มีสรรพคุณช่วยยับยังการกระจายของสปอร์หรือส่วนขยายพันธุ์ของเชื้อรา ช่วยลดปัญหาการดื้อยาของเชื้อราและกำลังถูกพัฒนาด้วยการใช้ผสมกับสารดูดซึมยุคใหม่ ที่เรียกว่า “สารผสมเสร็จ” นำมาใช้เพื่อป้องกันการดื้อยาและกำจัดโรคราพืชได้กว้างขวางขึ้น โดยประโยชน์ของคลอโรทาโลนิลมีดังต่อไปนี้ ป้องกันและกำจัดโรคราหลักได้หลากหลายชนิด เช่น ราสนิม ราน้ำค้าง ใบจุด ใบจุดดำ ใบจุดสีม่วงและใบไหม้แผลใหญ่ โดยส่วนใหญ่มักนำมาใช้กับทุกพืชเศรษฐกิจ ได้แก่ มะเขือเทศ ผักต่างๆ มะระ ถั่วฝักยาว ถั่วเหลือง พริก แตง มันฝรั่ง กุหลาบ ดาวเรือง กล้วยไม้ ส้ม มะนาว ลำไย องุ่นวิธีล้างผักให้สะอาดปราศจากยาฆ่าแมลง
ในสมัยก่อนจะมีคนแนะนำว่า เวลาซื้อผัก ให้เลือกผักที่มีอรอยแทะของหนอนหรือแมลง ไม่ควรซื้อผักที่ใบสวยๆ เพราะว่าผักนั้นผ่านการฉีดใช้ยาฆ่าแมลงมา ใบผักก็เลยสวยสมบูรณ์ไร้ตำหนิ แต่ปัจจุบันคำแนะนำนี้อาจใช้ไม่ได้ผลแล้ว เพราะบางครั้งเกษตรกรอาจฉีดพ่นยาฆ่าแมลงไม่ถูกจังหวะทำให้แมลงไม่ตายและกลับมากัดกินใบผักได้อีก นอกจากนี้หนอนหรือแมลงยังมีการพัฒนาสายพันธ์ให้ดื้อและทนทานต่อยาฆ่าแมลงอีกด้วย อีกทั้งปัจจุบันมีการใช้ต่างๆ อย่างเช่น ฟอร์มาลีนเพื่อให้ผักนั้นคงความสดอยู่ได้นาน ดังนั้นวิธีป้องกันหรือกำจัดสารพิษค้างที่ดีที่สุดคือการล้างผักให้สะอาดก่อนจะนำไปปรุงอาหารหรือรับประทาน ซึ่งวิธีล้างผักที่เป็นที่นิยมมากที่สุด ได้แก่ระดับสารกำจัดศัตรูพืชในอาหารมีการควบคุมอย่างไร?
มีการใช้การศึกษาหลายประเภทเพื่อทำความเข้าใจว่าสารกำจัดศัตรูพืชระดับใดที่เป็นอันตรายตัวอย่างบางส่วน ได้แก่ การวัดระดับในผู้ที่สัมผัสสารกำจัดศัตรูพืชมากเกินไปโดยไม่ได้ตั้งใจ การทดสอบในสัตว์ และการศึกษาสุขภาพในระยะยาวของผู้ที่ใช้สารกำจัดศัตรูพืชในการทำงานข้อมูลนี้จะถูกรวมเข้าด้วยกันเพื่อสร้างขีดจำกัดสำหรับการสัมผัสกับยาฆ่าแมลงอย่างปลอดภัย ตัวอย่างเช่น ปริมาณยาฆ่าแมลงในปริมาณต่ำที่สุดที่ทำให้เกิดแม้แต่อาการที่ละเอียดอ่อนที่สุดเรียกว่า “ระดับผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์ต่ำสุดที่สังเกตได้” หรือ LOAEL บางครั้งก็ใช้คำว่า “ไม่มีระดับผลข้างเคียงที่สังเกตได้” หรือ NOAEL เช่นกัน องค์กรต่างๆ เช่น องค์การอนามัยโลก หน่วยงานความปลอดภัยด้านอาหารแห่งยุโรป กระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริกา และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ใช้ข้อมูลนี้เพื่อสร้างเกณฑ์การรับสัมผัสที่ถือว่าปลอดภัย ในการดำเนินการนี้ พวกเขาเพิ่มการรองรับความปลอดภัยเพิ่มเติมโดยการตั้งค่าเกณฑ์ให้ต่ำกว่า LOAEL หรือ NOAEL 100–1,000 เท่าการสัมผัสสารกำจัดศัตรูพืชในปริมาณมากมีผลกระทบต่อสุขภาพอย่างไร?
สารกำจัดศัตรูพืชทั้งแบบสังเคราะห์และแบบอินทรีย์มีผลเสียต่อสุขภาพในปริมาณที่สูงกว่าที่พบในผักและผลไม้โดยทั่วไป ตัวอย่างเช่น การทบทวนงานวิจัยครั้งหนึ่งพบว่าการสัมผัสสารกำจัดศัตรูพืชอาจเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นของโรคพาร์กินสัน และอาจเปลี่ยนแปลงยีนเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาของร่างกายได้ ในทำนองเดียวกัน การวิเคราะห์การศึกษา 7 ชิ้นยังพบว่าการสัมผัสสารกำจัดศัตรูพืชอาจเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคอัลไซเมอร์ (12). ยิ่งไปกว่านั้น งานวิจัยบางชิ้นยังแสดงให้เห็นว่าการใช้ยาฆ่าแมลงอาจเกี่ยวข้องกับมะเร็งบางชนิด จากการศึกษาครั้งหนึ่งในคู่สมรสหญิงที่ใช้สารกำจัดศัตรูพืชมากกว่า 30,000 ราย การสัมผัสกับออร์กาโนฟอสเฟตที่เพิ่มขึ้นเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นอย่างมากสำหรับมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมน เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมไทรอยด์ และรังไข่ การทบทวนการศึกษาในมนุษย์ สัตว์ และในหลอดทดลองอีกครั้งหนึ่งก็มีการค้นพบที่คล้ายกัน โดยรายงานว่าการได้รับสารกำจัดศัตรูพืชกลุ่มออร์กาโนฟอสเฟต เช่น มาลาไธออน เทอร์บูฟอส และคลอร์ไพริฟอส อาจเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นในการเกิดมะเร็งเต้านมเมื่อเวลาผ่านไป การศึกษาบางชิ้นยังพบว่าการใช้ยาฆ่าแมลงอาจเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของมะเร็งประเภทอื่นๆ หลายชนิด รวมถึงมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด และมะเร็งตับการล้างผักโดยใช้น้ำยาล้างผัก
การล้างผักด้วยน้ำยาล้างผักหมายถึงการแช่ผักในน้ำยาล้างผักที่มีวางจำหน่ายกันอยู่ทั่วไป ควรเลือกใช้น้ำยาล้างผักที่มีความเข้มข้นประมาณ 0.3% ผสมในน้ำ 4 ลิตร จากนั้นนำผักหรือผลไม้มาแช่ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที วิธีนี้จะช่วยลดปริมาณของสารพิษจากยาฆ่าแมลงได้ประมาณ 25-70% อย่างไรก็ตามการเลือกใช้น้ำยาล้างผักควรตรวจสอบดูให้ดีกว่าน้ำยาล้างผักมีส่วนประกอบอะไรบ้างและมีข้อควรระวังอย่างไรบ้าง เนื่องจากบางครั้งน้ำยาล้างผักจะแทรกซึมเข้าไปในผักและอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้สารพิษตกค้างในผักล้างด้วยด่างทับทิมล้างผัก
ด่างทับทิม หรือโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนต ควรใช้ด่างทับทิมประมาณ 20-30 เกล็ด เนื่องจากด่างทับทิมจะมีลักษณะเป็นผลึกหรือเกล็ดสีม่วงที่สามารถละลายน้ำได้ นำมาผสมกับน้ำ 4 ลิตร จากนั้นนำผักมาแช่ไว้ในน้ำด่างทับทิมประมาณ 10 นาที จากนั้นให้ล้างออกด้วยสะอาดอีกครั้งหนึ่ง วิธีนี้เป็นการช่วยลดประมาณของสารพิษตกค้างได้ประมาณ 35-43% อย่างไรก็ตามการใช้ด่างทับทิมในปริมาณที่มากจนเกินไป อาจเป็นอันตายต่อระบบทางเดินอาหาร ถ้าหากสูดดมไอระเหยของด่างทับทิมเข้าไปมาก ๆ ก็อาจทำให้ระบบทางเดินหายใจมีปัญหาได้ และถ้าด่างทับทิมเข้าตาก็อาจทำให้ตาบอดได้ นอกจากนี้การใช้ด่างทับทิมล้างผักมากเกินไปยังทำให้ผักเหี่ยวได้เช่นกัน ดังนั้นจึงควรใช้ด่างทับทิมในปริมาณน้อยอย่างระมัดระวังนี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา
- https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2984095/
- https://www.pesticidereform.org/pesticides-human-health/
- https://www.healthline.com/nutrition/pesticides-and-health
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น