สิวเสี้ยนและสิวหัวดำ (Black Heads) – สาเหตุการป้องกัน

สิวเสี้ยน หรือสิวหัวดำ (Black Heads) หรือ Trichostasis Spinulosa เป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อยในผู้ใหญ่ทั้งผู้หญิง และผู้ชาย โดยมักเกิดบริเวณจมูก แก้ม คาง หน้าผาก รอบปาก และบริเวณหลัง สิวเสี้ยนเป็นสิวที่เกิดจากการทำงานผิดปกติของต่อมไขมัน ก่อให้เกิดต่อมไขมันอุดตัน และมีขนเล็กๆ อยู่ข้างในจำนวนมาก รวมไปถึงเซลล์ผิวที่ตายแล้วที่อุดตันอยู่ในสิวเสี้ยน เมื่อสัมผัสผิวบริเวณที่เป็น จะรู้สึกสาก ๆ เหมือนมีหนามเล็กๆ ยื่นออกมาตามรูขุมขน ถึงแม้ว่าจะเป็นสิวที่ไม่มีอันตราย แต่ก็สร้างความรำคาญใจแก่ผู้ที่เป็นสิวชนิดนี้เป็นอย่างมาก

สิวเสี้ยนเกิดจากอะไร

สาเหตุของการเกิดสิวเสี้ยนนั้นสามารถเกิดขึ้นได้จาก 2 ปัจจัยใหญ่ ๆ คือ ปัจจัยด้านฮอร์โมน และการดูแลผิว ความไม่สมดุลของฮอร์โมนเพศอาจทำให้ร่างกายผลิตไขมันออกมามากเกินไป แล้วทำให้รูขุมขนเกิดการอุดตัน การสัมผัสผิวที่ไม่เหมาะสม เช่น การขัด ถูแรง ๆ อาจทำให้รูขุมขนถูกรบกวน และก่อให้เกิดการอุดตันที่ตามมา อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจเพิ่มเติม ฮอร์โมนเพศชาย

Black Heads

วิธีลดสิวเสี้ยน

การลดสิวเสี้ยนนั้นสามารถทำได้หลายวิธี ดังนี้ การทายาละลายสิวเสี้ยนที่เป็นตัวยาในกลุ่มเบนซิลออกไซด์ การใช้ยานี้ควรเริ่มจากการทาในปริมาณน้อย ๆ แล้วค่อยเพิ่มปริมาณขึ้น เพราะอาจทำให้ระคายเคืองผิวได้ เริ่มแรก ควรทาทิ้งไว้ 5-10 นาที แล้วล้างออก สามารถใช้ได้ทั้งตอนเช้า และตอนเย็น หากแพทย์แนะนำให้ทาค้างคืนไว้ในกรณีที่คนไข้เป็นสิวอุดตันเยอะ ๆ สามารถทำได้โดยการทาบาง ๆ ทิ้งไว้ก่อนนอน กรดวิตามินเอชนิดทา หรือ ที่เราเรียกกันว่า เรตินอลเอ การใช้ยาชนิดนี้ควรใช้อย่างระมัดระวัง เพราะอาจทำให้ผิวหน้าระคายเคือง ไม่ควรใช้ในบริเวณที่เป็นผิวหนังที่บอบบาง เช่น รอบดวงตา รอบปาก ข้างจมูก และควรทาครีมกันแดดทุกเสมอ เพราะยานี้จะทำให้ผิวไวต่อแดด จึงทาได้เพียงวันละครั้งก่อนนอนเท่านั้น กรดวิตามินเอจะไปช่วยละลายไขมันที่อุดตันอยู่ และช่วยปรับสภาพรูขุมขนให้ดีขึ้น โดยปกติแล้ว จะเห็นผลหลังจากการใช้ประมาณ 3-4 เดือนขึ้นไป ลอกสิวเสี้ยนด้วยแผ่นลอกสิ้วเสี้ยน เรามักจะเห็นโฆษณาแผ่นลอกสิวเสี้ยนทางสื่อต่าง ๆ กันบ่อยครั้ง ซึ่งการลดสิวเสี้ยนด้วยวิธีนี้ก็เป็นวิธีที่ได้รับความนิยม สามารถทำได้ทั้งซื้อแบบเป็นแผ่นสำเร็จ หรือเป็นเนื้อครีมที่ปล่อยให้แห้งแล้วลอกออก อย่างไรก็ตาม การลอกสิวเสี้ยนนั้นเป็นเพียงวิธีกำจัดสิวเสี้ยนชั่วคราวเท่านั้น ซึ่งจำเป็นต้องทำซ้ำ ขึ้นอยู่กับปริมาณสิวเสี้ยน การลอกสิวเสี้ยนด้วยไข่ขาว วิธีลอกสิวด้วยไข่ขาวนั้นเป็นวิธีที่ทำกันมานาน ทำได้โดยการทาไข่ขาวบริเวณที่ต้องการ นำทิชชู่บาง ๆ แปะทับลงไป รอให้แห้งแล้วลอกออก จะมีสิวเสี้ยนติดมากับไข่ขาวที่แห้ง การกดสิว การกดสิวสามารถทำได้โดยซื้ออุปกรณ์กดสิวที่หาซื้อได้ทั่วไปมากดเองที่บ้าน หรือสามารถไปเข้ารับการกดสิวได้ตามคลีนิคความงาม นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ที่ดึงสิว ดึงสิวเสี้ยนที่เราสามารถมองเห็นได้ด้วยตัวเองได้อีกด้วย อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจเพิ่มเติม การกดสิว การเลเซอร์สิวเสี้ยน การเลเซอร์สิวเสี้ยนสามารถลดสิวเสี้ยนได้ดี แต่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ และมีค่าใช้จ่ายสูง ทั้งยังสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้อีก การป้องกันการเกิดสิวเสี้ยนนั้นสามารถทำได้โดยการล้างหน้าให้สะอาด ไม่ปล่อยเครื่องสำอางทิ้งไว้ข้ามคืน ไม่ใช้ครีม หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผวมของน้ำมัน ไม่ทำให้หน้าระคายเคืองโดยการเช็ดถู หรือขัดแรง ๆ ควรใช้ยาทาที่มีส่วนผสมของกดวิตามินเอ หรือยาในกลุ่มเบนซิลออกไซด์ ปกติแล้วสิวเสี้ยนไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษา และยังไม่มีวิธีใดที่จะสามารถรักษาสิวเสี้ยนให้หายขาด การดูแลผิวหน้าอย่าเหมาะสมจะช่วยลดการเกิดสิวเสี้ยนได้ อาหารเสริมสำหรับผู้ที่เป็นสิว แม้ว่าจะไม่มีอาหารเสริมชนิดใดที่ออกแบบมาเพื่อรักษาสิวหัวดำโดยเฉพาะ แต่อาหารเสริมบางชนิดอาจมีส่วนดีต่อสุขภาพผิวโดยรวมและช่วยจัดการปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวหัวดำ สิวหัวดำเป็นสิวประเภทหนึ่งที่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนด้วยน้ำมัน เซลล์ผิวที่ตายแล้ว และแบคทีเรีย ต่อไปนี้เป็นอาหารเสริมบางอย่างที่อาจเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพผิวและป้องกันสิวหัวดำ:

1. สังกะสี:

  • ช่วยได้อย่างไร:สังกะสีมีส่วนเกี่ยวข้องในการรักษาบาดแผลและมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ อาจช่วยลดการอักเสบที่เกี่ยวข้องกับสิวได้ อาหารเสริมสังกะสีสามารถพิจารณาได้ แต่สิ่งสำคัญคือต้องไม่เกินปริมาณที่แนะนำ เนื่องจากการบริโภคสังกะสีที่มากเกินไปอาจทำให้เกิดผลเสียได้

2. วิตามินเอ:

  • ช่วยได้อย่างไร:วิตามินเอจำเป็นต่อสุขภาพผิวและอาจช่วยควบคุมการผลิตน้ำมัน เป็นส่วนผสมทั่วไปในยารักษาสิวตามใบสั่งแพทย์ ควรใช้อาหารเสริมด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากการบริโภควิตามินเอมากเกินไปอาจเป็นพิษได้ เบต้าแคโรทีนซึ่งเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอสามารถหาได้จากแหล่งอาหาร เช่น แครอทและมันเทศ

3. กรดไขมันโอเมก้า 3:

  • ช่วยได้อย่างไร:กรดไขมันโอเมก้า 3 มีคุณสมบัติต้านการอักเสบและอาจส่งผลต่อสุขภาพผิว การเสริมน้ำมันปลาหรือการบริโภคปลาที่มีไขมัน เช่น ปลาแซลมอน ปลาแมคเคอเรล หรือเมล็ดเจีย ก็สามารถให้โอเมก้า 3 ได้

4. โปรไบโอติก:

  • ช่วยได้อย่างไร:โปรไบโอติกส่งเสริมสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ และมีงานวิจัยใหม่ๆ ที่ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างสุขภาพของลำไส้และสภาพผิว รวมถึงสิวด้วย รับประทานอาหารที่มีโปรไบโอติกสูง (เช่น โยเกิร์ตและอาหารหมัก) หรืออาหารเสริมก็ได้

5. วิตามินอี:

  • ช่วยอย่างไร:วิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ถั่ว เมล็ดพืช และผักโขมเป็นแหล่งอาหารของวิตามินอี

6. ไนอาซินาไมด์ (วิตามินบี 3):

  • ช่วยได้อย่างไร:ไนอาซินาไมด์มีคุณสมบัติต้านการอักเสบและอาจช่วยควบคุมการผลิตน้ำมัน มักพบในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเฉพาะที่ แต่ก็มีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารรับประทานจำหน่ายด้วยเช่นกัน

7. สารสกัดจากชาเขียว:

  • ช่วยอย่างไร:สารสกัดจากชาเขียวมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ การศึกษาบางชิ้นแนะนำว่าอาจเป็นประโยชน์ต่อผิวที่เป็นสิวได้ง่าย

8. ไบโอติน:

  • ช่วยได้อย่างไร:ไบโอตินเป็นวิตามินบีที่มีบทบาทต่อสุขภาพผิว แม้ว่าการขาดไบโอตินอาจทำให้เกิดปัญหาผิวหนังได้ แต่สิ่งสำคัญคืออย่าเสริมมากเกินไป เนื่องจากปริมาณที่สูงอาจทำให้เกิดสิวในบางคนได้
ก่อนที่จะทานอาหารเสริมใดๆ  จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ พวกเขาสามารถประเมินสถานะสุขภาพส่วนบุคคลของคุณ ภาวะขาดสารอาหารที่อาจเกิดขึ้น และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ แพทย์ผิวหนังยังสามารถแนะนำการรักษาเฉพาะที่และการดูแลผิวเป็นประจำเพื่อจัดการกับสิวหัวดำและปัญหาสิวอื่นๆ
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด