ดอกคำฝอยคืออะไร
ดอกคำฝอย (Safflower) เป็นพืชที่ใช้ดอกและน้ำมันจากเมล็ดนำมาทำยา นำมันจากเมล็ดดอกคำฝอยช่วยในการป้องกันโรคหัวใจ เช่น โรคหลอดเลือดแดงแข็ง (Atherosclerosis) และโรคหลอดเลือดสมอง อีกทั้งยังใช้รักษาอาการมีไข้ เนื้องอก ไอ มีปัญหาในการหายใจ ภาวะการแข็งตัวของเลือด ความปวด โรคหัวใจ เจ็บหน้าอก และอาการบาดเจ็บสาหัส บางรายใช้เพื่อขับเหงื่อ และเป็นยาระบาย ยาขับเสมหะ ละลายเสมหะเป็นต้น ในผู้หญิงบางครั้งจะใช้น้ำมันดอกคำฝอยเพื่อบรรเทาอาการปวดประจำเดือน ส่วนของตัวดอกนั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการแท้งได้ อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจเพิ่มเติม ภาวะแท้งบุตร ในอาหาร เมล็ดน้ำมันดอกคำฝอยถูกใช้เป็นน้ำมันในการประกอบอาหาร ในส่วนของการผลิต ตัวดอกของดอกคำฝอยถูกนำมาทำเป็นสีในเครื่องสำอางและสีย้อมผ้า และน้ำมันเมล็ดดอกคำฝอยก็นำมาทำเป็นตัวทำละลายสีสรรพคุณของดอกคำฝอย
- ผู้ที่มีระดับคอเลสเตอรอลสูง บางงานวิจัยแนะนำให้รับประทานน้ำมันเมล็ดดอกคำฝอยเป็นอาหารเสริมทุกวัน หรือใช้แทนน้ำมันอื่นๆในการประกอบอาหาร เพราะช่วยในการลดระดับของไขมันที่ไม่ดี (LDL cholesterol) อย่างไรก็ตามมันดูเหมือนว่าจะไม่ลดไขมันในเลือด ที่เรียกว่า ไตรกลีเซอไรด์ (Triglycerides) หรือไขมันดี (HDL cholesterol)
คาดว่ามีประสิทธิภาพสำหรับสิ่งเหล่านี้ แต่ยังไม่มีหลักฐานชัดเจน
- โรคซิสติกไฟโบรซิส (Cystic fibrosis) งานวิจัยก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่าการรับประทานน้ำมันดอกคำฝอยเป็นเวลาหนึ่งปีไม่ช่วยทำให้ตัวโรคหรือความรุนแรงของโรคดีขึ้นในเด็ก
- โรคเบาหวาน (Diabetes) ก่อนหน้านี้มีงานวิจัยพบว่าการรับประทานน้ำมันดอกคำฝอยเป็นเวลา 3 สัปดาห์สามารถเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดได้ในผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งน้ำมันดอกคำฝอยดูเหมือนจะไม่มีผลต่อระดับอินซูลินหรือความไวต่ออินซูลินเลย
- คอเลสเตอรอลสูง ที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม มีหลักฐานเกี่ยวกับประสิทธิภาพของน้ำมันดอกคำฝอยในการรักษาภาวะคอเลสเตอรอลสูงชนิดที่ถ่ายทองทางพันธุกรรมยังมีข้อถกเถียงกันอยู่ บางงานวิจัยก่อนหน้านี้กล่าวว่าการปรับอาหารที่มีส่วนผสมของน้ำมันดอกคำฝอยช่วยลดไขมันเลว (LDL) ได้ในผู้ที่มีภาวะดังกล่าว แต่บางงานวิจัยก็ไม่พบประโยชน์ตามที่กล่าวอ้างมา
- โรคไวรัสตับอักเสบซี (Hepatitis C) งานวิจัยก่อนหน้านี้กล่าวว่าการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความจำเพาะประกอบไปด้วยดอกคำฝอย เมล็ดฝักทอง เมล็ดผักกาด และต้นสายน้ำผึ้ง (Japanese honeysuckle) มารับประทานเป็นเวลา 3 เดือนช่วยลดความไม่สุขสบายทั่วไป ท้องอืด คลื่นไส้และอาเจียนในผู้ที่เป็นโรคไวรัสตับอักเสบซี อย่างไรก็ตามอาการของโรคไวรัสตัวอักเสบซีจะไม่แสดงให้เห็นว่าตอบสนองต่อการรับประทานผลิตภัณฑ์ดังกล่าวหรือไม่
- ความดันโลหิตสูง มีหลักฐานเกี่ยวกับประสิทธิภาพของน้ำมันดอกคำฝอยกับความดันโลหิตที่ยังขัดแย้งกันอยู่ บางงานวิจัยก่อนหน้ากล่าวว่าการรับประทานน้ำมันดอกคำฝอยเป็นเวลา 6-8 สัปดาห์ ช่วยลดความดันโลหิ9ในผู้ที่มีความดันโลหิตสูง อย่างไรก็ตาม ยังมีหลักฐานอื่นๆที่กล่าวว่าการรับประทานน้ำมันดอกคำฝอยไม่ได้มีประสิทธิภาพในการลดความดันโลหิต
- ภาวะผิวหนังเป็นขุย (Phrynoderma) มีงานวิจัยก่อนหน้านี้กล่าวว่าการรับประทานน้ำมันดอกคำฝอยที่ประกอบไปด้วยวิตามินอีและกรดไลโนเลอิค ประมาณ 8 สัปดาห์สามารถช่วยให้ผิวชุ่มชื่นและดูเรียบขึ้นในผู้ที่มีภาวะดังกล่าว
- การมีไข้
- เนื้องอก
- อาการไอ
- ปัญหาเกี่ยวกับการหาบใจ(สภาวะที่มีผลต่อหลอดลม : Bronchial tubes)
- ความผิดปกติของการไหลเวียนของเลือด
- อาการปวด
- ความผิดปกติของรอบเดือน
- อาการเจ็บหน้าอก
- การบาดเจ็บสาหัส
- ท้องผูก
- การแท้งบุตร
- ภาวะอื่นๆ
การออกฤทธิ์ของดอกคำฝอย
กรดไลโนเลนิค (Linolenic acids) และกรดไลโนเลอิค (Linoleic acids)ในน้ำมันเมล็ดดอกคำฝอยอาจช่วยป้องกันภาวะหลอดเลือดแดงแข็งตัว ลดระดับคอเลสเตอรอล และลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ ดอกคำฝอยประกอบไปด้วยสารเคมีที่ทำให้เลือดไม่จำตัวกันเพื่อป้องกันลิ้มเลือด ขยาหลอดเลือด ลดความดันโลหิต และกระตุ้นการบีบตัวของหัวใจความปลอดภัย
น้ำมันเมล็ดดอกคำฝอยค่อนข้างปลอดภัยหากเลือกในรูปรับประทาน แน่นอนว่าการรับประทานดอกคำฝอยค่อนข้างที่จะปลอดภัย หรือการฉีดน้ำมันดอกคำฝอยทางหลอดเลือดดำก็ควรต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญทางด้านสุขภาพเป็นผู้ดูแลข้อควรระวังและคำเตือน
ในเด็ก: ค่อนข้างปลอดภัยสำหรับการฉีดน้ำมันดอกคำฝอยเข้าทางหลอดเลือดดำ แต่ควรให้โดยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ ในสตรมีครรภ์และคุณแม่ที่ในให้นมบุตร: น้ำมันเมล็ดดอกคำฝอยปลอดภัยหากเลือกที่จะรับประทานระหว่างตั้งครรภ์ แต่ห้ามรับประทานดอกของดอกคำฝอยขณะตั้งครรภ์เพราะมันไม่ปลอดภัย อาจก่อให้เกิดการบีบรัดตัวของมดลูกและเป็นสาเหตุของการแท้งได้ แต่ก็ยังไม่มีข้อมูลที่มากพอเกี่ยวกับความปลอดภัยของน้ำมันเมล็ดดอกคำฝอยหรือดอกของดอกคำฝอยหากจะใช้ระหว่างในนมบุตร ผู้ที่มีปัญหาเลือดออกง่าย (ภาวะเลือดออก : Hemorrhagic diseases แผลในกระเพาะอาหาร หรือ ความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด): ดอกคำฝอยทำให้เลือดแข็งตัวช้าลง หากคุณมีปัญหาเกี่ยวกับเลือดออก ห้ามใช้ดอกคำฝอย การแพ้ต่อหญ้าป่า (Ragweed) และที่เกี่ยวกับพืช: ดอกคำฝอยอาจเป็นสาเหตุของปฏิกิริยาการแพ้ในผู้ที่ที่ไวต่อพืชตระกูล Asteraceae/Compositae โดยพืชในตระกูลดังกล่าวได้แก่ หญ้าป่า ดอกเบญจมาศ ดอกดาวเรือง ดอกเดซี่ และอื่นๆอีกมากมาย หากคุณมีอาการแพ้ก็สามารถตรวจสอบกับผู้ดูแลทางด้านสุขภาพก่อนที่จะรับประทานดอกคำฝอย โรคเบาหวาน: น้ำมันดอกคำฝอยอาจเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด จึงเป็นสิ่งที่ต้องระวังหากใช้น้ำมันดอกคำฝอยไปรบกวนการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน การผ่าตัด: ตั้งแต่ที่ดอกคำฝอยช่วยไม่ให้เลือดเกาะตัวเป็นลิ่ม จึงต้องระวังเพราะอาจเพิ่มควาเสี่ยงต่อภาวะเลือดออกระหว่าง และหลังการผ่าตัด ควรหยุดใช้ดอกคำฝอยก่อนการผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ปฏิกิริยาต่อกันของยา
ยาสำหรับโรคเบาหวาน (Antidiabetes drugs) มีระดับการเกิดปฏิกิริยาต่อกันของยาในระดับปานกลาง ควรใช้ด้วยความปลอดภัยหากจะใช้ร่วมกับดอกคำฝอย ดีที่สุดคือปรึกษาแพทย์ประจำตัว น้ำมันดอกคำฝอยอาจเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด ยาที่ใช้รักษาโรคเบาหวานออกฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือดอยู่แล้ว ฉะนั้นฤทธิ์ในการเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดของน้ำมันดอกคำฝอยจะไปลดประสิทธิภาพของยาดังกล่าวได้ ให้ติดตามระดับน้ำตาลในเลือดอย่างใกล้ชิด เพราะอาจต้องมีการปรับยารักษาโรคเบาหวาน อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจเพิ่มเติม ยารักษาเบาหวานเมตฟอร์มิน (Metformin) ยาที่ต้านการแข็งตัวของเลือด (Anticoagulant/Antiplatelet drugs) มีระดับการเกิดปฏิกิริยาต่อกันของยาอยู่ในระดับปานกลาง หากจะใช้ร่วมกับดอกคำฝอย แต่ก่อนใช้ควรปรึกษาผู้ดูแลสุขภาพของคุณเสมอ เนื่องจากดอกคำฝอยในปริมาณมากอาจทำให้เลือดแข็งตัวช้า อีกทั้งการรับประทานคู่กับยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยิ่งจะเสริมฤทธิ์เข้าไปกันใหญ่ ซึ่งอาจเพิ่มโอกาสของการเกิดรอบพกช้ำและภาวะเลือดออกได้ปริมาณที่แนะนำของดอกคำฝอย
เป็นปริมาณที่ใช้ในการวิจัยทางวิทยาศาสตร์: ขนาดสำหรับรับประทานสำหรับคอเลสเตอรอลสูง: รับประทานน้ำมันดอกคำฝอยในรูปผลิตภัณฑ์เสริมอาหารได้ทุกวันคำถามที่พบบ่อยของดอกคำฝอย
- ดอกคำฝอยคืออะไร?
-
-
- คำตอบ:ดอกคำฝอย (Carthamus tinctorius) เป็นพืชที่ขึ้นชื่อในเรื่องของดอกและเมล็ดที่มีลักษณะคล้ายดอกธิสเซิล น้ำมันที่สกัดจากเมล็ดคำฝอยมักใช้ในการปรุงอาหารและเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
-
- น้ำมันดอกคำฝอยใช้ทำอะไร?
-
-
- คำตอบ:น้ำมันดอกคำฝอยใช้ในการปรุงอาหารและทอดเนื่องจากมีจุดเกิดควันสูง นอกจากนี้ยังใช้ในน้ำสลัดและเป็นแหล่งไขมันที่ดีต่อสุขภาพอีกด้วย บางคนทานอาหารเสริมน้ำมันดอกคำฝอยเพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพ
-
- น้ำมันดอกคำฝอยดีต่อสุขภาพหรือไม่?
-
-
- คำตอบ:น้ำมันดอกคำฝอยอุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวและไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน โดยเฉพาะกรดไลโนเลอิก อาจมีประโยชน์ต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด แต่การกลั่นกรองเป็นสิ่งสำคัญเนื่องจากมีแคลอรี่หนาแน่น
-
- น้ำมันดอกคำฝอยมีกี่ประเภท?
-
-
- คำตอบ:น้ำมันดอกคำฝอยมีสองประเภทหลัก: กรดโอเลอิกสูง (ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว) และกรดไลโนเลอิกสูง (ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน) พันธุ์โอเลอิกสูงมักได้รับการส่งเสริมให้มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
-
- น้ำมันดอกคำฝอยดีต่อการลดน้ำหนักหรือไม่?
-
-
- คำตอบ:การศึกษาบางชิ้นแนะนำว่าน้ำมันดอกคำฝอย โดยเฉพาะกรดไลโนเลอิกสูง อาจช่วยลดน้ำหนักได้ อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่มหัศจรรย์ และการรับประทานอาหารที่สมดุลและการออกกำลังกายมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการควบคุมน้ำหนัก
-
- น้ำมันดอกคำฝอยสามารถลดคอเลสเตอรอลได้หรือไม่?
-
-
- คำตอบ:กรดไลโนเลอิกในน้ำมันดอกคำฝอยอาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) อย่างไรก็ตาม คำตอบของแต่ละคนแตกต่างกันไป และการพิจารณาพฤติกรรมการบริโภคอาหารโดยรวมเป็นสิ่งสำคัญ
-
- ฉันสามารถปรุงอาหารด้วยน้ำมันดอกคำฝอยที่อุณหภูมิสูงได้หรือไม่?
-
-
- คำตอบ:ใช่ น้ำมันดอกคำฝอยมีจุดเกิดควันสูง จึงเหมาะสำหรับวิธีการปรุงอาหารที่อุณหภูมิสูง เช่น การทอดและผัด
-
- มีอาการแพ้ดอกคำฝอยหรือไม่?
-
-
- คำตอบ:การแพ้ดอกคำฝอยนั้นพบได้น้อยมาก แต่บุคคลที่ทราบกันว่าเป็นโรคภูมิแพ้ต่อพืชตระกูล Asteraceae/Compositae ซึ่งรวมถึงแร็กวีดและดาวเรือง อาจมีความเสี่ยง
-
- ดอกคำฝอยมีประโยชน์อื่นใดอีกบ้าง?
-
-
- คำตอบ:กลีบดอกคำฝอยใช้เป็นสีย้อมธรรมชาติ และพืชชนิดนี้มีการนำสมุนไพรมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ กัน
-
- น้ำมันดอกคำฝอยสามารถใช้เฉพาะที่ได้หรือไม่?
-
- คำตอบ:น้ำมันดอกคำฝอยบางครั้งใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเนื่องจากมีคุณสมบัติในการให้ความชุ่มชื้น ขึ้นชื่อเรื่องความบางเบาและซึมเข้าสู่ผิวได้ง่าย
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น