กาบาเพนติน (Gabapentin) : วิธีใช้ และข้อควรระวัง

ผู้เขียน Dr. Wikanda Rattanaphan
0
กาบาเพนติน

ประเด็นสำคัญของ Gabapentin

  1. กาบาเพนตินชนิดเม็ดรับประทานมีทั้งแบบที่เป็นยาสามัญและชื่อทางการค้า ได้แก่ นิวรอนติน (Neurontin)
  2. ปัจจุบันมีแบบที่ออกฤทธิ์ทันที และออกฤทธิ์ยาวนาน โดยอยู่ในรูปแบบเม็ดและแบบยาน้ำรับประทานทางปาก
  3. แบบเม็ดรับประทานใช้ในการรักษาอาการชักบางส่วนในเด็กและผู้ใหญ่ อีกทั้งยังใช้ในการรักษาอาการปวดตามเส้นประสาทที่มีสาเหตุจากการติดเชื้องูสวัด (Herpes Zoster, Shingles)

Gabapentin คือ

กาบาเพนติน (Gabapentin) เป็นยาที่ถูกสั่งโดยแพทย์ มักมาในรูปแบบเม็ดรับประทาน การออกฤทธิ์มีทั้งแบบออกฤทธิ์ทันที ออกฤทธิ์ยาวนาน และแบบยาน้ำรับประทาน กาบาเพนตินแบบเม็ดรับประทานทางปาก มีทั้งแบบยาทางการค้าที่ชื่อ นิวรอนติน (Neurontin) ส่วนยาแบบสามัญก็มีจำหน่ายในราคาที่ถูกกว่ายาทางการค้า ในบางราย ยาทางการค้าและยาสามัญอาจมีรูปแบบยาและความแรงของยาที่แตกต่างกัน

ทำไม่ถึงต้องใช้ยา Gabapentin

กาบาเพนตินแบบเม็ดรับประทานใช้ในการรักษาอาการดังนี้:
  • ชัก : กาบาเพนตินใช้ในการรักษาอาการชักเพียงบางส่วน ใช้รักษาร่วมกับยากันชักอื่นๆทั้งในผู้ใหญ่และเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไปที่มีอาการลมชัก  
  • อาการปวดปลายประสาทหลังเป็นโรคงูสวัด (Postherpetic neuralgia): เป็นการปวดจากการที่เส้นประสาทถูกทำลายที่มีสาเหตุมาจากโรคงูสวัด (Shingles) ในผู้ใหญ่จะมีผื่นที่ทำให้เจ็บปวด โรคงูสวัดเกิดจากการติดเชื้อไวรัส  Varicella zoster ซึ่งเชื้อไวรัสดังกล่าวเกิดในผู้ที่เป็นโรคอีสุกอีใส (Chicken pox)
กาบาเพนตินอาจใช้เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมรักษา นั้นหมายถึงคุณอาจจำเป็นต้องใช้ยานี้ในการรักษาควบคู่กับยาอื่นๆด้วย

Gabapentin กลไกการออกฤทธิ์อย่างไร

กาบาเพนตินจัดอยู่ในกลุ่มยาที่เรียกว่า ยากันชัก (Anticonvulsants) โดยยากลุ่มนี้ออกฤทธิ์ในลักษณะเดียวกัน ใช้ในการรักษาอาการที่คล้ายคลึงกัน การออกฤทธิ์ของกาบาเพนตินยังไม่เป็นที่ชัดเจนนัก กรณีอาการปวดปลายประสาทหลังเป็นโรคงูสวัด ตัวยาจะช่วยป้องกันความไวต่ออาการปวดปลายประสาทที่เกิดขึ้น ส่วนกรณีอาการชักที่เกิด ตัวยาอาจมีผลต่อแคลเซียม โดยระดับแคลเซียมในเลือดที่ต่ำส่งผลให้เกิดการชักได้ และยังอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะและง่วงนอน ให้หลีกเลี่ยงการขับยานพาหนะหรือการใช้งานเครื่องจักรระหว่างที่ใช้ยา เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น

ผลข้างเคียงของกาบาเพนติน

กาบาเพนตินแบบเม็ดรับประทานก่อให้เกิดผลข้างเคียงเล็กน้อยไปจนถึงรุนแรงได้ รายการต่อไปนี้เป็นผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นขณะรับประทานยา ซึ่งในรายการนี้อาจไม่ใช่ผลข้างเคียงที่เป็นไปได้ทั้งหมด สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของผลข้างเคียงของกาบาเพนติน หรือวิธีจัดการกับผลข้างเคียงที่ทำให้หนักใจ สามารถปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรได้

ผลข้างเคียงทั่วไปส่วนใหญ่

บางผลข้างเคียงทั่วไปส่วนใหญ่สามารถเกิดขึ้นได้ในการใช้ยากาบาเพนติน ได้แก่: อัตราการเกิดผลข้างเคียงมักเกิดในผู้ป่วยที่อายุมากกว่า 12 ปี ตามการรายงานในการทดลองทางคลินิกสำหรับนิวรอนติน (Neurontin) ซึ่งยาทางการค้า อัตราการเกิดผลข้างเคียงแตกต่างกันไปตามช่วงอายุ ตัวอย่างเช่น ในผู้ป่วยเด็กที่อายุระหว่าง 3-12 ปี มักเกิดการติดเชื้อไวรัสร้อยละ 11 มีไข้ร้อยละ 10 คลื่นไส้และหรืออาเจียนร้อยละ 8 มีอาการเหนื่อยร้อยละ 8 และรู้สึกต่อต้านร้อยละ 8 โดยผลดังกล่าวไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางคลินิกระหว่างเพศชายและหญิง  หากอาการจากผลข้างเคียงมีเพียงเล็กน้อย อาการอาจหายได้เองภายในไม่กี่วัน หรือประมาณ 2 สัปดาห์ หากอาการรุนแรงหรือไม่หายไป ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร

ผลข้างเคียงที่รุนแรง

หากเกิดผลข้างเคีนงจากยาที่รุนแรง ให้โทรปรึกษาแพทย์ของคุณ หรือหากอาการรุนแรงถึงขั้นคุกคามชีวิตให้รีบโทร 1669 แจ้งหน่วยฉุกเฉินให้มานำส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว อาการข้างเคียงที่รุนแรงได้แก่:
  • อารมณ์เปลี่ยนแปลงหรือวิตกกังวล ได้แก่:
    • มีความคิดอยากฆ่าตัวตายหรือกำลังจะตาย
    • พยายามฆ่าตัวตาย
    • มีความวิตกกังวลเกิดขึ้นใหม่หรืออาการเดิมแย่ลง
    • อารมณ์ฉุนเฉียวเกิดขึ้นใหม่ หรืออาการเดิมแย่ลง
    • รู้สึกร้อนรน
    • ตื่นกลัวอย่างมาก (Panic attacks)
    • นอนหลับยาก
    • รู้สึกโกรธ
    • เกรี้ยวกราด หรือใช้ความรุนแรง
    • มีกิจกรรมหรือพูดมากขึ้น
    • พฤติกรรมหรืออารมณ์ผิดปกติไป
  • พฤติกรรมและความคิดเปลี่ยนไป โดยเฉพาะในเด็กอายุระหว่าง 3-12 ปี อาการได้แก่:
    • อารมณ์เปลี่ยนแปลง
    • ก้าวร้าว
    • มีปัญหาในการมีสมาธิ
    • รู้สึกร้อนรน
    • ประสิทธิภาพทางการเรียนเปลี่ยนไป
    • มีพฤติกรรมไฮเปอร์
  • ผลข้างเคียงที่รุนแรงถึงขั้นคุกคามชีวิต ได้แก่:
    • มีผื่นที่ผิวหนัง
    • ลมพิษ
    • ไข้
    • ต่อมต่างๆเกิดอาการบวม
    • ริมฝีปากและลิ้นบวม
    • ตัวตาเหลือง
    • มีรอบช้ำและเลือดออกผิดปกติ
    • มีอาการเหนื่อยและอ่อนเพลียอย่างรุนแรง
    • ปวดกล้ามเนื้อ
    • มีโอกาสเกิดการติดเชื้อบ่อยๆ

กาบาเพนตินอาจมีปฏิกิริยาต่อกันกับยาอื่นๆ

กาบาเพนติดชนิดเม็ดรับประทานอาจเกิดปฏิกิริยาต่อกันกับยาหลายๆตัว โดยปฏิกิริยาต่อกันของยาจะแตกต่างกันไป ตัวอย่างเช่น ยาบางตัวอาจรบกวนการทำงานของยาอีกตัว ขณะที่ยาบางชนิดอาจเพิ่มผลข้างเคียงของยาได้ รายการยาด้านล่างนี้คือยาที่สามารถเกิดปฏิกิริยาต่อกันกับยากาบาเพนติน  ก่อนที่จะรับประทานกาบาเพนติน ควรแน่ใจแล้วว่าได้แจ้งประวัติการรักษาและยาทั้งหมดที่มีแก่แพทย์หรือเภสัชกรไว้แล้ว 

ยาแก้ปวด

เมื่อใช้ร่วมกับยากาบาเพนตินสามารถเพิ่มผลข้างเคียงของยาได้ เช่น อาการเหนื่อย ตัวอย่างยา ได้แก่: 
  • มอร์ฟีน (Morphine)

ยาลดกรดในกระเพาะอาหาร

เมื่อใช้ร่วมกับกาบาเพนติน ตัวยาจะไปลดระดับยากาบาเพนตินในร่างกายลง ซึ่งทำให้เกิดผลกระทบน้อยลง ฉะนั้นควรรับประทานยากาบาเพนตินภายหลังรับประทานยาลดกรด 2 ชม.เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดขึ้น ยาลดกรดได้แก่:
  • Aluminum hydroxide
  • Magnesium hydroxide

Gabapentin

วิธีรับใช้ยากาบาเพนติน

ขนาดยากาบาเพนติน แพทย์จะเป็คนสั่งการรักษา โดยขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ได้แก่:
  • ชนิดและความรุนแรงของอาการที่จะทำการรักษาด้วยกาบาเพนติน
  • อายุ
  • รูปแบบของยากาบาเพนตินที่เลือกใช้
  • ยาอื่นๆที่คุณใช้อยู่เดิม
โดยปกติแพทย์จะเริ่มยาในขนาดที่ต่ำก่อนจากนั้นจะปรับยาให้เหมาะสมกับคุณ จนได้ขนาดยาที่น้อยที่สุดที่สามารถรักษาอาการได้ ข้อมูลต่อไปนี้อธิบายถึงขนาดยาที่นิยมใช้หรือแนะนำ อย่างไรก็ตามอย่าลืมรับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง เพราะแพทย์ได้กำหนดขนาดยาที่เหมาะสมกับคุณแล้ว

รูปแบบ และขนาดยา

ชื่อสามัญ: กาบาเพนติน (Gabapentin) ชื่อทางการค้า: นิวรอนติน (Neurontin)
  • รูปแบบ: แคปซูล รับประทานทางปาก
  • ขนาดยา: 100 มก, 300 มก, 400 มก.

ขนาดยาสำหรับอาการปวดปลายประสาทหลังเป็นโรคงูสวัด

ขนาดยาในผู้ใหญ่ (อายุ 18–64 ปี)
  • ขนาดยาเริ่มต้นโดยทั่วไป: วันที่ 1, 300 มก; วันที่ 2, 600 มก (300 มก 2 ครั้งต่อวัน, โดยเว้นช่วงในการรับประทานยาให้เท่ากัน); วันที่ 3, 900 มก (300 มก, 3 ครั้งต่อวัน โดยเว้นช่วงในการรับประทานยาให้เท่ากัน) จากนั้นแพทย์จะทำการเพิ่มขนาดยาภายหลังวันที่ 3
  • ขนาดยาสูงสุด: 1,800 มก.ต่อวัน (600 มก, 3 ครั้งต่อวัน โดยเว้นช่วงในการรับประทานยาให้เท่ากัน)
หน้าที่ของไตอาจลดลงเมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะกำจัดยาได้ช้าลง แพทย์อาจเริ่มให้ยาในขนาดต่ำที่สามารถออกฤทธิ์ภายในร่างกายได้ เพราะปริมาณยาที่มากเกินไปอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ แพทย์อาจปรับขนาดยาตามหน้าที่การทำงานของไต

ขนาดยาสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการชักบางส่วน

ผู้ใหญ่ (อายุ 18–64 ปี) ขนาดยาเริ่มต้นโดยทั่วไป: 900 มก.ต่อวัน (300 มก, 3 ครั้งต่อวัน, โดยเว้นช่วงในการรับประทานยาให้เท่ากัน) แพทย์อาจเพิ่มขนาดยาไปจนถึง 2,400–3,600 มก.ต่อวัน ในเด็ก (อายุ 12–17 ปี) ขนาดยาเริ่มต้นโดยทั่วไป: 300 มก, 3 ครั้งต่อวัน, โดยเว้นช่วงในการรับประทานยาให้เท่ากัน  อาจเพิ่มขนาดยาไปจนถึง 2,400–3,600 มก.ต่อวัน ในเด็กเล็ก (อายุ 3–11 ปี) ขนาดยาเริ่มต้นโดยทั่วไป: 10–15 มก./กก./วัน, แบ่งออกเป็น 3 เวลา, โดยเว้นช่วงในการรับประทานยาให้เท่ากัน กุมารแพทย์อาจเพิ่มขนาดยาเมื่อจำเป็นต่อเด็ก  ขนาดยาสูงสุด: 50 มก./กก./วัน ในเด็กเล็ก (อายุ 0–2 ปี) ในผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 3 ปียังไม่มีการกำหนดขึ้น ในผู้สูงอายุ (อายุ 65 ปีขึ้นไป) เช่นเดียวกัน ในผู้สูงอายุหน้าที่การทำงานของไตเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะส่งผลต่อการกำจัดยาของร่างกาย แพทย์จะเริ่มยาในขนาดต่ำเท่าที่สามารถออกฤทธิ์ต่อร่างกายและไม่เกิดอันตราย ฉะนั้นการปรับเปลี่ยนขนาดยาจึงขึ้นอยู่กับหน้าที่การทำงานของไตเป็นหลัก

สิ่งที่ควรพิจารณาเป็นพิเศษ

ปัญหาเกี่ยวกับไต : หากคุณอายุมากกว่า 12 ปีและมีปัญหาทางไตหรือต้องฟอกเลือด ขนาดยากาบาเพนตินจำเป็นต้องเปลี่ยน เพราะอย่างที่เคยกล่าวไว้ข้างต้นว่าหน้าที่การทำงานของไตจะเป็นตัวกำหนดขนาดยา

ข้อควรระวังของยากาบาเพนติน

กาบาเพนตินแบบเม็ดรับประทานมีข้อควรระวังอยู่หลายประการ ไปพบแพทย์หากมีอาการชักมากขึ้นหรือมีอาการชักที่มีลักษณะต่างออกไปจากเดิมระหว่างที่ใช้ยา

ข้อควรระวังจากอาการง่วงนอน

กาบาเพนตินทำให้การคิดและความสามารถในการเคลื่อนไหวช้าลง เกิดจากอาการง่วงนอนและเวียนศีรษะ ซึ่งไม่สามารถบอกได้ว่าอาการดังกล่าวจะหายไปเมื่อไร ฉะนั้นเมื่อคุณรับประทานกาบาเพนตินควรหลีกเลี่ยงการใช้ยานพาหนะและเครื่องจักร

ข้อควรระวังจากอาการซึมเศร้า

เมื่อใช้ยากาบาเพนติน ยาจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดความคิดและพฤติกรรมที่คิดฆ่าตัวตาย การปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับอาการหรือความรู้สึกที่เกิดขึ้น รวมถึงสังเกตอารมณ์และพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปเป็นสิ่งที่สำคัญ 

ปฏิกิริยาไวต่อสิ่งเร้าในหลายอวัยวะ/สัญญาณเตือนDRESS 

กาบาเพนตินเป็นสาเหตุให้เกิดปฏิกิริยาไวต่อสิ่งเร้าในหลายอวัยวะ ซึ่งปฏิกิริยาดังกล่าวเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นปฏิกิริยาตอบสนองของเซลล์เม็ดเลือดขาว Eosinophils เรียกว่า Eosinophilia และอาการทางระบบ (Drug reaction with eosinophilia and systemic symptoms :DRESS) ซึ่งเป็นอาการที่อันตรายถึงแก่ชีวิต คุณควรรีบแจ้งแพทย์หากมีอาการ เช่น ผื่น มีไข้ หรือต่อมน้ำเหลืองบวม

ข้อควรระวังจากอาการแพ้

กาบาเพนตินอาจก่อให้เกิดอาการแพ้ที่รุนแรง ได้แก่:
  • หายใจลำบาก
  • ภายในลำคอและลิ้นบวม
  • ลมพิษ
  • ผื่น
ให้หยุดใช้ยาทันทีหากมีอาการดังกล่าว หากรับประทานอีกอาจถึงแก่ชีวิตได้

ข้อควรระวังเกี่ยวกับปฏิกิริยาที่มีต่อแอลกอฮอร์

หลีกเลี่ยงการอื่มแอลกอฮอร์ระหว่างที่ใช้ยากาบาเพนติน เนื่องจากตัวยาทำให้ง่วงนอน และการดื่มแอลกอฮอร์ก็ยิ่งทำให้ง่วงนอนไปกันใหญ่ แอลกอฮอร์อาจทำให้คุณเวียนศีรษะและขาดสติ

ข้อควรระวังในผู้ที่มีภาวะสุขภาพ

ในผู้ที่เป็นโรคลมบ้าหมู: ห้ามหยุดใช้ยากาบาเพนตินในทันที เพราะมันอาจไปเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการชักขึ้นมาได้ นี่อาจเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ระหว่างที่มีอาการชักสั้นหรือยาวกว่า 30 นาทีขึ้นไป กาบาเพนตินอาจก่อให้เกิดปัญหาในเด็กอายุ 3-12 ปี ผู้ที่เป็นโรคลมบ้าหมู ตัวยาอาจไปเพิ่มปัจจัยเสี่ยงในการเกิดปัญหา เช่น ปัญหาทางพฤติกรรม อาทิ พฤติกรรมกระสับกระส่าย, การต่อต้าน เป็นต้น ในผู้ที่มีปัญหาทางไต: กระบวนการของยาที่กระทำต่อร่างกายจะดำเนินไปอย่างเชื่องช้ากว่าคนทั่วไป นี่อาจเป็นเหตุให้ระดับยาจะสูงขึ้นจนเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้ยา

ข้อควรระวังในคนอื่นๆ

ในหญิงตั้งครรภ์: การใช้ยากาบาเพนตินยังไม่มีการศึกษาในหญิงตั้งครรภ์ มีการวิจัยในสัตว์ทดลองผลออกมาเป็นลบต่อตัวอ่อนที่กำลังฝักตัวในแม่ที่ใช้ยาดังกล่าว อย่างไรก็ตามการทดลองในสัตว์ทดลองก็ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าจะเป็นผลเช่นเดียวกันกับในมนุษย์ ปรึกษาแพทย์หากคุณกำลังตั้งครรภ์หรือคิดวางแผนที่จะตั้งครรภ์ ยาดังกล่าวอาจถูกนำมาใช้หากแพทย์ประเมินแล้วว่าจะเกิดผลดีมากกว่าผลเสียที่จะเกิดกับทารกในครรภ์  หากแพทย์สั่งยากาบาเพนตินให้คุณขณะที่คุณตั้งครรภ์ ให้สอบถามการลงทะเบียน the NAAED Pregnancy Registry ซึ่งเป็นการติดตามผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากการใช้ยากันชักในหญิงตั้งครรภ์ ในหญิงที่ให้นมลูก: กาบาเพนตินอาจส่งผ่านน้ำนมไปสู่ลูกได้ ซึ่งเป็นเรื่องอันตรายที่อาจเกิดผลข้างเคียงภายหลังได้นมบุตรได้ ปรึกษาแพทย์หากต้องให้นมบุตรและไม่สามารถหยุดยาได้ ในผู้สูงอายุ: หน้าที่ของไตจะลดลงตามอายุที่มากขึ้น ตัวยาจะเกิดกระบวนการภายในร่างกายอย่างช้าๆเมื่อเทียบกับผู้ที่อายุน้อยกว่า แพทย์จึงให้เริ่มยาในขนาดต่ำพอที่จะออกฤทธิ์ในร่างกายได้ เพราะการให้ยาที่มากเกินไปอาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย ในเด็ก: ยังไม่มีการศึกษาเกี่ยวกับยากาบาเพนตินในเด็กสำหรับการจัดการกับอาการปวกปลายประสาทหลังเป็นโรคงูสวัด ตัวยายังไม่ถูกใช้ในผู้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี แม้แต่การใช้ในการรักษาอาการชักบางส่วนในเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปีก็ไม่ควรใช้

การป้องกันการฆ่าตัวตาย

หากคุณเห็นใครที่มีความเสี่ยงที่จะฆ่าตัวเองหรือผู้อื่น ให้ปฏิบัติดังนี้:
  • โทร 1669 หรือหน่วยฉุกเฉินที่ใกล้เคียง
  • พยายามอยู่เป็นเพื่อนกับผู้ป่วยเพื่อช่วยชีวิตเขาให้ปลอดภัย
  • ย้ายพวกอาวุธ มีด ปืน  ยา หรือสิ่งที่จะเป็นอันตราย
  • ฟังโดยไม่ตัดสิน กล่าวโทษ คุกคาม หรือตะโกนใส่
  • หากคุณหรือคนที่คนรู้จักคิดฆ่าตัวตาย ให้ช่วยจะสถานการณ์เสี่ยงหรือโทรสายด่วนป้องกันการฆ่าตัวตาย/ กรมสุขภาพจิต 1323 

ใครที่ควรหลีกเลี่ยงกาบาเพนติน

มีบุคคลบางคนที่ควรหลีกเลี่ยงหรือใช้กาบาเพนตินด้วยความระมัดระวัง จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพก่อนเริ่มหรือเลิกใช้ยาใดๆ ต่อไปนี้เป็นกลุ่มคนบางกลุ่มที่อาจต้องระมัดระวังการใช้ยากาบาเพนติน:
  • ปฏิกิริยาการแพ้:
      • บุคคลที่ทราบว่ามีอาการแพ้หรือแพ้ยากาบาเพนตินหรือส่วนประกอบใดๆ ควรหลีกเลี่ยงการใช้
  • ไตผิดปกติ:
      • ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับไตหรือไตวายอาจจำเป็นต้องปรับขนาดยา เนื่องจากกาบาเพนตินจะถูกกำจัดออกทางไตเป็นหลัก  
  • ผู้สูงอายุ:
      • ผู้สูงอายุอาจมีความไวต่อผลข้างเคียงของกาบาเพนตินมากกว่า แพทย์อาจปรับปริมาณยาให้เหมาะสมและติดตามอาการไม่พึงประสงค์
  • สตรีมีครรภ์และให้นมบุตร:
      • สตรีมีครรภ์ควรใช้กาบาเพนตินเฉพาะในกรณีที่ผลประโยชน์ที่ได้รับมีมากกว่าความเสี่ยง อาจกำหนดไว้ระหว่างตั้งครรภ์สำหรับเงื่อนไขเฉพาะ แต่จำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
      • สตรีที่ให้นมบุตรควรปรึกษาแพทย์ เนื่องจากกาบาเพนตินสามารถขับออกมาทางน้ำนมแม่ได้
  • ความผิดปกติของระบบทางเดินหายใจ:
      • บุคคลที่มีความผิดปกติของระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะผู้ที่มีแนวโน้มเป็นโรคซึมเศร้าทางเดินหายใจ ควรใช้กาบาเพนตินด้วยความระมัดระวัง  
  • ภาวะสุขภาพจิต:
      • ผู้ที่มีประวัติภาวะซึมเศร้า คิดฆ่าตัวตาย หรือสภาวะสุขภาพจิตอื่นๆ อาจจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดในขณะที่รับประทานกาบาเพนติน เนื่องจากมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของความคิดฆ่าตัวตาย
  • ประวัติการใช้สารเสพติด:
      • บุคคลที่มีประวัติการใช้สารเสพติดหรือติดยาเสพติดควรใช้กาบาเพนตินด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากอาจมีโอกาสเกิดการติดยาได้ในบางกรณี
  • ยาอื่นๆ:
      • กาบาเพนตินอาจมีปฏิกิริยากับยาบางชนิด จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแจ้งให้แพทย์ของคุณเกี่ยวกับยาทั้งหมดที่คุณใช้ รวมผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร สมุนไพร เพื่อหลีกเลี่ยงปฏิกิริยาระหว่างยาที่อาจเกิดขึ้น
  • โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง:
    • กาบาเพนตินอาจทำให้อาการรุนแรงขึ้นในบุคคลที่มีภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรง (myasthenia Gravis) ซึ่งเป็นโรคทางประสาทและกล้ามเนื้อที่มีลักษณะเฉพาะคือกล้ามเนื้ออ่อนแรง
ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เกี่ยวกับการใช้กาบาเพนตินหรือยาอื่น ๆ เสมอและพิจารณาปฏิกิริยาที่อาจเกิดขึ้นกับยาอื่นๆ และกำหนดแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับความต้องการเฉพาะของคุณ

ใช้ยาตามที่แพทย์สั่ง

กาบาเพนตินชนิดเม็ดรับประทานใช้รักษาได้ทั้งแบบออกฤทธิ์ระยะสั้นหรือระยะยาว ระยะเวลาในการรักษาขึ้นอยู่กับสภาวะของโรคที่กำลังเป็นว่ารุนแรงมากน้อยแค่ไหน หากคุณหยุดยาเองทันที หรือไม่ค่อยรับประทานยา:
  • สำหรับอาการชัก: อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคลมชัก ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ ซึ่งหากเกิดภาวะดังกล่าว อาการชักทั้งแบักระยะสั้นๆหรือระยะยาวจะเกิดเป็นเวลา 30 นาทีหรือนานกว่านั้น หากแพทย์ต้องการลดขนาดยาของคุณหรือต้องการให้คุณหยุดยา แพทย์จะค่อยๆปรับลดขนาดยาลง คุณก็จะได้ยาลดลงจนหยุดยาให้ที่สุดภายในหนึ่งสัปดาห์
  • สำหรับอาการปวดปลายประสาทหลังเป็นโรคงูสวัด: อาการของคุณจะไม่ดีขึ้น
หากคุณลืมกินยาหรือไม่กินยาตามเวลา: ยาของคุณจะไม่มีประสิทธิภาพอย่างที่ควรจะเป็น ในขณะเดียวกันยาจะออกฤทธิ์ได้ดีเมื่อคงระดับในร่างกายอย่างเหมาะสมตลอดเวลา หากใช้ยาเกินขนาด: ระดับของยาในร่างกายจะอยู่ในระดับที่อันตราย อาการของการใช้ยาเกินขนาดมีดังนี้:
  • เห็นภาพซ้อน
  • พูดไม่ชัด
  • เหนื่อย เมื่อยล้า
  • ท้องเสีย
หากคุณกินยาเกินขนาด ให้ปรึกษาแพทย์หรือศูนย์พิษวิทยา หรือหากมีอาการรุนแรง ให้โทร 1669 เรียกหน่วยฉุกเฉินที่ใกล้ที่สุดเข้าช่วยเหลือ หากคุณลืมกินยา: หากเกิดการลืมรับประทานยา ให้รีบทานเมื่อนึกขึ้นได้ หากลืมกินยาไปไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่จะเป็นยามื้อถัดไปให้ทานยาแค่หนึ่งมื้อเท่านั้น ไม่ควรรับประทานยาเพิ่มเป็น 2 เม็ดแทนเม็ดที่ลืมทานไป อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่อันตรายได้ จะทราบได้อย่างไรว่ายาออกฤทธิ์มีประสิทธิภาพ: คุณมีอาการชักเพียง 2-3 ครั้ง หรือปวดเส้นประสาทน้อยลงมาก

สิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาในการใช้ยากาบาเพนติน

โปรดคำนึงถึงข้อควรพิจารณาเหล่านี้ หากแพทย์สั่งให้คุณรับประทานยากาบาเพนติน

ข้อมูลทั่วไป

กาบาเพนตินแบบเม็ดรับประทานสามารถรับประทานพร้อม/ไม่พร้อมอาหารก็ได้ โดยการรับประทานยาพร้อมอาหารจะช่วยให้ลดอาการท้องเสียได้

การเก็บรักษา

  • เก็บยากาบาเพนตินในอุณหภูมิห้องที่ 20-25°C (68-77°F)
  • อย่าเก็บยาในที่ชื่น เช่น ห้องน้ำ

การเติมยา

ใบสั่งยาที่แพทย์ได้ให้ไว้สามารถหาซื้อยามาเพิ่มได้หากยาหมด โดยแพทย์จะเขียนจำนวนยาไว้ในใบสั่งยาให้เรียบร้อย

การท่องเที่ยว

เมื่อต้องพกยาในการเดินทางท่องเที่ยว:
  • ควรพบยาไว้กับตัวเสมอ เช่น เอาใส่ไว้ในกระเป๋าถือติดตัว
  • ไม่ต้องกังวลเมื่อต้องผ่านเครื่อง X-ray ของทางสนามบิน เพราะเครื่องไม่สามารถทำอะไรยาของคุณได้
  • คุณอาจจะต้องแสดงรายการยาที่พกมาแก่เจ้าหน้าที่สนามบินในการตรวจสอบ ฉะนั้นเพื่อความมั่นใจควรเตรียมเอกสารกำกับยาไปด้วย เพื่อให้ง่ายแก่การตรวจสอบ
  • อย่าทิ้งยาเอาไว้ในรถ หรือที่เก็บของเหนือศีรษะภายในรถ เพราะอุณหภูมิภายในรถค่อนข้างร้อน หรือเย็นเกินไป

การติดตามทางคลินิก

แพทย์จะทำการตรวจหน้าที่การทำงานของไตคุณอย่างสม่ำเสมอ

ทางเลือกอื่นในการรักษา

ยาอื่นๆที่สามารถรักษาอาการของคุณได้นั้นบางอย่างอาจเหมาะสมกับคุณมากกว่าเมื่อเทียบกับคนอื่น ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับยาตัวอื่นๆที่อาจจะเหมาะสมกับคุณ

นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา

  • https://www.webmd.com/drugs/2/drug-14208-8217/gabapentin-oral/gabapentin-oral/details
  • https://medlineplus.gov/druginfo/meds/a694007.html
  • https://www.nhs.uk/medicines/gabapentin/
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด