ในประเทศไทยมีปลาปักเป้าสองชนิดหลักๆด้วยกันคือ ปลาปักเป้าน้ำจืด และปลาปักเป้าทะเล และสามารถแบ่งย่อยได้อีกกว่า 20 ชนิด พบได้ทุกภาคทั่วประเทศ ในสภาพปกติปลาปักเป้าจะมีรูปร่างอย่างปลาทั่วไป อาจมีหนามตามตัว แต่หากถูกรบกวนจะพองตัวเบ่งออก และมีหนามให้เห็นชัดเจน อันตรายจากการรับประทานปลาปักเป้า เป็นที่รู้จักกันมานาน ในบ้านเรามีผู้ป่วยและเสียชีวิตจากการรับประทานปลาปักเป้าจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะครอบครัวชาวประมง ทหารที่ออกฝึก และประชาชนตามริมฝั่งทะเล ในตัวปลาปักเป้าโดยเฉพาะที่ผิวหนัง รังไข่  บ่อยครั้งฤดูร้อนสำหรับใครหลายๆ คนหมายถึงการเดินทางไปชายหาด กับเพื่อนขนฟูของเรา ในขณะที่การเดินทางไปชายหาดควรเป็นวันที่สนุกสนาน แต่ใครจะรู้ว่าอาจมีอันตรายซ่อนอยู่สำหรับสุนัขของคุณ  หนึ่งในอันตรายเหล่านี้คือปลาปักเป้าซึ่งมีพิษร้ายแรงต่อสุนัข มักพบเกยตื้นตามชายฝั่งหรือบนชายหาดหรือท่าเทียบเรือจากการจับของชาวประมง  ก่อนการเดินทางไปที่ชายหาดครั้งต่อไป คุณควรทราบถึงสัญญาณและอาการที่แสดงออกของพิษจากปลาปักเป้า มันอาจจะช่วยชีวิตตัวคุณเองและสุนัขของคุณได้

สถานการณ์ผู้ได้รับพิษปลาปักเป้า

โรคพิษจากปลาปักเป้าในประเทศไทย มี รายงานตังแต่ปพี .ศ.2472ที่จังหวัดชลบุรี โดยมีผู้ป่วย 9 ราย กินปลาปักเป้าที่จับได้จากโป๊ะ เสียชีวิต 3 ราย หลังจากนัน ถึงเดือนสิงหาคม 2550 เท่าที่รวบรวมจานวนผู้ป่วยที่มี รายงานในประเทศไทย มีทังสิน 115 ราย เสียชีวิต 15 ราย (ร้อยละ 13) ดังแสดงในตารางที่ 1 ผู้ป่วยทัง 115 ราย เกิดจากการกินปลาปักเป้าทะเล 95 ราย ปลาปักเป้านาจืด 13รายไม่ทราบชนิด7 รายเฉพาะในปีพ.ศ.2550 มี รายงานทังหมด 9 ราย (กรุงเทพฯ 7 ราย, เชียงใหม่ 2 ราย).  อย่างไรก็ดีตัวเลขดังกล่าวเป็นตัวเลขที่ได้มาจากการรายงาน ซึ่งคงต่ากว่าความเป็นจริงมาก เนื่องจากผู้ป่วยจานวนหนึ่ง อาจมีอาการน้อย เช่น มีอาการปากชา ลินชา (ซึ่งอาจเข้าใจผิดว่าเป็นเพียงการแพ้ผงชูรส) และไม่ได้มาพบแพทย์ อีก ส่วนหนึ่งอาจมีอาการรุนแรงมาก และเสียชีวิตก่อนมาถึงโรงพยาบาล

ปลาปักเป้ามีพิษอย่างไร 

 สารที่แยกได้จากปลาปักเป้ามี 2 ชนิด คือ Tetrodonine และ Tetrodonic acid ซึ่งเมื่อผ่านกรรมวิธีต่าง ๆ แล้วจะได้สาร Tetrodotoxin (TTXs) หรือในชื่ออื่นๆ เช่น Maculotoxin, Sheroidine, Tarichatoxin หรือ Fugu poison TTXs ในปลาปักเป้าเป็นพิษชนิดเดียวกันกับที่พบใน Blue-ringed octopus และสัตว์ทะเลที่ใช้เป็นอาหาร อื่นๆ เช่น หมึกสาย หอยกาบเดี่ยว และปลาชนิดอื่นๆ บางชนิด พิษชนิดนีมีคุณสมบัติ ไม่สลายตัวด้วยความร้อนแต่ ละลายในนาหรือแอลกอฮอล์ได้ดี มีฤทธิ์ต่อระบบประสาท ทาให้การถ่ายโอนประจุของ Sodium channels ในเซลล์สื่อ ประสาทผิดปกติ ซึ่งจะทาให้ผู้ที่รับประทานเข้าไปมีอาการชา คลื่นไส้ อาเจียน มีผลทาให้กล้ามเนือไม่ทางาน เกิดอาการ อัมพาต ในกรณีที่ได้รับพิษจานวนมากจะทาให้ระบบประสาทส่วนกลางไม่สามารถควบคุมการหายใจและการเต้นของ หัวใจ หายใจไม่ออก หัวใจเต้นผิดปกติ เป็นอันตรายถึงเสียชีวิตได้ สารพิษชนิดนีเป็นโปรตีนที่ทนความร้อนสูงถึง 200 องศาเซลเซียสจึงไม่สลายด้วยวิธีการทาอาหารตามปกติ ในสอาพ pH เป็นกรด พิษจะอยู่ได้นานแต่จะสลายตัว ได้เร็วใน pH ที่เป็นด่าง ความรุนแรงของพิษขึนกับสัตว์ทะเลแต่ละชนิด แต่ละตัว และชนิดของเนือเยื่อ ในตับและรังไข่ มักมีความรุนแรงของพิษสูง แต่พบว่ามีสัตว์เฉพาะกลุ่มเท่านันที่สามารถสะสมสารพิษ TTXs ไว้ในตัวได้ จากผลการ ศึกษาวิจัย นักวิทยาศาสตร์อธิบายว่า ตามทฤษฎีแล้วเนือของปลาปักเป้าไม่มีพิษ หรือมีพิษน้อย เนื่องจากปลาไม่ สามารถผลิตพิษได้เอง ปลาจะเริ่มสะสมพิษซึ่งถูกสร้างขึนจากแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ร่วมกับสัตว์นาและที่อยู่เป็นอิสระ เช่น Vibrio alginolyticus และ Pseudoalteromonas tetraodonis จึงมีรายงานว่าปลาบางชนิดมีพิษ บางชนิด ไม่มีพิษ แต่ในบางทฤษฎีเชื่อว่าตอนที่ปลามีไข่อ่อนอาจจะผลิตพิษได้บ้าง โดยพิษจะสะสมอยู่ในอวัยวะอายใน พบมาก ที่ตับ กระเพาะ ลาไส้ รังไข่ ลูกอัณฑะ และผิวหนัง พิษของปลาจะเพ่ิมมากขึนในฤดูวางไข มีปลาปักเป้ามีหลายสายพันธุ์ บางที่อาจรู้จักกันในชื่อปลาคางคก  ปลาปักเป้ามีสารพิษที่เรียกว่า เป็นสารพิษตามธรรมชาติที่ร้ายแรงที่สุดชนิดหนึ่ง  พบสารพิษที่ผิวหนังและอวัยวะภายในของปลาปักเป้า และเป็นพิษมากกว่าไซยาไนด์ประมาณ 1,200 เท่า  ปริมาณเตโตรโดท็อกซินในปริมาณที่ถึงตายนั้นมีขนาดเล็กกว่าหัวเข็ม โดยมีปลาหนึ่งตัวที่มีพิษมากพอที่จะฆ่าคนได้ 30 คน ดังนั้นการทำให้สุกจึงไม่สามารถลดความเป็นพิษได้ สารนี้ออกฤทธิ์ที่เซลล์ประสาทโดยกันไม่ให้โซเดียมถูกดูดกลับเข้าไปในเซลล์ ทำให้ไม่สามารถนำกระแสประสาทได้ รวมทั้งออกฤทธิ์ยับยั้งการสื่อสัญญาณประสาทที่จุดบรรจบประสาทกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อเป็นอัมพาต  ในญี่ปุ่น ฟุกุ (ปลาปักเป้า) ถือเป็นอาหารอันโอชะ  เชฟที่ผ่านการฝึกอบรมมาเป็นพิเศษจะเตรียมในลักษณะนี้เพื่อให้ผู้มารับประทานอาหารรู้สึกเสียวซ่าหรือชาเล็กน้อยที่ริมฝีปากขณะรับประทานอาหาร  อย่างไรก็ตาม การได้รับพิษและถึงขั้นเสียชีวิตก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ปลาปักเป้า ไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว อาจถึงแก่ชีวิตได้ทั้งมนุษย์และสุนัขก็เหมือนกัน หากกินเข้าไปในปริมาณมากพอ  ไม่เพียงแต่การกินเข้าไปเท่านั้น แม้แต่การเคี้ยวหรือเลียก็สามารถทำให้เกิดพิษร้ายแรงได้  ในตอนแรก สุนัขของคุณอาจดูดี แต่หากปราศจากการรักษา มันอาจเป็นอัมพาตได้ Puffer Fish

อาการของการได้รับพิษจากปลาปักเป้า

Tetrodotoxin ออกฤทธิ์เร็วมาก  ภายในไม่กี่นาที สัญญาณของการเป็นพิษจะเริ่มชัดเจน และหลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง อัมพาตก็จะเกิดขึ้น ในกรณีที่รุนแรง พิษจากปลาปักเป้าจะเป็นอันตรายถึงชีวิตภายในหนึ่งชั่วโมง อาการและอาการแสดงในระยะเริ่มแรก ได้แก่: หลังจากนั้นอาการเหล่านี้จะเพิ่มขึ้น อาการและอาการแสดงอย่างรวดเร็วจะรุนแรงขึ้นรวมถึง:

จะรักษาพิษจากปลาปักเป้าอย่างไร 

การรักษาการได้รับพิษจากปลาปักเป้าคือต้องรักษาตามอาการ และประคับประคองให้ผู้ป่วยพ้นขีดอันตรายต่อชีวิต ดูแลทางเดินหายใจ ถ้าผู้ป่วยหายใจไม่พอให้ใส่ท่อหลอดลม และใช้เครื่องช่วยหายใจ ให้สารน้ำเข้าหลอดเลือดดำ และถ้าความดันโลหิตต่ำมากอาจให้ dopamine รักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ถ้าเต้นช้ามากให้ทดลองฉีด atropine ถ้าไม่ได้ผลต้องใส่ pace maker หลังจากที่ได้รักษาประคับประคองจน vital signs ปกติ ให้ใส่ท่อสวนล้างกระเพาะอาหาร ให้ activated charcoal ประมาณ 1g/kg ถ้าผู้ป่วยไม่ถ่ายควรให้ยาระบายด้วย ปัจจุบันยังไม่มียาต้านพิษที่มีประสิทธิภาพ ถ้าผู้ป่วยได้รับการรักษาประคับประคองที่ดี ผู้ป่วยจะหาย เป็นปกติภายใน 24-48 ชั่วโมง หากคุณเห็นสุนัขของคุณกิน เลียหรือเคี้ย ปลาปักเป้า ให้รีบพาไปหาสัตวแพทย์ทันที  เมื่อคุณไปถึง สัตวแพทย์จะทำการตรวจเบื้องต้น เช่น การตรวจเลือด เพื่อระบุความรุนแรงของพิษ  เนื่องจากไม่มียาแก้พิษสำหรับพิษจากเตโตรโดท็อกซิน การรักษาคือการ:
  • กระตุ้นให้อาเจียนเพื่อขจัดสารพิษ
  • การใช้ถ่านกัมมันต์เพื่อช่วยในการกำจัดสารพิษ
  • อาจใช้ของเหลวไขมันที่ละลายน้ำได้เพื่อเจือจางสารพิษ
  • ใช้ของเหลวเพื่อความชุ่มชื้น
  • การบำบัดด้วยออกซิเจนหากพวกมันประสบปัญหาในการหายใจ
  • ในกรณีที่เป็นอัมพาตรุนแรง อาจจำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ 

อ้างอิง

แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด