การดีท็อกล้างลำไส้คืออะไร
การดีท็อกล้างลำไส้ หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่าการดีท็อก เป็นการทำความสะอาดร่างกายด้วยวิธีของแพทย์ทางเลือก มีจุดมุ่งหมายเพื่อกำจัดสารพิษที่ร่างกายสะสมเอาไว้ ซึ่งจะมีผลเสียและส่งผลกระทบในระยะยาวต่อสุขภาพของแต่ละคน กิจกรรมที่มักเกี่ยวข้องกับการล้างพิษ ได้แก่ การอดอาหาร การงดหรือหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารบางอย่าง (เช่น ไขมัน คาร์โบไฮเดรต ผักและผลไม้บางชนิด น้ำผลไม้ที่ผสมน้ำตาล) การกดจุด การอบตัวด้วยความร้อน
แต่ในระยะหลังๆ มีความเชื่อว่าการสวนล้างลำไส้ (ใหญ่) ด้วยสารต่างๆ จะช่วยขจัดสารพิษต่างๆออกจากร่างกายได้ ซึ่งไม่เป็นประโยชน์และอันตราย หากทำโดยผู้ที่ไม่มีความรู้และประสบการณ์
วิธีการดีท็อก
-
สมุนไพรดีท็อกลำไส้และอาหารล้างลำไส้
มีการใช้สมุนไพรไทยมากมายเพื่อดีท็อกลำไส้(ส่วนใหญ่จะเน้นฤทธิ์ระบายท้อง)เช่น ผลส้มแขก รากจำปา ผลสมออ่อน เนื้อในฝักแก่ของคูน รากผักกาดขาว ใบหรือฝักมะขามแขก เม็ดแมงลัก ใบมะรุม ใบขี้เหล็ก ดอกและใบชุมเห็ดเทศ
หรือ ใช้ยาระบาย ยาถ่าย มะนาวผสมน้ำอุ่น มะนาวผสมโซดา และอีกสารพัดสูตร
นำ้ยาที่ใช้ คือ น้ำเกลือ น้ำสมุนไพร หรือน้ำกาแฟ 200 ml (การเลือกใช้น้ำยาขึ้นกับวัตถุประสงค์) ผสมน้ำอุ่นปริมาณ 25 ลิตร สอดหัวสวนเข้าไปในทวารหนักลึก 2 นิ้ว ปล่อยสารละลายช้าๆ
ผู้ป่วยจะเบ่งเอาของเสียและน้ำออกจากลำไส้ด้วยการเบ่งเหมือนกับการถ่ายอุจจาระตามปกติ ซึ่งปริมาณของน้ำที่ไหลเข้าในลำไส้แต่ละครั้งไม่ถึง 1 ลิตร ก็จะถูกขับออกมาพร้อมกับของเสียผ่านทางทวารหนักและผ่านออกข้าง ๆ หลอดสวนโดยไม่ต้องถอดหลอดสวนออก ทำหมุนเวียนเช่นนี้จนน้ำหมด 25 ลิตร ใช้เวลาโดยประมาณ 50-60 นาที ทั้งนี้ผู้ทำควรมีความรู้และความชำนาญ เพื่อความปลอดภัย
-
การนวดกดจุด (ตามแพทย์บางตำรา)
-
การอบตัวด้วยความร้อน
อันตรายจากการดีท็อกลำไส้
- การใช้อุปกรณ์และวิธีการสวนทวารอย่างไม่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดบาดแผลที่รูทวาร หรือเกิดการติดเชื้อได้
- การสวนทวารเองโดยไม่มีความจำเป็นบ่อยๆ อาจทำให้ระบบขับถ่ายในร่างกายไม่สามารถทำงานได้เองอย่างมีประสิทธิภาพ ต้องพึ่งการสวนทวารเพื่อการขับถ่ายแต่เพียงอย่างเดียว ทำให้ร่างกายไม่สามารถขับถ่ายได้เองอีกต่อไป
- การดีท็อกบ่อยๆ ร่างกายอาจสูญเสียน้ำมากเกินไป จนอาจเสี่ยงต่ออาการช็อค และเสียชีวิตในเวลาต่อมาได้
- การดีท็อกลำไส้บ่อยๆเกินความจำเป็น เป็นการลดปริมาณแบคทีเรียที่มีประโยชน์ในลำไส้ ทำให้การย่อยอาหาร และระบบภูมิคุ้มกันเชื้อโรคในลำไส้เสียไป
นอกจากการสวนทวารเพื่อดีท๊อกซ์ลำไส้จะไม่ได้ช่วยในเรื่องของการขับล้างสารพิษ ตัวการก่อโรคต่างๆ ออกจากร่างกายแล้ว คนที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น โรคที่เกี่ยวกับลำไส้ ความดันโลหิตสูง เด็ก สตรีมีครรภ์ ผู้ป่วยช่องท้องอักเสบ
และผู้ที่มีร่างกายอ่อนเพลียอยู่แล้ว ไม่ควรดีท็อกลำไส้ด้วยวิธีสวนทวารเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ การดีท็อกลำไส้ที่ปลอดภัย มาจากการกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ผัก ผลไม้ ธัญพืช ที่มีกากใยอาหารตามธรรมชาติ ดื่มน้ำมากๆ กินโยเกิร์ต หรือนมเปรี้ยว เพื่อช่วยเพิ่มแบคทีเรียที่ช่วยในเรื่องของระบบขับถ่าย
งานวิจัยพูดถึง “การดีท็อกซ์” และ ไว้ว่าอย่างไรบ้าง?
มีการศึกษาเกี่ยวกับ “การดีท็อกซ์ลําไส้” ในคนจำนวนไม่มากนัก แม้ว่าบางการศึกษาจะมีผลในเชิงบวกต่อการลดน้ำหนักและไขมัน ความต้านทานต่ออินซูลิน และความดันโลหิต แต่ด้วยการศึกษาในครั้งนั้นคุณภาพต่ำ เพราะศึกษาในผู้คนจำนวนไม่มาก โดยมีปัญหาในการออกแบบการศึกษา มีผู้เข้าร่วมน้อย หรือขาดการทบทวนจากผู้ทรงคุณวุฒิ (ประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพ) .
การทบทวนงานวิจัยในปี 2015 สรุปว่าไม่มีงานวิจัยที่น่าสนใจที่จะสนับสนุนการใช้อาหาร “ดีท็อกซ์” เพื่อควบคุมน้ำหนักหรือกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย การทบทวนในปี 2017 ระบุว่าการรับประทานอาหารแบบ “ดีท็อกซ์” อาจทำให้น้ำหนักลดลงในช่วงแรกได้เนื่องจากได้รับแคลอรี่ต่ำ แต่มีแนวโน้มที่จะทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นเมื่อบุคคลกลับมารับประทานอาหารตามปกติ และในปัจจุบัน ยังไม่มีการศึกษาถึงผลกระทบระยะยาวของ “การรับประทานอาหารดีท็อกลำไส้”
รู้ไว้ว่าคุณอาจต้องใช้ความพยายามค่อนข้างสูงในการดีท็อกลำไส้
คุณจะหิวและอาจรู้สึกอ่อนเพลีย การรับประทานอาหารดีท็อกซ์จะปลอดภัยหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับแผนและระยะเวลาที่คุณรับประทานอาหารนั้น คนส่วนใหญ่ไม่รู้สึกดีกับการรับประทานอาหารดีท็อกลำไส้ เพราะอาหารเหล่านั้นมักมีแคลอรี่ต่ำ และขาดสารอาหาร ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่ ร่างกายมีพลังงานต่ำ น้ำตาลในเลือดต่ำ ปวดกล้ามเนื้อ เหนื่อยล้า รู้สึกเวียนศีรษะหรือมึนศีรษะ และคลื่นไส้
หากแนวคิดเรื่องการดีท็อกซ์ดึงดูดใจคุณ คุณอาจลองรับประทานอาหารที่ “ปรุงแต่งน้อย” โดยเน้นที่ผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี และโปรตีนไร้ไขมัน หรือก็คืออาหารที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการการแปรรูปมากนัก นั่นเป็นสิ่งที่ดีสำหรับคุณและมีแนวโน้มที่จะให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณออกกำลังกายจนเป็นนิสัย
ข้อควรระวัง: คุณจะต้องงดอาหารที่คุณมักจะกินเป็นจำนวนมาก โดยทั่วไปแล้วอาหารดีท็อกซ์จะเข้มในการรับประทานมาก และมักจะเกี่ยวข้องกับการรับประทานอาหารบางอย่างที่เหมือนกันซ้ำไปซ้ำมา
วิธีดีท็อกลำไส้ด้วยมะนาว
ให้ดื่มน้ำมะนาวผสมน้ำอุ่น (มะนาว1 ½ ลูก ผสมน้ำอุ่น 2 แก้วกาแฟ) ดื่มก่อนนอน
10 อาหาร “ดีท็อก” ร่างกายแข็งแรง
- ผลไม้
ผลไม้เป็นอาหารที่มีปริมาณน้ำมาก มีใยอาหาร ย่อยง่าย มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง และมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากมายอีกด้วย ควรเลือกกินผลไม้ที่มีปริมาณน้ำมาก และรสไม่หวานจัดจนเกินไป เช่น แตงโม ชมพู่ หรือสับปะรด
- ผักใบเขียว
ผักใบเขียวทั้งหลาย ช่วยล้างสารพิษจากตับได้ และมีกากช่วยในการขับถ่าย
- มะนาวเหลือง มะนาวเขียว และส้ม
ผักผลไม้รสเปรี้ยวช่วยเพิ่มความสดชื่น ช่วยในเรื่องของการขับถ่าย และเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ดีท็อกร่างกายได้ง่ายๆ แค่ดื่มน้ำอุ่นผสมมะนาว หรือส้ม นอกจากนี้ยังป้องกันหวัดจากวิตามินซีในซีตรัสเหล่านี้อีกด้วย
- กระเทียม
กระเทียมช่วยกระตุ้นตับให้ผลิตเอนไซม์ที่จะมาช่วยดีท็อกร่างกายได้ โดยช่วยกันสารพิษต่างๆ ออกจากระบบย่อยอาหาร จะทานสด หรือใส่ลงไปในอาหารก็ได้
- ต้นอ่อนบร็อคโคลี่
ต้นอ่อนบร็อคโคลี่เต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ กระตุ้นการสร้างเอนไซม์ที่จะช่วยกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย ช่วยดีท็อกร่างกายได้ดีกว่าบร็อคโคลี่ที่โตเต็มที่
- ชาเขียว
ชาเชียวช่วยดีท็อกร่างกายได้ และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อ “แคทีซิน” ที่ช่วยในการทำงานของตับอีกด้วย
- ถั่วเขียว
ถั่วเขียวช่วยเพิ่มการทำงานของระบบขับถ่าย ดูดซับสารพิษจากผนังลำไส้ และขับออกไปพร้อมกับอุจจาระ
- ผักสด
ผักที่กินสดจะมีคุณค่าทางอาหารมากกว่าแบบสุก คือ หัวหอม แครอท หน่อไม้ฝรั่ง บร็อคโคลี่ ผักกาด ดอกกะหล่ำ กระเทียม ช่วยดีท็อกสารพิษจากตับได้ดี
- ถั่ว และเมล็ดพืช
เช่น เมล็ดแฟล็กซ์ เมล็ดฟักทอง อัลมอนด์ วอลนัท เมล็ดเจีย เม็ดแมงลัก เมล็ดทานตะวัน และอื่นๆ มีสารต้านอนุมูลอิสระ เต็มไปด้วยคุณค่าทางอาหาร และช่วยในเรื่องของการขับถ่ายได้ดี
- น้ำมันโอเมก้า 3
นอกจากหาได้จากแหล่งอาหารธรรมชาติอย่างปลาทะเลน้ำลึก แล้วยังหาได้จากธัญพืชต่างๆ อย่างเมล็ดแฟล็ก อโวคาโด และมะกอกอีกด้วย ช่วยดีท็อก แล้วยังบำรุงสมองได้ดีด้วย
ที่สำคัญคือ ดื่มน้ำให้เพียงพอ น้ำเปล่าช่วยดีท็อกร่างกายได้
สุดท้าย
การดีท็อกลำไส้ (ดีท็อก) เป็นที่นิยมของผู้คน แต่มีหลักฐานเพียงเล็กน้อยที่ยืนยันว่าสามารถขจัดสารพิษออกจากร่างกายได้
การดีท็อกลำไส้มีหลายวิธีแตกต่างกันไป แต่โดยทั่วไปแล้วช่วงอดอาหารจะตามมาด้วยการรับประทานผักดิบ น้ำผลไม้ และดื่มน้ำอย่างเข้มงวด นอกจากนี้อาหารล้างพิษบางชนิดยังสนับสนุนให้ใช้สมุนไพรและอาหารเสริมอื่น ๆ ร่วมกับการสวนล้างลำไส้ใหญ่ (การสวนทวารหนักโดยใช้น้ำยา) เพื่อล้างลำไส้ให้สะอาด
บางคนรายงานว่ารู้สึกมีสมาธิและมีพลังมากขึ้นในระหว่างรับประทานและหลังการรับประทานอาหารดีท็อกลำไส้ อย่างไรก็ตามมีหลักฐานเพียงเล็กน้อยที่ยืนยันว่าการรับประทานอาหารดีท็อกลำไส้จะขจัดสารพิษออกจากร่างกายได้จริง ในความเป็นจริงแล้วไตและตับมักมีประสิทธิภาพในการกรองและกำจัดสารพิษที่รับประทานเข้าไปมากที่สุด
เหตุใดหลายคนจึงกล่าวอ้างว่ารู้สึกดีขึ้นหลังการดีท็อกลำไส้ อาจเกิดจากการที่อาหารดีท็อกลำไส้กำจัดอาหารผ่านการแปรรูปหลายขั้นตอนที่มีไขมันที่เป็นก้อนแข็งและมีน้ำตาลมาก การหลีกเลี่ยงอาหารที่มีแคลอรี่สูงแต่มีคุณค่าทางโภชนาการต่ำเพียงไม่กี่วันอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนเรารู้สึกดีขึ้น
หากคุณกำลังพิจารณาอาหารดีท็อกลำไส้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อน สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นด้วย อาหารดีท็อกลำไส้ที่จำกัดการบริโภคโปรตีนอย่างรุนแรง หรือต้องงดอาหาร อาจส่งผลให้เกิดความเหนื่อยล้า การอดอาหารเป็นเวลานานอาจส่งผลให้ร่างกายเกิดการขาดวิตามินและแร่ธาตุ
การสวนล้างลำไส้ซึ่งมักได้รับการแนะนำให้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการดีท็อกลำไส้ อาจทำให้เกิดการปวดเกร็งในช่องท้อง ท้องอืด คลื่นไส้ และอาเจียน เรื่องที่น่ากังวลมากอีกอย่างหนึ่งคือ ภาวะขาดน้ำ
สุดท้ายนี้ โปรดทราบว่า สูตรการรับประทานอาหารต่างๆ ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อการลดน้ำหนักในระยะเวลาสั้นๆ ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ดีในระยะยาว เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืนและเป็นทางออกที่ดีที่สุดของการกำจัดพิษออกจากร่างกายของคุณคือ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์จากผักและผลไม้ เมล็ดธัญพืช และแหล่งโปรตีนที่ไม่ติดมัน
หากคุณเลือกการรับประทานอาหารล้างพิษ คุณอาจต้องการใช้วิธีนี้เพื่อเริ่มต้นการเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้นในทุกๆวัน
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
- https://www.webmd.com/diet/a-z/detox-diets
- https://www.nccih.nih.gov/health/detoxes-and-cleanses-what-you-need-to-know
- https://health.clevelandclinic.org/are-you-planning-a-cleanse-or-detox-read-this-first/