ยารักษาริดสีดวง (Hemorrhoids Medication) – อาการ ประเภท การรักษา

ผู้เขียน Dr. Sommai Kanchana
0
ยารักษาริดสีดวง
หนึ่งในโรคที่เกี่ยวข้องกับการขับถ่าย อย่างริดสีดวงเป็นหนึ่งในปัญหายอดของฮิตของคนไทย ผู้คนจำนวนมากต้องประสบกับการเป็นริดสีดวงโดยที่ไม่ได้อยากเป็น อาการของริดสีดวงนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน แม้แต่การนั่งเฉย ๆ ยังดูเป็นเรื่องลำบาก ในทางการแพทย์มีวิธีการและยาริดสีดวง โดยบทความนี้จะนำเสนอทั้งความรู้เกี่ยวโรคริดสีดวง ยาดาฟลอนและเพชรสังฆาตที่เป็นตัวยาที่ใช้รักษาริดสีดวง โรคริดสีดวงมีอาการอย่างไร โรคริดสีดวงมีทั้งภายนอกและภายในอาจปรากฏให้เห็นต่างกัน จะมีอาการเกิดจากจากการขยายตัวของหลอดเลือดดำที่มีภาวะความดันสูง โดยผู้ป่วยริดสีดวงทวารจะมีอาการ
  • มีความผิดปกติในช่องท้อง จนเกิดอาการเจ็บๆ คันๆ
  • ในระยะแรก อาจสังเกตว่ามีเลือดติดกระดาษชำระหลังอุจจาระ หรือเคลือบอุจจาระออกมา และจะเพิ่มเป็นอาการเจ็บปวดในระยะหลัง
  • เมื่อมีก้อนริดสีดวงโป่งพองโผล่ออกมาขณะอุจจาระ หรืออาจทำให้เกิดอาการเลือดออกขณะหรือหลังถ่ายอุจจาระได้ เนื่องจากการเสียดสีระหว่างอุจจาระกับเส้นเลือดที่โป่งพอง
  • อาจมีอาการเจ็บปวดและมีอาการอื่นเกิดร่วมด้วย เช่น เวียนหัว หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม
  • มักจะพบได้มากในผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป ดังนั้นผู้ที่มีอาการควรรีบไปพบแพทย์ เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคอื่นได้
ประเภทของโรคริดสีดวงทวาร โรคริดสีดวงทวารมีการแบ่งออกเป็น  2  ประเภท เพื่อที่ง่ายต่อการวินิจฉัยและการรักษา
  • ริดสีดวงทวารภายใน (Internal Hemorrhoids)
ริดสีดวงประเภทนี้อาจมองไม่เห็นก้อนริดสีดวงทวาร แต่สามารถสังเกตได้ว่าเป็นโรคริดสีดวงทวารได้หลังถ่ายอุจจาระจะมีเลือดหยดออกมา ไม่ส่งผลให้เกิดอาการเจ็บปวดใด ๆ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีเส้นประสาทที่รับความรู้สึกน้อยมาก แบ่งตามความรุนแรงเป็น 4 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 ริดสีดวงยังมีขนาดเล็กอยู่ส่งผลให้มองไม่เห็น แต่มีเลือดออกเวลาถ่ายอุจจาระ ระยะที่ 2 มีขนาดใหญ่มากขึ้นและเริ่มเป็นติ่งยื่นออกมาหากทำการเบ่งเพื่อถ่ายอุจจาระ แต่ในระยะนี้ติ่งสามารถหดกลับเข้าไปเองได้ ระยะที่ 3 เหมือนกับระยะที่ 2 แต่ในระยะนี้ผู้ป่วยต้องใช้น้วมือดันติ่งริดสีดวงกลับเข้าไป ระยะที่ 4 ในระยะนี้ริดสีดวงจะมีขนาดใหญ่เป็นติ่งที่ยื่นออกมาแบบถาวร ไม่สามารถหดหรือดันกลับเข้าไปได้แล้
  • ริดสีดวงทวารภายนอก (External Hemorrhoids)
จะเห็นก้อนเนื้อออกมาจากทวารหนักชัดเจน ก้อนริดสีดวงอาจหลุดกลับเข้าไปเองได้หรืออาจต้องดันกลับเข้าไปในทวารหนัก ยารักษาริดสีดวง ยี่ห้อไหนดี Hamerol เป็นยารับประทานกลุ่ม flavonoids ประกอบด้วย diosmin 450 mg และ hesperidin 50 mg เป็นยาแก้ริดสีดวงแต่ยังไม่ทราบถึงกลไกการออกฤทธิ์ที่แน่ชัด เชื่อว่าเกี่ยวกับการสร้างความแข็งแรงของหลอดเลือด เพิ่ม venous tone เพิ่ม lymphatic drainage และ stabilize capillary permeability ประสิทธิภาพของการรักษายังไม่ชัดเจนนัก ซึ่งอาจจะช่วยลดการเลือดออกและอาการคันได้ แต่ไม่สามารถลดอาการปวดได้ ไม่พบประสิทธิภาพในการลดขนาดของริดสีดวง ยานี้มีอาการข้างเคียง ได้แก่ การเกิดผื่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย อาหารไม่ย่อย และอาการทางระบบประสาท ได้แก่ นอนไม่หลับ มึนเวียนศีรษะ ปวดศีรษะ ข้อบ่งใช้หลักๆ ของยาดาฟลอน มักใช้สำหรับรักษาอาการต่อไปนี้
  • รักษาโรคริดสีดวงทวาร
  • รักษาโรคเกี่ยวกับหลอดเลือด หรือความผิดปกติของการไหลเวียนเลือดในหลอดเลือดดำ เช่น โรคเส้นเลือดขอด อาการปวดเมื่อยขา อาการขาบวม
นอกจากนี้ยาดาฟลอน ยังสามารถใช้รักษาภาวะน้ำเหลืองบวม (Lymphedema) ภาวะไหลเวียนของเลือดช้าลง (Venous Stasis) ภาวะผื่นผิวหนังอักเสบ (Stasis Dermatitis) อีกด้วย กลไกการออกฤทธิ์ของยาดาฟลอน® คือ ตัวยาจะเข้าไปช่วยเพิ่มการบีบตัวของหลอดเลือดดำ ทำให้หลอดเลือดขยายตัวเพื่อให้เลือดหมุนเวียนไปทั่วร่างกายได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น และเพิ่มความแข็งแรงของหลอดเลือดดำด้วย hemorrhoids stick วิธีรับประทานยาดาฟลอน การรับประทานยาดาฟลอน มักจะต้องรับประทานติดต่อกันประมาณ 1-2 เดือน แต่ทั้งปริมาณการรับประทานยา และระยะเวลาที่รับประทานก็จะแตกต่างกันไปตามอายุ น้ำหนัก อาการเจ็บป่วยของผู้ป่วยแต่ละราย รวมถึงประวัติสุขภาพด้วย เช่น หากเป็นโรคริดสีดวงทวารแบบเฉียบพลัน ตัวยาจะเข้าไปทำให้หลอดเลือดแข็งแรง ไม่แตกง่าย ทำให้อาการเลือดออกระหว่างเป็นโรคริดสีดวงทวารลดลง โดยส่วนมากแพทย์จะให้รับประทาน 2 เม็ดต่อวัน วันละ 3 เวลาหลังอาหาร หรือพร้อมอาหารได้เลย เป็นระยะเวลา 4 วัน หลังจากนั้นให้ลดขนาดยาเป็น 2 เม็ดต่อวัน วันละ 2 เวลา เป็นระยะเวลา 3 วันแทน แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่การประเมินอาการของแพทย์ด้วย สำหรับปริมาณการรับประทานยาในเด็ก ผู้ปกครองควรปรึกษากับแพทย์เสียก่อน เพื่อให้แพทย์ประเมินอาการเจ็บป่วยของเด็ก และประวัติสุขภาพอื่นๆ ว่า เด็กสามารถรับประทานยาดาฟลอน ได้หรือไม่ แต่โดยปกติยาตัวนี้จะไม่เหมาะกับผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี เว้นแต่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ หรือแพทย์เป็นผู้จ่ายยา แต่ทางที่ดีเพื่อไม่เกิดโรคนี้กับเด็กๆ ซึ่งจะสร้างความทุกข์ทรมานต่อร่างกายเป็นอย่างมาก ผู้ปกครองควรระมัดระวังอย่าให้เด็กนั่งอยู่ในห้องน้ำนานๆ ฝึกการขับถ่ายให้เป็นนิสัย เช่น เมื่อปวดท้องให้รีบเข้าห้องน้ำทันที ห้ามอั้น  ให้รับประทานอาหารที่มีกากใยมากๆ เช่น ผักสดและผลไม้สด ดื่มน้ำสะอาดมากๆ และพาเด็กไปตรวจริดสีดวงทวารเมื่อเด็กมีอาการคล้ายกับเป็นโรคนี้ ผลข้างเคียงจากยาดาฟลอน ยาดาฟลอน สามารถส่งผลข้างเคียงได้ไม่ต่างจากการใช้ยาชนิดอื่นๆ แต่มักเกิดขึ้นได้น้อย เช่น
  • เป็นผื่นคัน
  • วิงเวียนศีรษะ
  • นอนไม่หลับ
  • คลื่นไส้อาเจียน
  • ปวดท้อง
  • อาหารไม่ย่อย
  • ท้องเสีย
ข้อควรระวังในการใช้ยาดาฟลอน การใช้ยาดาฟลอน มีข้อควรระวังบางอย่างที่ควรรู้ เพื่อจะได้ใช้ยานี้อย่างเหมาะสมและไม่เสี่ยงเกิดผลกระทบต่อร่างกาย
  • อาการallergy-0094/”>แพ้ยา ยาดาฟลอน สามารถก่ออาการแพ้ยาได้เช่นเดียวกับยาชนิดอื่น หากใช้ยาแล้วมีอาการคล้ายกับอาการแพ้ยา เช่น ผื่นขึ้น คลื่นไส้อาเจียน หายใจไม่ออก ปากบวม หน้าบวม ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
  • การใช้ยาเกินขนาด ให้ใช้ยาในปริมาณที่แพทย์กำหนดและสั่งจ่ายเท่านั้น รวมถึงอย่าซื้อยามารับประทานเพิ่มเองด้วย
  • หากลืมรับประทานยา เมื่อลืมรับประทานยาดาฟลอน® ให้รีบรับประทานยาทันทีที่นึกได้ แต่หากใกล้เวลาที่ต้องรับประทานยาครั้งต่อไป ให้ข้ามยาครั้งที่ลืมรับประทานไปเลย แล้วรับประทานยาครั้งถัดไปในปริมาณปกติแทน ไม่ต้องรับประทานเพิ่มเพื่อชดเชยครั้งที่ลืม
  • รับประทานยาพร้อมอาหาร หรือหลังอาหารเท่านั้น อย่ารับประทานยาดาฟลอน หากท้องว่าง
  • ยาช่วยรักษาโรคริดสีดวงทวารเพียงแค่หยุดอาการเลือดออกเท่านั้น แต่ไม่สามารถรักษาอาการเจ็บ หรือปวดแผลได้ นอกจากรับประทานยา ผู้ป่วยต้องดูแลตนเองด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และไปพบแพทย์เพื่อรักษาเพิ่มเติมด้วย
  • อย่ารับประทานยาร่วมกับบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะยิ่งทำให้เกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยามากขึ้น หรือส่งผลทำให้การออกฤทธิ์ของยาเปลี่ยนไป
  • ผู้ป่วยโรคไต หรือมีความผิดปกติเกี่ยวกับไต ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาดาฟลอน
เพชรสังฆาต เพชรสังฆาต (Cissus quadrangularis Linn.) เป็นสมุนไพรที่ใช้กันในเอเชียและแอฟริกา ประกอบด้วยสารสำคัญคือ flavonoids, triterpenoids, ascorbic acid เป็นยาสมุนไพรที่อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ แต่ยังมีข้อมูลจำกัดเกี่ยวกับกลไกในการรักษาริดสีดวง เชื่อว่าสามารถแก้ปวด แก้อักเสบ และรักษาริดสีดวงได้ แต่ข้อมูลการศึกษาเกี่ยวกับเพชรสังฆาตเปรียบเทียบกับยาหลอก พบว่ายาไม่ได้มีประสิทธิภาพเหนือกว่ายาหลอก ทั้งในเรื่องของการลดอาการปวดและอาการบวม[5][6] ผลข้างเคียงของยา ได้แก่ ท้องเสีย ปวดท้อง ท้องผูก[6] โดยสรุป ยาสมุนไพรเพชรสังฆาตและยา Daflon มีประสิทธิภาพไม่ชัดเจนในการรักษาริดสีดวงทวาร การใช้ยาร่วมกันจะเพิ่มผลข้างเคียงต่อระบบทางเดินอาหาร ในกรณีของผู้ถามซึ่งใช้ Daflon ร่วมกับ Protosedyl ซึ่งยาที่ใช้อยู่ช่วยบรรเทาอาการริดสีดวงทวาร เช่น ความปวด บวม คัน เลือดออก ได้ ยังไม่มียาที่มีประสิทธิภาพในการลดขนาดของริดสีดวงทวาร หรือลดการกลับเป็นซ้ำ ดังนั้น ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง เช่น มีติ่งเนื้อโผล่ออกมาและไม่หดกลับ มีอาการปวด เลือดออกมาก จะต้องได้รับการรักษาโดยการทำหัตถการ

การใช้ยาดาฟลอน กับสมุนไพรเพชรสังฆาต

หลายคนมักใช้ยาดาฟลอน ร่วมกับยาสมุนไพรเพชรสังฆาตเพื่อให้อาการริดสีดวงทวารดีขึ้นเร็วกว่าเดิม แต่ความจริงแล้วไม่จำเป็นต้องรับประทานคู่กันก็ได้ เพราะฤทธิ์ของสมุนไพรเพชรสังฆาตเหมือนกับยาดาฟลอน เช่นกัน นอกจากนี้ในสมุนไพรเพชรสังฆาตยังมีสารแคลเซียมออกซาเลทมาก หากรับประทานไปเป็นระยะเวลานาน หรือต่อเนื่องเกินความจำเป็น ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคเกาต์ หรือเป็นนิ่วที่ไตได้ ยาดาฟลอน เป็นยาสำหรับรักษาโรคริดสีดวงทวารในส่วนของการหยุดอาการเลือดออกเท่านั้น แต่ไม่ได้ช่วยให้ติ่งเนื้อ ที่ยื่นออกมาจากรูทวารหลุดออกไปแต่อย่างใด การรักษาโรคนี้จึงต้องรักษาด้วยการรับประทานยาร่วมกับทำตามคำแนะนำของแพทย์ โดยแพทย์อาจให้ผู้ป่วยเข้ารับการผ่าตัดเพื่อนำติ่งเนื้อริดสีดวงทวารออก หรืออาจเป็นการฉีดสีให้ติ่งเนื้อริดสีดวงฝ่อ กรณีลืมใช้ยา หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ในทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที การเก็บรักษาดาฟลอน ดาฟลอนควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงหรือความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหาย ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ดาฟลอนบางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัยโปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง ไม่ควรทิ้งดาฟลอน ลงในชักโครก หรือเทลงในท่อระบายน้ำ ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้องเมื่อยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้งาน โปรดสอบถามเภสัชกรเพิ่มเติม เกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง

การอ้างถึง

  1. https://www.petcharavejhospital.com/th/
  2. https://www.sikarin.com/doctor-articles/
  3. http://drug.pharmacy.psu.ac.th/
  4. https://hellokhunmor.com/
  5. https://hd.co.th/what-is-daflon-medicine
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด