เจลาติน (Gelatin) คือ ผลิตภัณฑ์โปรตีนที่ได้มาจากคอลลาเจน เจลาตินมีประโยชน์ต่อสุขภาพที่สำคัญเพราะมีกรดอะมิโนที่พิเศษ เจลาตินมีบทบาทสำคัญสำหรับข้อต่อและการทำงานของสมอง และอาจทำให้ผิวและผมดีขึ้น

ผงเจลาตินทำมาจากอะไร

เจลาตินคือผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากคอลลาเจน ส่วนใหญ่มักทำมาจากโปรตีนเกือบทั้งหมด และมีกรดอะมิโนพิเศษที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย คอลลาเจนคือโปรตีนที่พบได้ในมนุษย์และสัตว์ สามารถพบได้เกือบทุกส่วนในร่างกาย แต่ส่วนมหญ่มักอยู่ที่ผิว กระดูก เส้นเอ็นและเอ็น  ช่วยทำให้โครงสร้างเนื้อเยื่อแข็งแรง ยกตัวอย่างเช่น คอลลาเจนจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิวหนังและทำให้เส้นเอ็นมีความแข็งแรง แต่อย่างไรก็ตามการรับประทานคอลลาเจนนั้นมีความยุ่งยากเพราะมักพบในส่วนของสัตว์ที่กินไม่ได้ แต่โชคดีที่คอลลาเจนนั้นสามารถสกัดจากชิ้นส่วนดังกล่าวได้ด้วยการต้มพวกมันในน้ำ คนจึงมักนำมาต้มทำเป็นน้ำซุปจากนั้นก็ปรุงแต่งรสชาติและเพิ่มสารอาหาร เจลาตินสกัดจากกระบวนการนี้จะไม่มีรสไม่มีสี สามารถละลายในน้ำอุ่นและมีลักษณะคล้ายวุ้นเมื่อเย็นลง ด้วยเหตุนี้จึงมีประโยชน์ในรูปแบบของเจลที่นำมาใช้การทำอาหาร เช่นเยลลี่และลูกอมเยลลี่ อีกทั้งยังบริโภคเป็นน้ำซุปต้มกระดูกหรือในรูปแบบของอาหารเสริม ในบางครั้ง เจลาตินคือกระบวนการในการผลิตสารที่เรียกว่าคอลลาเจน ไฮโดรไลเซต ซึ่งมีส่วนประกอบของกรดอะมิโนเหมือนเจลาตินและยังให้ประโยชน์ต่อสุขภาพเหมือนกันด้วย เพราะสามารถละลายได้ในน้ำเย็นและไม่เป็นวุ้น นั่นหมายความว่ามันสามารถรับประทานได้ง่ายขึ้นในรูปแบบของอาหารเสริมสำหรับบางคน ทั้งเจลาตินและคอลลาเจน ไฮโดรไลเซตสามารถนำมาใช้ในรูปแบบของอาหารเสริมในรูปแบบของผงและเม็ด  แต่อย่างไรก็ตามเจลาตินนี้ไม่เหมาะสำหรับคนที่ทานมังสวิรัติเพราะทำมาจากชิ้นส่วนของสัตว์

เจลาตินแผ่น และผงทำมาจากโปรตีนเกือบทั้งหมด

ในเจลาตินมีโปรตีน 98–99%      แต่อย่างไรก็ตาม โปรตีนประเภทไม่สมบูรณ์เพราะไม่มีกรดอะมิโนที่จำเป็นเป็นส่วนประกอบ โดยเฉพาะกรดอะมิโนที่จำเป็นทริปโตแฟน ต่อไปนี้คือกรดอะมิโนที่อยู่ในเจลาตินที่ได้จากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม :
  • ไกลซีน: 27%
  • โพรลีน: 16%
  • วาลีน: 14%
  • ไฮดรอกซีโพรลีน: 14%
  • กรดกลูตามิก: 11%
กรดอะมิโนสกัดมีองค์ประกอบมากมายขึ้นอยยู่กับชนิดของเนื้อเยื่อของสัตว์ที่ถูกนำมาใช้และขั้นตอนการเตรียม ที่น่าสนใจ เจลาตินคือแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยกรดอะมิโนไกลซีน ซึ่งมีความสำคัญต่อสุขภาพ จากการศึกษาพบว่า ร่างกายเราสามารถสร้างเองได้ เพียงแต่ไม่มากพอกับที่ร่างกายต้องการ ซึ่งนั้นหมายความว่าจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องรับประทานเข้าไปให้เพียงพอกับความต้องการ ปริมาณสารอาหารมีเพียงแค่ 1–2% แต่มีส่วนประกอบของน้ำ วิตามินและแร่ธาตุปริมาณไม่มากนักเช่น โซเดียม แคลเซียม ฟอสฟอรัสและโฟเลต อย่างที่กล่าวไว้ เจลาตินไม่ใช้แหลางที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุและวิตามินก็จริง แต่ก็พบว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพเพราะมีกรดอะมิโนพิเศษ

ประโยชน์ของเจลาติน

เจลาตินผงช่วยทำให้สุขภาพกระดูกและข้อต่อดีขึ้น

จากการวิจัยพบว่าเจลาตินสามารถส่งผลในการรักษาสำหรับข้อต่อและปัญหากระดูกเช่นโรคเข่าเสื่อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โรคข้อเข่าเสื่อมเป็นโรคข้ออักเสบที่พบเจอได้ทั่วไป มักเกิดขึ้นเมื่อกระดูกอ่อนระหว่างข้อต่อมีการแตกสลาย ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดและแข็งเกร็ง จากการศึกษาคนจำนวน 80 คนที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมเมื่อได้รับอาหารเสริมเจลาตินหรือยาหลอกเป็นเวลา 70 วัน จากรายงานแสดงให้เห็นว่าคนที่ได้รับเจลาตินสามารถลดอาการปวดและข้อแข็งลงได้อย่างมีนัยสำคัญ จากการศึกษาอื่น กับนักกีฬา 97 คน ที่ได้รับอาหารเสริมเจลาตินหรือยาหลอกเป็นเวลา 24 สัปดาห์ พบว่าคนที่ได้รับเจลาตินลดอาการปวดข้อลงได้อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในระหว่างช่วงพักและช่วงทำกิจกรรมเมื่อเทียบกับคนที่ได้รับยาหลอก จากการศึกษายังพบด้วยว่าเจลาตินให้ผลในการรักษาอาการปวดได้ดีกว่ายาหลอก แต่อย่างไรก็ตามผลสรุปนี้ยังมีหลักฐานที่ไม่มากพอที่จะแนะนำให้ใช้ในการรักษาคนที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม ผลข้างเคียงอันเดียวที่ได้รับรายงานจากอาหารเสริมเจลาตินคือรสชาตที่แย่เท่านั้น ในเวลาเดียวกันก็พบหลักฐานว่ามีผลในทางบวกสำหรับข้อต่อและปัญหากระดูก

เจลาตินช่วยทำให้ผิวและเส้นผมดีขึ้น

จากการศึกษาพบว่าอาหารเสริมเจลาตินสามารถช่วยทำให้ผิวและเส้นผมมีสุขภาพที่ดีขึ้น เมื่อศึกษาผู้หญิงที่รับประทานเนื้อหมูหรือคอลลาเจนปลา 10 กรัม ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวพรรณได้มากขึ้นถึง 28% หลังจากรับประทานคอลลาเจนหมูเป็นเวลา 8 สัปดาห์ และเพิ่มขึ้น 12% หลังจากรับประทานคอลลาเจนปลา จากการศึกษาเดียวกันกับผู้หญิง 106 คนที่รับประทานคอลลาเจนปลา 10 กรัมหรือยาหลอกทุกวันเป็นเวลา 84 วัน พบว่ามีผิวของผู้เข้าร่วมในกลุ่มที่รับประทานคอลลาเจนปลามีความหนาแน่นของคอลลาเจนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาหลอก จากการวิจับพบว่าการรับประทานเจลาตินยังช่วยทำให้เส้นผมหนาขึ้นและเติบโตได้ดีขึ้น คนที่รับประทานอาหารเสริมเจลาตินกับยาหลอกเป็นเวลา 50 สัปดาห์ที่มีภาวะโรคผมร่วงเป็นหย่อมจำนวน 24 คน มีจำนวนผมเพิ่มมากขึ้น 29% ในกลุ่มที่รับประทานเจลาตินเมื่อเทียบกับคนที่ทานยาหลอกที่เพิ่มเพียงแค่ 10% ความหนาแน่นของผมเพิ่มขึ้นถึง 40%ในกลุ่มที่รับประทานอาหารเสริมเจลาตินเมื่อเทียบกับกลุ่มยาหลอกที่เพิ่มเพียง 10% . อีกหนึ่งการศึกษายังพบผลที่คล้ายคลึงกัน คนที่ได้รับเจลาติน 14 กรัมต่อวัน สามารถทำให้เส้นผมหนาขึ้นได้ราว 11%  

ช่วยให้การทำงานของสมองและสุขภาพจิตใจดีขึ้น

เจลาตินอุดมไปด้วยไกลซีนที่มีผลต่อการทำงานของสมอง จากการศึกษาพบว่าการรับประทานไกลซีนช่วยทำให้ความจำดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ  การรับประทานไกลซีนพบว่าทำให้โรคทางจิตใจเช่น โรคจิตเภทดีขึ้นได้ ถึงแม้จะยังไม่เป็นที่รู้แน่ชัดถึงสาเหตุของโรคจิตเภท แต่นักวิจัยก้มีความเชื่อว่าการไม่สมดุลของกรดอะมิโนอาจมีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้ ไกลซีนคือหนึ่งในกรดอะมิโนที่ถูกนำมาใช้ศึกษาในคนที่มีภาวะโรคจิตเภท พบว่าอาหารเสริมไกลซีนสามารถลดอาการบางอย่างได้ และยังพบว่าช่วยลดอาการของโรคย้ำคิดย้ำทำ (OCD) และโรคคิดว่าตนเองมีรูปร่างหรืออวัยวะผิดปกติ (BDD)            บทสรุป: ไกลซีน เป็นกรดอะมิโนในเจลาติน ที่ช่วยทำให้ความจำและมีสมาธิดีขึ้น และยังพบว่าช่วยลดอาการของโรคทางจิตเช่นโรตจิตเภทและโรค OCD ได้

เจลาตินอาจช่วยลดน้ำหนักได้

เจลาตินปราศจากไขมันและคาร์บ ขึ้นอยู่กับว่าทำมาจากอะไรดังนั้นเจลาตินจึงมีแคลลอรี่ต่ำ จากการศึกษาแสดงให้เห็นว่าช่วยลดน้ำหนักได้ จากการศึกษาคน 22 คน ที่ได้รับเจลาติน 20 กรัม ผลที่ได้คือระดับฮอร์โมนที่เพิ่มมากขึ้นนั้นช่วยลดความอยากอาหาร และเจลาตินยังช่วยทำให้รู้สึกอิ่ม จากการศึกษาพบว่าการบริโภคโปรตีนสูงสามารถช่วยทำให้รู้สึกอิ่ม แต่อย่างไรก็ตาม ชนิดของโปรตีนที่รับประทานมีบทบาทที่สำคัญยิ่ง จากการศึกษาคนที่มีสุขภาพดี 23 คนที่รับประทานเจลาตินหรือเคซีน โปรตีนที่พบในนม ที่เป็นโปรตีนเดียวในอาหารที่รับประทานเป็นเวลา 36 ชั่วโมง พบว่าคนที่รับประทานเจลาตินลดความรู้สึกหิวลงได้มากกว่าเคซีนถึง 44%     

ประโยชน์อื่นๆของวุ้นเจลาติน

จากการวิจัยแสดงให้เห็นว่าการรับประทานเจลาตินมีประโยชน์ต่อสุขภาพอื่นๆเช่น

ช่วยในการนอนหลับ

กรดอะมิโนไกลซีนซึ่งเป็นหนึ่งในเจลาตินที่พบจากการศึกษาพบว่าช่วยให้การนอนหลับดีขึ้น จากการศึกษา โดยการให้รับประทานไกลซีน 3 กรัมก่อนนอน สามารถช่วยทำให้คุณภาพการนอนดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และยังทำให้หลับง่ายขึ้นและลดความเหนื่อยล้าในแต่ละวันได้ รับประทานเจลาติน 1-2 ช้อนโต๊ะ (7-14 กรัม)จะให้ไกลซีน 3 กรัม  

ช่วยในคนที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 

เจลาตินนอกจากสามารถช่วยลดน้ำหนักได้ยังมีประโยชน์สำหรับคนที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 คนที่เป็นโรคอ้วนคือคนที่มีปัจจัยเสี่ยงหลัก จากการศึกษายังพบว่าการรับประทานเจลาตินยังช่วยคนที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ในการควบคุมระดับน้ำตาล ผลได้มาจากการศึกษาคน 74 คนที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ได้ไกลซีน 5 กรัมหรือยาหลอกทุกๆวันเป็นเวลาสามเดือน กลุ่มที่ได้รับไกลซีนหลังจากสามเดือนพบว่าระดับ HbA1C ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และยังช่วยลดการอักเสบได้ดีด้วย HbA1Cคือค่าเฉลี่ยระดับน้ำตาลสะสม หากพบว่ามีระดับต่ำนั่นหมายความว่าสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น

ช่วยทำให้สุขภาพลำไส้ดีขึ้น

เจลาตินมีบทบาทที่สำคัญในด้านสุขภาพของลำไส้ จากการศึกษาในหนูทดลอง พบว่าเจลาตินช่วยป้องกันไม่ให้ผนังลำไส้เกิดความเสียหายได้ ถึงแม้จะยังไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะเหตุใดก็ตาม หนึ่งในกรดอะมิโนในเจลาตินที่เรียกว่ากรดกลูตามิก ที่แปลงเป็นกลูตามีนในร่างกาย กลูตามีนช่วยทำให้ผนังลำไส้ดีขึ้นและยังช่วยป้องกันภาวะลำไส้ดูดซึมผิดปกติ ภาวะลำไส้ดูดซึมผิดปกติ คือเมื่อผนังลำไส้มีการดูดซึมมากเกินไป จึงปล่อยให้แบคทีเรียและสสารอันตรายอื่นๆผ่านเข้าไปในลำไส้สู่กระแสเลือด ซึ่งเป็นสิ่งผิดปกติที่ไม่ควรเกิดขึ้น ซึ่งสิ่งนี้เองเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับลำไส้ อย่างเช่นโรคลำไส้แปรปรวน (IBS)   

ช่วยลดความเสียหายของตับ

จากการศึกษาหลายๆกรณีพบว่าไกลซีนช่วยปกป้องผลกระทบต่อตับได้ ไกลซีนเป็นกรดอะมิโนที่พบมากในเจลาติน ที่แสดงให้เห็นว่าสามารถช่วยหนูที่เป็นตับเสียหายจากแอลกอฮอล์ได้ จากการศึกษาพบว่าสัตว์ที่ได้รับไกลซีนช่วยลดความเสียหายในตับได้ การทดลองกับกระต่ายที่ตับได้รับการบาดเจ็บพบว่าการได้รับไกลซีนสามารถช่วยเพิ่มการทำงานของตับและการไหลเวียนของเลือด

ลดการเจริญเติบโตของมะเร็ง

จากการศึกษาเซลล์มนุษย์และสัตว์ พบว่าเจลาตินช่วยชะลอการเจริญเติบโตของมะเร็งได้ เมื่อศึกษาเซลล์มะเร็งในมนุษย์ในหลอดทดลอง เจลาตินที่ได้จากหนังหมูช่วยลดการเจริญเติบโตของเซลล์จากมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้และโรคลูคีเมีย อีกหนึ่งการศึกษาพบว่าเจลาตินที่ได้จากหนังหมูสามารถยืดอายุของหนูทดลองที่มีเนื้องอกมะเร็งได้ ยิ่งกว่านั้นจากการศึกษาในหนูทดลองพบว่าเนื้องอกมีขนาดเล็กลงถึง  50–75% ในสัตว์ที่ได้รับไกลซีนสูงในอาหาร

วิธีทำวุ้นเจลาติน

คุณสามารถซื้อเจลาตินได้ตามร้านค้าทั่วไป หรือเตรียมเองได้ที่บ้านจากชิ้นส่วนของสัตว์ คุณสามารถใช้ส่วนต่างๆของสัตว์ ที่นิยมนำมาใช้คือเนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อแกะ ไก่และปลา หากตุณต้องการลองทำด้วยตัวคุณเอง สามารถทำได้ดังต่อไปนี้:

ส่วนผสม

  • กระดูกสัตว์และเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน 3–4 ปอนด์ (ประมาณ 1.5 กก.) 
  • เติมน้ำแค่ท่วมกระดูก
  • ใส่เกลือ 1 ช้อนชา (18 กรัม)

วิธีทำ

  1. ใส่กระดูกลงหม้อต้มหรือหม้ออัดแรงดัน ใส่เกลือหากคุณต้องการใช้เกลือ
  2. รินน้ำให้ท่วมกระดูก
  3. นำไปต้มจนเดือดและลดความร้อนลงเคี่ยวต่อเบาๆ
  4. เคี่ยวด้วยไฟต่ำราว 48 ชั่วโมง ยิ่งเคี่ยวนานยิ่งสกัดเจลาตินออกมาได้มากเท่านั้น
  5. ใช้ส่วนที่เป็นของเหลว ปล่อยให้เย็นและแข็ง
  6. ขูดชั้นไขมันจากผิวหน้ามาใช้
เจลาตินสามารถเก็บได้นานเป็นสัปดาห์ในตู้เย็นหรือเก็บได้นานเป็นปีในช่องแช่แข็ง สามารถนำมาใช้เป็นน้ำเกรวี่และซอส หรือเติมลงในของหวาน หากคุณไม่มีเวลาทำได้ด้วยตนเอง คุณสามารถหาซื้อได้ทั้งแบบแผ่น ผงหรือแบบเม็ด สามารถนำเจลาตินที่เตรียมไว้ใช้ด้วยการนำไปคนใส่ในอาหารที่ร้อนหรือเหลว เช่นสตูว์ น้ำซุบหรือเกรวี่ เจลาตินยังสามารถนำมาใช้ในอาหารที่เย็นหรือเครื่องดื่มด้วยได้ รวมถึงในน้ำปั่นและโยเกิร์ต 

ใครที่ควรหลีกเลี่ยงเจลาติน

เจลาตินเป็นโปรตีนที่ได้มาจากคอลลาเจนในเนื้อเยื่อของสัตว์ มักใช้เป็นสารก่อเจลในอาหาร ยา และผลิตภัณฑ์อื่นๆ แม้ว่าเจลาตินโดยทั่วไปจะปลอดภัยสำหรับคนส่วนใหญ่ แต่ก็มีกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่อาจจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงหรือจำกัดการบริโภคเจลาตินเนื่องจากเหตุผลด้านอาหาร วัฒนธรรม หรือด้านสุขภาพต่างๆ ต่อไปนี้คือกลุ่มคนบางกลุ่มที่อาจพิจารณาหลีกเลี่ยงหรือจำกัดการบริโภคเจลาติน:
  • มังสวิรัติและวีแกน:เจลาตินได้มาจากสัตว์ จึงไม่เหมาะสำหรับผู้ที่รับประทานอาหารมังสวิรัติหรือวีแกน แต่พวกเขาอาจเลือกใช้ทางเลือกที่มีพืชเป็นหลัก เช่น วุ้น เพคติน หรือคาราจีแนน มาเป็นสารก่อเจล
  • ข้อจำกัดด้านอาหารทางศาสนา:การปฏิบัติทางศาสนาบางประการห้ามการบริโภคผลิตภัณฑ์จากสัตว์บางชนิด รวมถึงเจลาตินด้วย ตัวอย่างเช่น อาจไม่อนุญาตให้ใช้เจลาตินในอาหารโคเชอร์และฮาลาลบางประเภท
  • ปฏิกิริยาการแพ้:แม้ว่าจะเกิดขึ้นได้ยาก แต่บางคนอาจมีอาการแพ้จากสัตว์บางชนิดที่ใช้ในเจลาติน เช่น เนื้อวัวหรือเนื้อหมู หากคุณสงสัยว่ามีอาการแพ้ ให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและพิจารณาทางเลือกอื่น
  • ความไวต่อระบบทางเดินอาหาร:เจลาตินถือเป็น FODMAP (โอลิโกแซ็กคาไรด์ที่หมักได้ ไดแซ็กคาไรด์ โมโนแซ็กคาไรด์ และโพลีออล) และอาจไม่ได้รับการยอมรับอย่างดีจากบุคคลที่มีอาการลำไส้แปรปรวน หรือความไวต่อระบบทางเดินอาหารอื่น ๆ เจลาตินอาจทำให้อาการทางเดินอาหารรุนแรงขึ้นได้ในบางกรณี
  • ข้อกังวลเรื่องโคเชอร์และฮาลาลเจลาติน:แม้ว่าผลิตภัณฑ์เจลาตินบางชนิดจะมีป้ายกำกับว่า “โคเชอร์” หรือ “ฮาลาล” แต่การตีความมาตรฐานเหล่านี้อาจแตกต่างกันระหว่างบุคคลและหน่วยงานทางศาสนา ผู้ที่ปฏิบัติตามกฎการบริโภคอาหารเหล่านี้อย่างเคร่งครัดอาจเลือกหลีกเลี่ยงเจลาตินทั้งหมดได้
  • เหตุผลด้านจริยธรรมและสิ่งแวดล้อม:บางคนหลีกเลี่ยงเจลาตินเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสวัสดิภาพสัตว์และความยั่งยืน การผลิตเจลาตินอาจเกี่ยวข้องกับการใช้ผลพลอยได้จากสัตว์
  • ความต้องการด้านอาหารส่วนบุคคล:บุคคลที่ต้องการจำกัดการบริโภคอาหารแปรรูปหรือผู้ที่ให้ความสำคัญกับส่วนผสมทั้งส่วนที่ยังไม่แปรรูปอาจเลือกหลีกเลี่ยงเจลาตินที่พบในอาหารบรรจุห่อและอาหารแปรรูปต่างๆ
เป็นสิ่งสำคัญสำหรับบุคคลในกลุ่มเหล่านี้ในการอ่านฉลากส่วนผสมบนผลิตภัณฑ์อาหาร อาหารเสริม ยา และเครื่องสำอางอย่างละเอียด เพื่อระบุว่าผลิตภัณฑ์เหล่านั้นมีเจลาตินหรือไม่ ปัจจุบันผลิตภัณฑ์จำนวนมากเสนอทางเลือกสำหรับมังสวิรัติหรือวีแกน ดังนั้นจึงมีตัวเลือกให้เลือก ท้ายที่สุดแล้ว การจะหลีกเลี่ยงเจลาตินได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาด้านโภชนาการ วัฒนธรรม และจริยธรรมของแต่ละบุคคล ตลอดจนอาการแพ้หรือความไวต่อสิ่งกระตุ้น หากคุณมีข้อกังวลหรือคำถามเฉพาะเกี่ยวกับการบริโภคเจลาติน ขอแนะนำให้ปรึกษากับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ นักโภชนาการ หรือหน่วยงานทางศาสนาเพื่อขอคำแนะนำ

ประเด็นสำคัญ

เจลาตินเต็มไปด้วยโปรตีน มีกรดอะมิโนพิเศษที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย มีหลักฐานว่าเจลาตินช่วยลดอาการปวดกระดูกและข้อต่อ เพิ่มการทำงานของสมองและช่วยทำให้ผิวพรรณดีขึ้นได้ เพราะเจลาตินไม่มีสีและไม่มีรสชาติ จึงง่ายในการรับประทาน คุณสามารถทำเจลาตินเองได้ที่บ้านตามสูตรที่ให้ไว้ หรือซื้อแบบสำเร็จรูปเพื่อนำไปเติมในอาหารหรือเครื่องดื่มในทุกๆวัน

นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา

  • https://www.medicalnewstoday.com/articles/319124
  • https://www.webmd.com/vitamins/ai/ingredientmono-1051/gelatin
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด