ถ้าแลบลิ้นออกมา ลิ้นปกติควรมีสีชมพูอ่อน มีปุ่มเล็ก ๆ และไม่มีสีเข้มหรือจุดอยู่บนลิ้น ไม่เจ็บ หรือแสบ แต่ถ้าลิ้นของคุณมีร่องลึกพาดกลางลิ้น นั่นคือ ลิ้นแตกเป็นร่อง อาจเป็นร่องเล็กๆ ทำให้ดูเหมือนลิ้นย่น อาจมีหนึ่งหรือสองรอยแตก อาจใหญ่เล็ก ตื้นหรือลึกก็ได้ แต่บางครั้งอาจเกิดร่วมกับโรคหรือภาวะต่างๆเช่น ขาดสารอาหารหรือกลุ่มโรคดาวน์ซินโดรม

อาการลิ้นแตกเป็นร่อง

เมื่อแลบลิ้นออกมาเพียงครึ่งหนึ่งก็จะเห็นร่องบนลิ้น บางครั้งอาจมีหลายร่อง มองเห็นเหมือนลิ้นแตกระแหง แพทย์หรือทันตแพทย์จะสังเกตได่โดยง่าย ส่วนใหญ่มักมีร่องที่กลางลิ้น บางครั้งเรียกลิ้นลักษณะนี้ว่า “ลิ้นลายแผนที่ ลิ้นปกติจะมีตุ่มเล็กๆสีชมพู เรียกว่า ปาปิลล่า ในคนที่มีลิ้นเป็นร่องจะไม่มีปาปิลล่าในบางบริเวณ อาการลิ้นแตกนี้ไม่มีอันตราย ไม่ติดต่อ มักเป็นตั้งแต่เด็ก และไม่ทราบสาเหตุ มักไม่มีอาการใดๆ Fissured Tongue

สาเหตุของลิ้นแตก

ยังไม่ทราบสาเหตุ แต่คาดว่าอาจเป็นจากพันธุกรรม แต่ลิ้นเป็นร่องถือว่าเป็นลิ้นปกติ มักพบตั้งแต่เด็ก แต่เห็นชัดเจนเมื่ออายุมากขึ้น พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง และในผู้สูงอายุที่ปากแห้ง และอาจพบในผู้ที่มี Down syndrome(คือความผิดปกติของโครโมโซมคู่ที่ 21 เป็นความผิดปกติแต่กำเนิด ทำให้มีความบกพร่องของสติปัญญาและร่างกาย) และ Melkersson-Rosenthal syndrome(เป็นอาดการทางระบบประสาทที่มีอาการลิ้นแตก หน้าและริมฝีปากบวมและเส้นประสาทที่หน้าเป็นอัมพาต) และลิ้นแตกอาจเกิดร่วมกับภาวะต่อไปนี้ แต่พบน้อยมาก
  • ขาดอาหารและวิตามิน
  • โรคสะเก็ดเงิน
  • Orofacial granulomatosis โรคหายากที่ทำให้ลิ้น ปาก และรอบๆปากบวม

การรักษาอาการลิ้นแตก

โดยทั่วไปไม่ต้องรักษา แต่อย่างไรก็ดี ควรดูแลช่องปากและฟันให้ดี เช่นแปรงลิ้นด้วยเมื่อแปรงฟัน เพราะเชื้อโรคและคราบต่างๆจะสะสมอยู่ในร่องลิ้น ทำให้มีกลิ่นปาก และฟันผุ ควรแปรงฟันวันละสองครั้ง ใช้ไหมขัดฟันและพบทันตแพทย์ทุกสามเดือน

เมื่อลิ้นแตกควรรับประทานอาหารอย่างไร

ลิ้นแตก โดยทั่วไปถือเป็นอาการที่ไม่เป็นอันตรายและพบได้ทั่วไป แม้ว่าจะไม่มีการกำหนดอาหารเฉพาะสำหรับบุคคลที่มีลิ้นแตก แต่การรักษาสุขอนามัยในช่องปากที่ดีและรับประทานอาหารที่สมดุลซึ่งสนับสนุนสุขภาพโดยรวมเป็นสิ่งสำคัญ เคล็ดลับการบริโภคอาหารที่อาจเป็นประโยชน์มีดังนี้:
  • ดื่มน้ำเยอะ ๆ :
      • การดื่มน้ำที่เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสุขภาพช่องปากโดยรวม ดื่มน้ำปริมาณมากตลอดทั้งวันเพื่อช่วยให้ปากชุ่มชื้นและสนับสนุนการผลิตน้ำลาย
  • รับประทานอาหารที่สมดุล:
      • กินอาหารที่มีสารอาหารเข้มข้นหลากหลายชนิดเพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้รับวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็น รวมผลไม้ ผัก เมล็ดธัญพืช โปรตีนไร้มัน และไขมันที่ดีต่อสุขภาพไว้ในอาหารของคุณ
  • อาหารที่อุดมด้วยวิตามินบี:
      • วิตามินบี รวมทั้งบี 2 (ไรโบฟลาวิน) มีความสำคัญต่อสุขภาพช่องปาก อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบีอาจรวมถึง:
        • เนื้อไม่ติดมัน (ไก่, ไก่งวง)
        • ปลา (ปลาแซลมอน, ปลาเทราท์)
        • ผลิตภัณฑ์นม (นม โยเกิร์ต)
        • ไข่
        • ผักใบเขียว
  • หลีกเลี่ยงสารระคายเคือง:
      • บุคคลบางคนที่มีลิ้นเป็นรอยอาจพบว่าอาหารหรือสารบางชนิดทำให้ลิ้นระคายเคือง ใส่ใจกับการรับประทานอาหารของคุณและสังเกตว่ามีปัจจัยกระตุ้นที่เฉพาะเจาะจงหรือไม่
  • จำกัดอาหารที่มีน้ำตาล:
      • ปริมาณน้ำตาลที่มากเกินไปอาจทำให้เกิดปัญหาทางทันตกรรมได้ จำกัดการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลเพื่อสุขภาพช่องปาก
  • รักษาสุขอนามัยช่องปากที่ดี:
      • แปรงฟันและลิ้นเป็นประจำเพื่อขจัดแบคทีเรียและเศษขยะ ใช้แปรงสีฟันขนนุ่มเพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคือง
  • อาหารที่มีโปรไบโอติก:
      • อาหารที่อุดมด้วยโปรไบโอติก เช่น โยเกิร์ตที่มีเชื้อจุลินทรีย์มีชีวิต อาจช่วยรักษาสมดุลของแบคทีเรียในปากให้แข็งแรง
  • หลีกเลี่ยงยาสูบ:
      • หากคุณใช้ผลิตภัณฑ์ยาสูบ ให้พิจารณาเลิกสูบบุหรี่ เนื่องจากอาจส่งผลต่อปัญหาสุขภาพช่องปากได้
  • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพ:
    • หากคุณมีความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพลิ้นของคุณ หรือหากคุณรู้สึกไม่สบาย ขอแนะนำให้ปรึกษาทันตแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเพื่อรับการตรวจและคำแนะนำอย่างละเอียด
สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือลิ้นที่มีรอยแยกมักเป็นโรคที่ไม่ร้ายแรง และไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนอาหารเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม การรักษาหลักปฏิบัติด้านสุขอนามัยช่องปากที่ดีและรับประทานอาหารที่สมดุลสามารถส่งผลต่อสุขภาพช่องปากและความเป็นอยู่โดยรวมได้ หากคุณมีข้อกังวลหรืออาการเฉพาะเจาะจง แนะนำให้ขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา

  • https://www.webmd.com/oral-health/guide/fissured-tongue
  • https://www.medicalnewstoday.com/articles/327089
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด