ผักกาดขาว
ถึงแม้ประโยชน์ของผักกาดขาวจะน่าประทับใจ แต่ผักกาดขาวก็มักจะถูกมองข้ามไปเสมอๆ ในขณะหน้าตาของผักกาดขาวดูคล้ายกับผักกาดหอม แต่จริงๆแล้วมันเป็นผักในประเภทพืชตระกลูกระหล่ำ ซึ่งรวมไปถึงบล็อคโคลี่ กระหล่ำดอก และเคลผักกาดขาวมีกี่ประเภท
หลายคนคงไม่แน่ใจ เพราะผักกาดขาวมีหลากหลายรูปทรงและมีหลายสี มีทั้งสีแดง ม่วง ขาวและเขียว ใบของผักกาดขาวมีทั้งแบบหยักหรือเรียบ ผักชนิดนี้มีการเพาะปลูกทั่วโลกมานานหลายพันปีแล้ว สามารถพบได้ในจานอาหารที่หลากหลายชนิด รวมไปถึงซาวเคราท์ กิมจิและโคลสลอว์ เพิ่มเติมคือ ผักกาดขาวเป็นผักสวนครัวเพื่อสุขภาพที่อุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่ ต่อไปนี้คือบทความเกี่ยวกับประโยชน์ต่อสุขภาพที่น่าประหลาดใจขอผักกาดขาวที่มีการรับรองทางวิทยาศาสตร์ประโยชน์ของผักกาดมีดังต่อไปนี้
ผักกาดขาวเต็มเปี่ยมไปด้วยสารอาหาร
ผักกาดขาวมีแคลลอรี่ต่ำมากแต่มีสารอาหารที่เหลื่อเชื่อ ผักกาดขาวดิบแค่ 1 ถ้วย (89กรัม) มีส่วนประกอบดังนี้:- แคลลอรี่: 22
- โปรตีน: 1 กรัม
- ใยอาหาร: 2 กรัม
- วิตามินเค: 85% ของปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน
- วิตามินซี: 54% ของปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน
- โฟเลต: 10% ของปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน
- แมงกานีส: 7% ของปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน
- วิตามินบี6: 6% ของปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน
- แคลเซียม: 4% ของปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน
- โพแทสเซียม: 4% ของปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน
- แมกนีเซียม: 3% ของปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน
อาจควบคุมอาการอักเสบ
ร่างกายของเราจะตอบรับการตอบสนองด้วยการอักเสบเพื่อป้องกันการติดเชื้อหรือเพื่อเยียวยาให้หายเร็วขึ้น หากเป็นการอักเสบเฉียบพลันถือว่าเป็นการตอบสนองตามปกติเมื่อร่างกายได้รับบาดเจ็บหรือมีการติดเชื้อ ในทางตรงข้ามกัน หากเป็นการอักเสบชนิดเรื้อรังที่เกิดขึ้นกินเวลานาน ซึ่งมักเกิดขึ้นร่วมกับโรคอื่นๆ รวมถึงโรคหัวใจ โรคไขข้ออักเสบและโรคลำไส้อักเสบ พืชตระกลูกะหล่ำที่เหมือนผักกาดขาว อาจมีสารต้านอนุมูลอิสระที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งพบว่าสามารถช่วยลดอาการอักเสบเรื้อรังได้ ในความเป็นจริงแล้วนั้น จากการวิจัยพบว่าการรับประทานพืชตระกูลกะหล่ำจะสามารถลดการอักเสบในเลือดบางตัวได้ จากการศึกษาผู้หญิงจีนกว่า 1,000 คนแสดงให้เห็นว่าคนที่รับประทานพืชตระกูลกะหล่ำในปริมาณสูงมากจะมีระดับการอักเสบต่ำกว่าคนที่รับประทานน้อยกว่า สารซัลโฟราเฟน แคมพ์เฟอรอล และสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆพบได้ในกลุ่มของพืชที่มีผลต้านการอักเสบผักกาดขาวเต็มไปด้วยวิตามินซี
วิตามินซีหรือที่รู้จักกันในชื่อแอสคอร์บิก คือวิตามินที่ละลายในน้ำได้ ซึ่งมีบทบาทสำคัญหลายอย่างในร่างกาย ยกตัวอย่างเช่น มีความจำเป็นในการสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนส่วนใหญ่ในร่างกาย คอลลาเจนทำในเรื่องโครงสร้างและความยืดหยุ่นของผิวพรรณ และมีความสำคัญสำหรับการทำงานของกระดูก กล้ามเนื้อและหลอดเลือดให้มีความเหมาะสม เพิ่มเติมคือ วิตามินซีนี้จะช่วยดูดซับเหล็กอิสระที่ไม่รวมตัวกับรีม เป็นธาตุเหล็กที่พบได้ในอาหารประเภทพืช ยิ่งไปกว่านั้น ผักกาดขาวยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลัง จากการวิจัยอย่างกว้างขวางสำหรับการต่อสู้การเกิดโรคมะเร็ง การทำงานของวิตามินซีคือปกป้องร่างกายจากความเสียหาย มีหลักฐานแสดงให้เห็นว่าการรับประทานอาหารที่มีวิตามินซีสูงอาจมีผลช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง ในความเป็นจริงจากการศึกษาพบว่าความเสี่ยงในโรคมะเร็งปอดลดลง 7%ในคนที่รับประทานวิตามินซีวันละ 100 มก. ผักกาดขาวสับหนึ่งถ้วย (89กรัม) มีวิตามิน 85% มีวิตามินซีจำนวนเดียวกันกับที่พบได้ในส้มผลเล็ก 1 ผล
ช่วยให้ระบบการย่อยดีขึ้น
หากคุณต้องการให้สุขภาพของระบบการย่อยดีขึ้น การรับประทานผักกาดขาวที่อุดมไปด้วยใยอาหารเป็นทางเลือกที่ดี ผักกรุบกรอบนี้เต็มไปด้วยใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำที่ดีต่อลำไส้ ผักกาดขาวสรรพคุณของมันคือเป็นคาร์โบไฮเดรตที่ไม่สามารถย่อยสลายในลำไส้ได้ ใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำนี้จะช่วยรักษาระบบการย่อยอาหารให้มีสุขภาพที่ดีได้ด้วยการเพิ่มกากอาหารให้กับอุจจาระ และช่วยทำให้การขับถ่ายเป็นปกติ ยิ่งไปกว่านั้น ผักกาดขาวอุดมไปด้วยใยอาหารที่ละลายน้ำ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าช่วยเพิ่มจำนวนแบคทีเรียที่ดีมีประโยชน์ในลำไส้ นี้เป็นเพราะใยอาหารคือแหล่งเชื้อเพลิงหลักสำหรับเชื้อแบคทีเรียที่ดีเช่น บิฟิโดแบคทีเรียมและแล็กโทบาซิลลัส แบคทีเรียนี้มีความสำคัญต่อการทำงานที่สำคัญเช่นช่วยปกป้องระบบภูมิต้านทานและผลิตสารอาหารเช่น วิตามินเค2และบี12 การรับประทานผักกาดขาวมากๆเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการทำให้ระบบการย่อยอาหารของคุณมีสุขภาพที่ดีผักเพื่อสุขภาพอย่างผักกาดขาวอาจช่วยรักษาสุขภาพของหัวใจ
ผักกาดแดงจะมีสารประกอบที่ทรงพลังที่เรียกว่า แอนโทไซยานิน ผักกาดแดงเป็นผักรสชาติอร่อย มีสารแอนโทไซยานินคือ เม็ดสีของพืชที่มีฟลาโวนอยด์ การรับประทานอาหารที่มีสารแอนโทไซยานินเพิ่มขึ้น สามารถช่วยลดความดันเลือดและความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจ การอักเสบอย่างที่รู้กันว่ามีบทบาทหลักในการก่อให้เกิดโรคหัวใจ สารแอนโทไซยานินมีผลช่วยปกป้องเรื่องนี้เพราะสามารถต้านการอักเสบได้ผักกาดขาวสรรพคุณอาจช่วยลดความดันเลือดลง
ความดันโลหิตสูงส่งผลต่อคนมากว่าล้านคนทั่วโลกและเป็นปัจจัยเสี่ยงหลักในการเกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง แพทย์มักจะแนะนำคนไข้ให้รับประทานเกลือเพื่อลดภาวะความดันโลหิตสูง แต่อย่างไรก็ตาม จากหลักฐานเมื่อเร็วๆนี้พบว่าการรับประทานโพแทสเซียมเพิ่มมากขึ้นมีส่วนสำคัญในการลดความดันโลหิต โพแทสเซียม คือ แร่ธาตุและอิเลกโทรไลด์ที่สำคัญที่ร่างกายต้องการเพื่อการทำงานที่เหมาะสม หนึ่งในหน้าที่หลักคือช่วยควบคุมความดันเลือดได้ด้วยการตอบโต้ผลกระทบของโซเดียมในร่างกาย โพแทสเซียมจะช่วยกำจัดโซเดียมส่วนเกินออกผ่านทางปัสสาวะ ช่วยให้ผนังหลอดเลือดผ่อนคลาย ซึ่งส่งผลให้ความดันเลือดลดลง ในขณะที่ทั้งโซเดียมและโพแทสเซียมมีความสำคัญต่อสุขภาพ แต่กลับกลายเป็นว่าการรับประทานอาหารในปัจจุบันนี้กับมีโซเดียมสูงเกินไปและมีโพแทสเซียมต่ำมากเกินไปอาจช่วยลดระดับ คอเลสเตอรอลให้ต่ำลง
คอเลสเตอรอลคือสสารที่คล้ายไขมัน ขี้ผึ้ง ที่พบได้ในทุกๆเซลล์ในร่างกาย บางคนอาจคิดว่า คอเลสเตอรอลเป็นสิ่งที่เลวร้าย แต่จริงๆแล้วเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการทำงานของร่างกายที่เหมาะสม กระบวนการที่สำคัญที่ขึ้นอยู่กับ คอเลสเตอรอล เช่นการย่อยที่เหมาะสมและการสังเคราะห์ฮอร์โมนและวิตามินดี แต่อย่างไรก็ตาม คนที่มี คอเลสเตอรอลสูงมีแนวโน้มจะมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นในการเกิดโรคหัวใจ โดยเฉพาะเมื่อพวกเขามีระดับ คอเลสเตอรอลที่ไม่ดี LDL สูงใยอาหารละลายน้ำได้
ใยอาหารละลายน้ำได้แสดงให้เห็นแล้วว่าช่วยทำให้ระดับ คอเลสเตอรอลที่ไม่ดี LDL ลดลง ได้ด้วยการยึด คอเลสเตอรอลในลำไส้และเก็บไว้จากการดูดซึมเข้าสู่เลือด ผักกาดขาวคือแหล่งใยอาหารที่ละลายน้ำได้ที่ดีที่สุด ราว 40% ของใยอาหารที่พบในผักกาดขาวคือแบบละลายน้ำได้สาร Plant Sterols
ผักกาดขาวมีสสารที่ชื่อว่า ไฟโตสเตอรอล เป็นส่วนประกอบของพืชที่มีโครงสร้างคล้ายกับ คอเลสเตอรอล ซึ่งจะช่วยลด คอเลสเตอรอล LDL ได้ด้วยการปิดกั้นการดูดซับ คอเลสเตอรอลในระบบทางเดินอาหาร การรับประทานไฟโตสเตอรอล 1 กรัมต่อวันพบว่าช่วยลด คอเลสเตอรอล LDL ได้มากถึง 5%ผักกาดขาวคือแหล่งของวิตามินเคชั้นยอด
วิตามินเคคือ วิตามินกลุ่มที่ละลายได้ในไขมัน ที่มีบทบาทสำคัญหลายอย่างในร่างกาย วิตามินดังกล่าวแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ- วิตามินเค 1 (ฟิลโลควิโนน): พบได้หลักๆในพืช
- วิตามินเค 2 (เมนาควิโนน): พบได้ในสัตว์และอาหารดองบางชนิด ซึ่งจะสร้างโดยแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่
ผักกาดขาวทำอะไรได้บ้าง
นอกจากเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมหาศาลแล้วนั้น ผักกาดขาวยังมีรสชาติอร่อย ผักกาดขาวสามารถกินได้ทั้งแบบสดหรือผ่านการปรุง และสามารถนำไปใส่ในจานอาหารได้หลากหลายเช่น สลัด ซุป สตูว์การเลือกซื้อผักกาดขาว
1.ควรเลือกซื้อผักตามฤดูกาล เพราะจะมีราคาถูก สะอาดปลอดสารเร่งการเจริญเติบโต 2.ควรเลือกหัวผักกาดขาวที่มีน้ำหนักมาก เพราะหมายถึงว่ามีใบที่ชิดกันมากอยู่ภายใน 3.เลือกหัวที่มีสีเขียวอ่อนวิธีล้างผักกาดขาว
การล้างผักกาดขาวเป็นขั้นตอนสำคัญในการขจัดสิ่งสกปรก ยาฆ่าแมลง หรือสิ่งตกค้างออกจากใบก่อนที่จะนำไปปรุงอาหารหรือรับประทานดิบๆ คำแนะนำง่ายๆ ในการล้างผักกาดขาวอย่างถูกต้องมีดังนี้:- แยกใบ:หากคุณใช้ผักกาดขาวทั้งหัว ให้ลอกออกและแยกใบออก ทำให้ง่ายต่อการทำความสะอาดแต่ละใบให้ทั่ว
- ล้างใต้น้ำเย็น:ล้างใบผักกาดขาวใต้น้ำเย็น จับใบไม้แต่ละใบแยกกันและให้แน่ใจว่าน้ำไหลผ่านชั้นต่างๆ ซึ่งจะช่วยขจัดสิ่งสกปรกหรือเศษซากที่หลวม ๆ
- แช่ในน้ำส้มสายชู :คุณสามารถเลือกแช่ใบในสารละลายน้ำและน้ำส้มสายชูสักครู่ก็ได้ ซึ่งสามารถช่วยขจัดสิ่งสกปรกที่หลงเหลืออยู่และยังช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียอีกด้วย ผสมน้ำส้มสายชูประมาณ 1 ส่วนกับน้ำ 3 ส่วนในชามหรืออ่างล้างจาน แล้วแช่ใบผักกาดขาวไว้สักครู่ก่อนจะล้างอีกครั้งด้วยน้ำไหล
- ตรวจสอบและซับให้แห้ง:หลังจากล้างแล้ว ให้ตรวจสอบแต่ละใบเพื่อให้แน่ใจว่าสะอาด ซับใบไม้ให้แห้งโดยใช้ผ้าเช็ดครัวหรือกระดาษชำระที่สะอาด ขั้นตอนนี้สำคัญอย่างยิ่งหากคุณวางแผนที่จะใช้กะหล่ำปลีในการทำอาหารหรือสลัด
- การเก็บรักษาหรือการใช้:เมื่อล้างและทำให้แห้งแล้ว คุณสามารถใช้ใบไม้เหล่านี้ในสูตรอาหารได้ทันที หรือเก็บไว้ในภาชนะที่สะอาดและกันอากาศเข้าในตู้เย็นเพื่อใช้ในภายหลัง
ประเด็นสำคัญ
ผักกาดขาวเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีเยี่ยม ผักกาดขาวมีสารอาหารและมีวิตามินซีและเคปริมาณสูง ยิ่งไปกว่านั้นการรับประทานผักกาดขาวอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคบางโรค ช่วยการย่อยอาหารให้ดีขึ้นและช่วยต่อสู้การอักเสบ ผักกาดขาวมีรสชาติอร่อยและมีราคาไม่แพงสามารถนำไปทำอาหารได้หลายเมนูนี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
- https://www.webmd.com/food-recipes/ss/slideshow-cabbage-benefits
- https://www.medicalnewstoday.com/articles/284823
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ภาวะหนังหุ้มปลายองคชาตตีบ (Phimosis)
สาเหตุของผิวแห้งกร้านและวิธีบำรุงผิว
เนื้องอกต่อมหมวกไตฟีโอโครโมไซโตมา (Pheochromocytoma)
ภาวะปวดหลอน (Phantom Pain)
โรคปริทันต์ (Periodontitis) : อาการ สาเหตุ การรักษา
โรคอกบุ๋ม (Pectus Excavatum)
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น