ใบกระเพราเป็นสมุนไพรในกลุ่มมินต์ ช่วยเพิ่มรสชาติให้อาหาร และใบกระเพราะ สรรพคุณมีหลากหลายมาก ประโยชน์ของกระเพรานั้นมีหลายอย่างที่เราจะกล่าวถึงในบทความนี้
ใบกระเพราะ (Ocimum basilicum) ถูกใช้ในแถบเมอดิเตอเรเนียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอาหารอิตาเลียน มันเป็นส่วนประกอบพื้นฐานของเพสโตและเพิ่มรสชาติพิเศษให้สลัด พาสต้า พิซซ่า และจานอื่น ๆ อาหารอินโดนีเชีย เวียดนาม และไทยก็ใช้ใบโหระพาเป็นส่วนประกอบเช่นกัน
ในอาหาร ใบโหระพาให้วิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระมากมาย น้ำมันสกัดจากโหระพาอาจมีประโยชน์ทางการแพทย์อีกด้วย
เราสามารถหาซื้อใบโหระพาได้ทั่วไป ใบดหระพาแต่ละชนิดให้รสและกลิ่นที่แตกต่าง
ใบโหระพาอีกชนิดคือ ตุลซี หรือ กะเพรา (Ocimum santum) มีบทบาทในยาของทมิฬและอายุรเวท ซึ่งเป็นศาสตร์ที่ปฏิบัติกันในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมันแตกต่างจากใบกระเพราะ
ในบทความนี้ เราจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับประโยชน์ของใบโหระพาต่อสุขภาพและปริมาณสารอาหารที่ใบโหระพามี และเคล็ดลับการนำใบโหระพาไปประกอบอาหาร
นอกเหนือจากสารอาหารเหล่านี้แล้ว โหระพายังมีวิตามินบีอยู่มาก มีไอรอนและแร่ธาตุอื่น ๆ และมีสารต้านอนุมูลอิสระ
ประโยน์ต่อสุขภาพ
สรรพคุณของกระเพราอาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพเมื่อนำไปใส่ในอาหาร นำไปใช้เป็นยาสมุนไพร และใช้เป็นน้ำมันหอมระเหย ในสมัยโบราณ มันถูกใช้เป็นยารักษาเมื่อถูกงูกัด เป็นหวัด และการติดเชื้อในทางเดินหายใจ กะเพราให้สารอาหารหลักบางอย่าง เช่น แคลเซียม วิตามินเค และสารต้านอนุมูลอิสระ ใบกระเพราะมียูเจนอลอยู่สูง จึงทำให้มีกลิ่นคล้านกานพลู ใบแมงลักมีลีโมนีนสูงทำให้มีกลิ่นส้ม ทั้งยูเจนอลและลีโมนีนมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระลดภาวะเครียดออกซิเดชั่น
สารต้านอนุมูลอิสระสำคัญสำหรับการขจัดอนุมูลอิสระออกจากร่างกาย สารต้านอนุมูลอิสระเป็นโมเลกุลไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นจากผลของการเผาผลาญและกระบวนการทางธรรมชาติอื่น ๆ มันสามารถก่อตัวขึ้นจากผลของการสูบบุหรี่และการรับประทานอาหารบางอย่างด้วย สารต้านอนุมูลอิสระเป็นสารประกอบที่ช่วยกำจัดโมเลกุลเหล่านี้จากร่างกาย แต่หากมันมีมากเกินไป อาจทำให้เกิดภาวะเครียดออกวิเดชั่น เป็นผลให้เซลล์ถูกทำลาย และเกิดโรคได้ นักวิทยาศาสตร์ได้เชื่อมโยงมะเร็ง โรคหัวใจ โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ เบาหวาน และปัญหาสุขภาพอื่น ๆ เข้ากับภาวะเครียดออกซิเดชั่น ร่างกายสร้างสารต้านอนุมูลอิสระบางส่วน แต่ก็ต้องดูดซึมบางส่วนจากอาหารด้วย สารต้านอนุมูลอิสระที่มีในใบโหระพาคือแอนโทไซยานินและเบต้า แคโรทีนช่วยให้สุขภาพตับดีขึ้น
การศึกษาในปี 2015 ในหนูทดลองสรุปได้ว่า สารต้านอนุมูลอิสระในรูปแบบแป้ง รวมไปถึงใบกะเพรามีประโยชน์ต่อสุขภาพตับ นักวิทยาศาสตร์ใช้แป้งหลังจากการใช้ท็อกซินเร่งการบาดเจ็บของตับ ตุลซี — เป็นพืชที่แตกต่างจากใบโหระพาที่วางขายอยู่ในประเทศแถบตะวันตก — มีบทบาทในยาของอินเดียการต่อสู้กับโรคมะเร็ง
ในการตีพิมพ์ปี 2013 เกี่ยวกับสรรพคุณกะเพราพบว่ามันสามารถป้องกันมะเร็งได้ ผู้เขียนได้สรุปไว้ว่า สารพฤกษเคมีในใบกะเพราช่วยป้องกันมะเร็งผิวหนัง ตับ ปาก และปอด พวกมันไปช่วยเพิ่มกิจกรรมการต่อต้านอนุมูลอิสระ เปลี่ยนการแสดงออกของยีน กระตุ้นการตายของเซลล์ และทำให้เซลล์แบ่งตัวช้าลง อย่างไรก็ตาม การศึกาานี้ได้ทำขึ้นในสัตว์ ซึ่งผลที่ได้ยังต้องได้รับการค้นคว้าวิจัยต่อไปปกป้องผิวจากความแก่
จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในปี 2011 โหระพามีคุณสมบัติที่อาจจะช่วยปกป้องผิวจากความแก่ นักวิจัยใช้สารสกัดจากใบโหระพากับแบบจำลองผิวในห้องปฏิบัติการ ผลลัพท์ที่ได้แสดงให้เห็นว่าการใส่สารสกัดจากใบโหระพาไปให้ครีมทาผิวเฉพาะที่อาจช่วยเรื่องความชุ่มชื่นของผิว และลดความหยาบกระด้างและริ้วรอย ในขณะที่การใส่สารสกัดจากใบโหระพาลงไปอาจมีประสิทธิภาพ แต่การกินใบโหระพาไม่ได้ช่วยเรื่องผิว อย่างไรก็ตาม การต้านอนุมูลอิสระในใบโหระพาและพืชชนิดอื่น ๆ อาจมีผลลัพท์ในการปกป้องหากเรารับประทานพวกมันกับอาหารที่หลากหลายลดน้ำตาลในเลือด
ผู้ที่ใช้ยาแผนโบราณมักแนะนำให้ใช้ใบกระเพราเพื่อช่วยจัดการระดับน้ำตาลในเลือด การศึกษาในหนูในปี 2019 พบว่าสารสกัดจากใบแมงลักช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด หากการทดลองในขั้นต่อไปรับรองการค้นพบนี้ สารสกัดจากใบโหระพาจะมีประโยชน์ต่อผู้ที่เป็นเบาหวานช่วยในสุขภาพของหัวใจและหลอดเลือด
รายงานในปี 2011 พบว่าสารสกัดจากใบโหระพาช่วยลดความดันโลหิต ซึ่งอาจเป็นผลมาจากสารยูจีนอล ยูจีนอลสามารถผิดกั้นช่องแคลเซียมในร่างกายได้ ทำให้ความดันโลหิตต่ำลง อย่างไรก็ตาม หลังจากใช้สารสกัดได้ 2 นาที ความดันก็กลับไปสูงเช่นเดิม ในการศึกษาอีกชิ้นนึง อาสาสมัครสุขภาพดีรับประทานยาหลอกหรือแคปซูลที่มีใบกะเพราแห้ง 300 มิลลิกรัม 1 ครั้งต่อวัน หลังจาก 4 สัปดาห์ ผู้ที่รับประทานสารสกัดจากกะเพรามีคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอร์ไรด์ลดลงกว่าผู้ที่ไม่ได้ทาน ผู้เขียนสรุปว่า สารสกัดสามารถช่วยลดความเสี่ยงบางประการของโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ช่วยฟื้นฟูสุขภาพจิต
ความเครียดสามารถถูกกระตุ้นได้จากการสร้างอนุมูลอิสระในร่างกาย จากบทวิจารณ์ในปี 2014 เก่ยวกับบทบาทของกะเพราในยาอายุรเวช มันอาจมีคุณสมบัติ:- บรรเทาความเครียด ความวิตกกังวล และซึมเศร้า
- เพิ่มความสามารถในการคิดและการใช้เหตุผล
- ป้องกันการสูญเสียความจำจากอายุที่เพิ่มขึ้น
- ช่วยเรื่องการนอนหลับและปัญหาเกี่ยวกับเพศสัมพันธ์
ลดการอักเสบและการบวม
ภาวะเครียดออกซิเดชั่นสามารถทำให้เกิดการอักเสบได้ เป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดโรคมากมาย รวมไปถึงมะเร็ง เบาหวานชนิดที่ 2 และโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ในปี 2017 นักวิจัยได้วิเคราะห์คุณสมบัติต้านการอักเสบของน้ำมันหอมระเหยที่ทำมาจากใบกระเพราะ จากผลลัพท์ที่ได้ น้ำมันหอมระเหยที่ได้สามารถรักษาโรคได้หลากหลาย รวมไปถึงการอักเสบที่มาจากภาวะเคียดออกซิเดชั่นด้วย แต่ก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าการรับระทานใบโหระพาจะมีผลลัพท์ที่เหมือนกันการต่อสู้กับการติดเชื้อ
ผู้ที่ใช้การรักษาแบบโบราณมากมายใช้ใบโหระพาเป็นสารต้านจุลินทรีย์ และมีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนการใช้นี้ด้วย ในปี 2013 นักวิจัยใช้น้ำมันโหระพากับ Escherichia coli หรือ E. coli แบคทีเรียจากมนุษย์ที่มีการติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจ ช่องท้อง ระบบปัสสาวะ และผิวหนัง และจากอุปกรณ์ที่โรงพยาบาลด้วย ผลลัพท์ที่ได้แสดงให้เห็นว่าน้ำมันต่อสู้กับแบคทีเรียชนิดนี้ นักวิจัยสรุปว่า น้ำมันโหระพาสามารถช่วยรักษาหรือป้องกันการติดเชื้อบางชนิดได้โภชนาการ
ในตารางนี้ สารอาหารบางอย่างถูกบอกในหน่วยไมโครกรัม (mcg)สารอาหาร | ปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะของใบกระเพราะประมาณ 2.6 กรัม | ความต้องการของผู้ใหญ่ต่อวัน |
แคลเซียม (mg) | 4.6 | 1,000–1,300 |
วิตามิน A (mcg, RAE) | 6.9 | 700–900 |
เบต้าแคโรทีน (mcg) | 81.7 | No data |
เบต้า คริปโทแซนทิน (mcg) | 1.2 | No data |
ลูทีนและซีแซนทีน(mcg) | 147.0 | No data |
วิตามิน K (mcg) | 10.8 | 75–120 |
การใช้
กระเพราและโหระพาเป็นสมุนไพรที่มีกลิ่นหอมและมีรสชาติที่หลากหลายที่หลาย ๆ คนชอบ ชนิดที่ต่างกันให้รสชาติที่ต่างกัน ในการปรุงอาหาร ใบกระเพราและใบโหระพาได้รับความนิยมมากในไทย แต่บางคนก็ใช้ใบแมงลัก ใบยี่หร่า ใบโหระพาอบเชย และอื่น ๆ เราสามารถใช้ได้โดย:- โรยใบกระเพราสับสด ๆ บนพิซซ่าหรือใช้ห่อรับประทาน
- ใส่ใบกระเพราลงไปในมะเขือเทศที่หั่นและตามด้วยซีสมอสซาเรลล่า และน้ำมันมะกอกเล็กน้อย
- ใส่ใบกระเพราในซุปต่าง ๆ ซอสมะเขือเทศ และผัดต่าง ๆ
- สามารถใช้หมักได้ด้วยใบกระเพราะน้ำมันมะกอก และกระเทียมสับ
- ใส่ใบกระเพรา หรือใส่ทั้งใบลงไปในสลัด
- ไก่เผ็ดกับกระเพราทอด
- ซอสเพสโต้กระเพราพาสด
- พาสต้ากับซอสมะเขือเทศและซอสกระเพรา
ความเสี่ยงในารทานกระเพรา
บางคนต้องระวังหากจะรับประทานใบกระเพราะลิ่มเลือด
ใบกระเพราเพียง 1 ช้อนโต๊ะให้วิตามินเค 10.8 mcg วิตามินเคทำให้เกิดลิ่มเลือดได้ ในปริมาณ 9-12% ของความต้องการของผู้ใหญ่ในแต่ละวัน ระดับวิตามินเคที่สูงสามารถส่งผลต่อการทำงานของยาบางชนิด รวมไปถึง วาฟาริน ผู้ที่ใช้ยาเจือจางเลือดควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานใบกระเพราะการแพ้
บางคนมีปฏิกริยาแพ้หากพวกเขารับประทานหรือสัมผัสสมุนไพรตระกูลมินต์ ผู้ที่มีอาการแพ้ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานกระเพราและตรวจสอบส่วนประกอบของอาหารก่อนรับประทาน หากมีอาการลมพิษ บวม หรือหายใจลำบากหลังรับประทานใบกระเพราะควรพบแพทย์ทันที อาการแพ้อย่างรุนแรงอาจมีอันตรายถึงชีวิตได้นี่คือที่มาในบทความของเรา
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น