แผล (Scars) เกิดขึ้นจาก กลไลธรรมชาติที่ร่างกายกำลังรักษาตัวเอง เกิดจากขั้นตอนทางชีววิทยาในการหายของแผลที่ผิวหนังและเนื้อเยื่ออื่นๆ แผลส่วนใหญ่ (เว้นแต่แผลเล็กมากๆ) เมื่อหายแล้ว จะเกิดแผลเป็น ไม่มากก็น้อย
แผลเป็นอาจเกิดจากอุบัติเหตุ หรือเพราะโรคบางโรค โรคผิวหนังเช่น สิว หรือการผ่าตัด
สาเหตุของการเกิดแผลเป็น
แผลเป็นเกิดเมื่อมีความเสียหายที่ผิวหนังชั้นเดอร์มิส(ชั้นลึก) ร่างกายจะสร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจน(ซึ่งเป็นโปรตีนธรรมชาติในร่างกาย)เพื่อซ่อมแซม ทำให้เกิดแผลเป็น แผลเป็นใหม่จะมีผิวสัมผัสและคุณภาพต่างจากเนื้อเยื่อบริเวณข้างเคียง แผลเป็นจะเกิดหลังจากแผลหายดีแล้ว แผลเป็นมีหลายชนิด ส่วนใหญ่จะแบนและมีสีซีด แต่บางครั้งร่างกายสร้างคอลลาเจนมากเกินไป แผลเป็นจะนูนขึ้นมา เรียกว่า แผลเป็นคีลอยด์ ซึ่งพบบ่อยในคนอายุน้อยและผู้ที่มีสีผิวเข้ม แผลเป็นบางชนิดอาจยุบลงไป เกิดขึ้นเมื่อส่วนที่อยู่ใต้ผิวหนัง (เช่น กล้ามเนื้อหรือไขมัน)หายไป เช่น ในแผลผ่าตัดบางชนิด และแผลเป็นจากสิว แผลเป็นเกิดเมื่อผิวหนังยืดออก แผลเป็นชนิดนี้เกิดเมื่อผิวหนังยืดออกอย่างรวดเร็ว (เช่น ช่วงการยืดตัวของวัยรุ่น การยืดของผิวหนังหน้าท้องขณะตั้งครรภ์)หรือเกิดเมื่อผิวหนังมีความตึง(เช่น ผิวหนังใกล้ๆข้อต่อ)ระหว่างที่มีการหายของแผลวิธีรักษารอยแผลเป็น
แม้จะเอาแผลเป็นออกได้ไม่หมด แต่ทำให้ดีขึ้นได้ด้วยวิธีดังนี้- ยาทารักษาแผลเป็น ยารักษาเฉพาะที่ เช่น ทาครีมวิตามินอี โกโก้บัทเทอร์ และผลิตภัณฑ์บำรุงผิวทั่วไป เข่น วาสลีน หรือครีมลบรอยแผลเป็น
- การผ่าตัด แม้ว่าจะเอาแผลเป็นออกได้ไม่หมด แต่สามารถปรับเปลี่ยนรูปร่างและทำให้ดูดีขึ้นได้ แต่จะไม่ใช้กับแผลเป็นคีลอยด์ เพราะมีความเสี่ยงที่จะเกิดคีลอยด์ได้ใหม่หรือมากกว่าเดิม
- การฉีดสเตียรอยด์ การฉีดสเตียรอยด์เป็นวิธีแก้แผลเป็นช่วยลดความนูน และทำให้แผลเป็นนุ่มลง 5-fluorouracil หรือ bleomycin ใช้ฉีดเข้าในแผลเป็นเพื่อลดขนาดและลดอาการคันและปวดและแก้แผลเป็น
- รังสีรักษา รังสีปริมาณน้อยที่ฉายตื้นๆ ใช้ป้องกันไม่ให้แผลเป็นคีลอยด์ชนิดรุนแรงกลับมาเป็นใหม่ แต่ใช้ในกรณีที่รุนแรงมากเท่านั้น เพราะมีผลข้างเคียงระยะยาว
- Dermabrasion คือการขูดผิวหนังออกด้วยเครื่องมือพิเศษ ช่วยปรับสภาพแผลเป็นที่มีทั้งแบบนูนและยุบตัวให้เสมอกันได้ และช่วยลดรอยแผลเป็น
- Microdermabrasion คือ dermabrasion ที่ใช้เฉพาะกับแผลที่ตื้นมากๆ
- Laser resurfacing คล้ายกับdermabrasionคือลอกผิวหนังชั้นบนๆโดยใช้เลเซอร์ชนิดต่างๆ เลเซอร์ชนิดใหม่ๆยังช่วยกระตุ้นให้มีการสร้างคอลลาเจนโดยไม่ต้องลอกผิวหนังชั้นบนออกได้ด้วย ทำให้ฟื้นฟูได้เร็ว
- การฉีด Filler ช่วยปรับผิวหนังส่วนที่ยุบลงไปให้เรียบเสมอกัน แต่มีผลชั่วคราว ต้องฉีดซำ้อย่างสม่ำเสมอ
- Microneedling ใช้เครื่องมือทำให้เกิดรูเล็กๆจำนวนมากที่ผิวหนัง เพื่อกระตุ้นให้มีการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวหนังเรียบขึ้นได้
- Cryosurgery ใช้ความเย็นจัดที่แผลเป็นเพื่อลดขนาด ลดความเจ็บปวด คัน ความแข็งและลดสี อาจใช้ร่วมกับการฉีด steroid หรือ 5-FU
ยาทาแผลเป็น หรือครีมลดรอยแผลเป็น
ปัจจุบันมียาทาลดรอยแผลเป็นในท้องตลาดมากมาย ไม่ว่าจะเป็นในร้านขายยาหรือห้างทั่วไป มีครีมที่มึคุณสมบัติหลากหลายที่ช่วยลดรอยแผลเป็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยาทารอยแผลเป็นที่เป็นที่นิยมอยู่ในตอนนี้ เช่น- Hiruscar เป็นครีมทาลดลอยแผลเป็นนูน ที่หลาย ๆ คนต้องเป็นปลื้มเมื่อใช้เพราะลดรอยแผลนูนได้ดีจริง ๆ
- Smooth E เป็นครีมลดรอยแผลเป็นบนใบหน้า หลายคนขนานนามว่าเป็นครีมทาแผลเป็นที่ดีที่สุดเลยทีเดียวก็ว่าได้
- Hirudoid cream เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับเจลลดรอยแผลเป็นและเส้นเลือดขอดที่หลายคนเลือกใช้
ลดรอยแผลเป็นด้วยวิธีธรรมชาติ
การลดเลือนรอยแผลเป็นโดยใช้วิธีรักษาแบบธรรมชาติอาจช่วยปรับปรุงเนื้อสัมผัสและสีของรอยแผลเป็นเมื่อเวลาผ่านไป โปรดทราบว่าการกำจัดรอยแผลเป็นโดยสมบูรณ์มักไม่สามารถทำได้โดยใช้วิธีรักษาแบบธรรมชาติเพียงอย่างเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับรอยแผลเป็นที่เก่ากว่าหรือเด่นชัดกว่า อย่างไรก็ตาม การใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้อย่างสม่ำเสมอมักจะทำให้รอยแผลเป็นจางลงอย่างเห็นได้ชัด ต่อไปนี้เป็นวิธีการรักษาแบบธรรมชาติเพื่อลดรอยแผลเป็น:-
เจลว่านหางจระเข้:
-
-
- ว่านหางจระเข้ขึ้นชื่อในด้านคุณสมบัติผ่อนคลายและสมานแผล ทาเจลว่านหางจระเข้บริสุทธิ์บนแผลเป็นแล้วนวดเบา ๆ สักครู่ ทิ้งไว้อย่างน้อย 30 นาทีก่อนล้างออกด้วยน้ำ ทำซ้ำขั้นตอนนี้ 2-3 ครั้งต่อวัน
-
-
น้ำมันมะพร้าว:
-
-
- น้ำมันมะพร้าวอุดมไปด้วยกรดไขมันและมีคุณสมบัติในการให้ความชุ่มชื้น ทาน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์เล็กน้อยบนแผลเป็นแล้วนวดเบาๆ ทิ้งไว้ข้ามคืน ทำซ้ำทุกวัน
-
-
น้ำมันวิตามินอี:
-
-
- ฉีกแคปซูลวิตามินอีออกแล้วทาน้ำมันลงบนแผลเป็นโดยตรง นวดเบาๆ สักสองสามนาที ทิ้งไว้สองสามชั่วโมงหรือข้ามคืน ทำซ้ำทุกวัน
-
-
น้ำมะนาว:
-
-
- น้ำมะนาวมีกรดอัลฟ่าไฮดรอกซีที่อาจช่วยขัดผิว ทาน้ำมะนาวสดลงบนแผลเป็นแล้วปล่อยให้แห้ง ล้างออกด้วยน้ำหลังจากผ่านไป 15-20 นาที หลังจากนั้นควรระมัดระวังแสงแดด เนื่องจากน้ำมะนาวทำให้ผิวของคุณไวต่อแสงแดดมากขึ้น
-
-
น้ำผึ้ง:
-
-
- น้ำผึ้งมีคุณสมบัติในการให้ความชุ่มชื้นและสมานแผลตามธรรมชาติ ทาน้ำผึ้งบางๆ บนแผลเป็นแล้วทิ้งไว้ 30 นาทีก่อนล้างออกด้วยน้ำอุ่น ทำซ้ำขั้นตอนนี้สองครั้งต่อวัน
-
-
สารสกัดจากหัวหอม:
-
-
- ครีมหรือเจลสารสกัดจากหัวหอมมีจำหน่ายตามร้านขายยาทั่วไปและพบว่ารอยแผลเป็นดูดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ปฏิบัติตามคำแนะนำของผลิตภัณฑ์สำหรับการใช้งาน
-
-
แตงกวาฝาน:
-
-
- วางชิ้นแตงกวาสดบนแผลเป็นแล้วปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แตงกวามีคุณสมบัติให้ความชุ่มชื้นและผ่อนคลายที่อาจช่วยลดรอยแผลเป็นได้
-
-
น้ำมันลาเวนเดอร์:
-
-
- เชื่อกันว่าน้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์มีคุณสมบัติลดรอยแผลเป็น เจือจางน้ำมันลาเวนเดอร์ 2-3 หยดกับน้ำมันตัวพา (เช่น น้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันอัลมอนด์) แล้วทาลงบนแผลเป็น นวดเบา ๆ แล้วปล่อยทิ้งไว้
-
-
นวด:
-
-
- การนวดแผลเป็นโดยใช้นิ้วเป็นวงกลมสามารถช่วยสลายเนื้อเยื่อแผลเป็นและปรับปรุงการไหลเวียนโลหิต ซึ่งอาจส่งเสริมการรักษาและลดลักษณะของแผลเป็น
-
-
รักษาร่างกายให้ชุ่มชื้นและรับประทานอาหารที่สมดุล:
-
- การให้ความชุ่มชื้นที่เหมาะสมและการรับประทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามินและสารอาหารสามารถช่วยให้ผิวแข็งแรงได้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณดื่มน้ำเพียงพอและรับประทานอาหารที่สมดุลด้วยผักและผลไม้มากมาย
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
- https://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/scars#1
- https://www.nhs.uk/conditions/scars/
- https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC1125033/
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น