น้ำมันรำข้าว (Rice bran oil)  สกัดจากรำข้าวชั้นนอกของเมล็ดข้าว โดยทั่วไปใช้เป็นน้ำมันปรุงอาหารในกลุ่มประเทศในเอเชีย รวมถึงญี่ปุ่น อินเดีย และจีน ในฐานะที่เป็นผลผลิตจากการสีข้าว ส่วนใหญ่มักใช้รำข้าวเป็นอาหารสัตว์หรือทิ้งเป็นของเสีย เมื่อไม่นานมานี้ได้รับความสนใจเนื่องจากมีประโยชน์ต่อสุขภาพในฐานะน้ำมันที่มีประโยชน์ นี่คือประโยชน์ที่น่าประทับใจ 9 ประการของน้ำมันรำข้าว

1.มีสารอาหารที่มีประโยชน์

น้ำมันรำข้าวให้ไขมันที่ดีต่อสุขภาพและสารอาหารอื่นๆอีกมากมาย หนึ่งช้อนโต๊ะ (14 มล.) แพ็ค 120 แคลอรี่ และไขมัน14 กรัม ในทำนองเดียวกันกับน้ำมันพืชชนิดอื่นๆที่มีประโยชน์ (nontropical vegetable oils ) เช่น คาโนลา (canola) และน้ำมันมะกอก (olive oil) น้ำมันรำข้าวมีสัดส่วนของไขมันไม่อิ่มตัวที่สูง ซึ่งเป็นไขมันที่ดีต่อสุขภาพหัวใจ มากกว่าไขมันอิ่มตัว นอกจากนี้ยังพรั่งพร้อมไปด้วยปริมาณวิตามินอีประมาณร้อยละ 29 ซึ่งเป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน มีส่วนร่วมในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันและสุขภาพของเส้นเลือด สารประกอบอื่นๆในน้ำมันรำข้าว เช่น โทโคไตรอีนอล (Tocotrienol), สารโอรีซานอล (Oryzanol) และสเตอรอล (sterols)  ซึ่งได้รับการศึกษาอย่างแพร่หลาย เพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพของพวกเขา สรุป น้ำมันรำข้าวเป็นแหล่งที่ดีของไขมันไม่อิ่มตัว วิตามินอี และสารอาหารสำคัญอื่นๆ

2. น้ำมันรำข้าว สรรพคุณอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดดีขึ้น

น้ำมันรำข้าวอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดดีขึ้น โดยทำให้ภาวะดื้อต่อฮอร์โมนอินซูลินดีขึ้น (insulin resistance) ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำหรับโรคเบาหวานชนิดที่ 2 อินซูลินช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดโดยการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่เซลล์ หากคุณมีภาวะดื้อต่ออินซูลิน ร่างกายของคุณจะหยุดตอบสนองต่อฮอร์โมนนี้ ในการศึกษาการทดลองในเซลล์ของหนูทดลอง น้ำมันรำข้าวสามารถลดภาวะดื้อต่อฮอร์โมนอินซูลินได้ โดยการไปทำปฏิกิริยากับอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นโมเลกุลที่ไม่เสถียร ในการศึกษา 17 วันในหนูที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2  น้ำมันรำข้าวทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีการเพิ่มขึ้นของระดับอินซูลินในเลือด เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับน้ำมันรำข้าว  การศึกษาในมนุษย์พบผลลัพธ์ที่คล้ายกัน ในตอนเช้าหลังจากที่ผู้ชายที่มีสุขภาพแข็งแรง 19 คน กินอาหารชนิดเดียวกัน ที่มีรำข้าว 3.7 กรัมผสมในน้ำมัน พบว่าระดับน้ำตาลในเลือดของพวกเขาลดลงร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้กิน แต่จากการทดลองไม่พบเปลี่ยนแปลงระดับอินซูลินในเลือด ชี้ให้เห็นว่าน้ำมันรำข้าวอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดดีขึ้น โดยไม่มีผลต่อระดับของอินซูลิน  ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม สรุป น้ำมันรำข้าวอาจช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ และลดภาวะดื้อต่อฮอร์โมนอินซูลินแม้ว่าการทดลองในมนุษย์ยังต้องการผลศึกษามากกว่านี้ 

3.ประโยชน์ของน้ำมันรำข้าวอาจส่งเสริมสุขภาพหัวใจ

ข้าวน้ำมันรำอาจช่วยให้สุขภาพหัวใจดีขึ้น ในความเป็นจริง รัฐบาลญี่ปุ่นยอมรับว่าน้ำมันชนิดนี้ถือเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ เนื่องจากมีผลในการลดคอเลสเตอรอลในเลือด (cholesterol-lowering effects) การศึกษาในหนูทดลองแสดงให้เห็นว่าน้ำมันรำข้าวช่วยลดไขมันเลว (LDL) อย่างมีนัยสำคัญ ขณะเดียวกันยังทำให้ไขมันดี (HDL) เพิ่มขึ้นด้วย  การศึกษาของมนุษย์ก็มีผลเช่นเดียวกัน พบว่าน้ำมันนี้ช่วยลดไขมันเลว (LDL)ได้  การทดลองแบบสุ่ม มีการศึกษาในคน 344 คน ดูความเชื่อมโยงของการบริโภคน้ำมันรำข้าวเพื่อลดระดับไขมันเลว ระดับของไขมันเลวลดลงเฉลี่ย 6.91 มก./ดล. ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจได้ การศึกษา 8 ชิ้นเกี่ยวกับผู้ที่เป็นโรคไขมันในเลือดสูง(hyperlipidemia) หรือไขมันในเลือดที่มีความเข้มข้นสูง ในขณะที่การศึกษาที่เหลืออีก 1 ชิ้น จะติดตามผู้ที่ไม่ได้เป็นโรคนี้ การศึกษา 4 สัปดาห์ในผู้ที่เป็นโรคไขมันในเลือดสูง การรับประทานอาหารแคลอรี่ต่ำด้วยน้ำมันรำข้าว 2 ช้อนโต๊ะ (30 มล.) ต่อวัน ทำให้ไขมันเลวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้งยังลดปัจจัยเสี่ยงโรคหัวใจอื่นๆ  เช่น น้ำหนักตัวและความกว้างรอบสะโพก นักวิจัยระบุว่า การลดลงของระดับคอเลสเตอรอล เป็นผลมาจากสารสเตอรอลที่พบในน้ำมันของพืช ซึ่งป้องกันไม่ให้ร่างกายดูดซึมคอเลสเตอรอลเข้าไป สรุป น้ำมันรำข้าวอาจลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ โดยการลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด 

4. น้ำมันรำข้าวสกัดเย็นมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ

สารประกอบหลายชนิดในน้ำมันรำข้าวมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และต้านการอักเสบ  หนึ่งในสารเหล่านี้คือ สารโอรีซานอล(oryzanol) ซึ่งพบว่ามีผลยับยั้งเอนไซม์หลายชนิดที่ทำให้เกิดการอักเสบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอักเสบในหลอดเลือดและเยื่อหุ้มหัวใจ หากไม่ได้รับการรักษาอาการอักเสบนี้อาจทำให้หลอดเลือดตีบ – หลอดเลือดแดงแข็งตัว (atherosclerosis )และแคบลง ซึ่งอาจนำไปสู่โรคหัวใจได้ นอกจากนี้การศึกษาในห้องทดลองในเซลล์ของหนู พบว่าสารออกฤทธิ์อื่นๆที่เรียกว่าโทโคไตรอีนอล (Tocotrienols) ช่วยยับยั้งการอักเสบ  ในการศึกษา 4 สัปดาห์ ในผู้ที่เป็นโรคไขมันในเลือดสูง 59 คน รับประทานน้ำมันรำข้าวหรือน้ำมันถั่วเหลือง 2 ช้อนโต๊ะ (30 มล.)  เมื่อเทียบกับน้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันรำข้าวทำให้สารต้านอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะช่วยลดปฏิกิริยาออกซิเดชันลงได้ สรุป สารออกฤทธิ์หลายชนิดในน้ำมันรำข้าวรวมทั้งโอรีซานอลและโทโคไตรอีนอล อาจให้ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ

5. อาจจะมีฤทธิ์ต้านมะเร็ง

โทโคไตรอีนอล (Tocotrienols) คือกลุ่มของสารต้านอนุมูลอิสระในน้ำมันรำข้าวที่อาจมีผลต้านการเกิดมะเร็ง การทดสอบในห้องปฏิบัติการและการศึกษาในสัตว์ทดลอง แสดงให้เห็นว่าโทโคไตรอีนอล สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งต่างๆ เช่น เต้านม ปอด รังไข่ ตับ สมอง และตับอ่อน การศึกษาฉบับหนึ่งในหลอดทดลอง พบว่าโทโคไตรอีนอลจากน้ำมันรำข้าว สามารถปกป้องเซลล์ของมนุษย์และสัตว์ไม่ให้สัมผัสกับรังสีในระดับสูง ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตราย เช่น โรคมะเร็ง การศึกษาในหลอดทดลองเพิ่มเติมพบว่า โทโคไตรอีนอลมีผลต้านมะเร็งที่แข็งแกร่งเมื่อใช้รวมกับยาต้านมะเร็งอื่นๆ หรือ การรักษาแบบเคมีบำบัด อย่างไรก็ตาม การบริโภคอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่นโทโคไตรอีนอล ในระหว่างเคมีบำบัด ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ นั่นเป็นเพราะการวิจัยยังมีความคิดเห็นที่แย้งกันว่าการทำเช่นนั้นช่วยเพิ่มหรือลดประสิทธิภาพในการรักษา ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม อย่าลืมว่าน้ำมันรำข้าวไม่ควรถือเป็นการรักษามะเร็ง สรุป การศึกษาในหลอดทดลองและสัตว์ทดลอง ชี้ให้เห็นว่าสารประกอบในน้ำมันรำข้าวอาจป้องกันมะเร็งได้ แต่จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมRice Bran Oil

ประโยชน์ของน้ำมันรำข้าวที่คาดว่าจะได้รับอื่นๆ

น้ำมันรำข้าวมีประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย

6. ช่วยลดกลิ่นปากได้

การล้างสารพิษในปาก (Oil pulling) เป็นวิธีปฏิบัติแบบโบราณที่เกี่ยวข้องกับการบ้วนน้ำมันในปากของคุณเพื่อให้สุขภาพช่องปากดีขึ้น เช่นเดียวกับการบ้วนปากด้วยน้ำยาอื่นๆ การศึกษาชิ้นหนึ่งในหญิงตั้งครรภ์ 30 คน พบว่าการบ้วนปากด้วยน้ำมันรำข้าวสามารถลดกลิ่นปากได้ นักวิจัยคาดการณ์ว่าน้ำมันรำข้าวที่มีสารต้านอนุมูลอิสระอาจมีส่วนในการลดกลิ่นปากนี้

7. อาจเพิ่มภูมิคุ้มกันสุขภาพ

น้ำมันรำข้าวอาจช่วยเพิ่มการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ซึ่งเป็นด่านแรกในการป้องกันแบคทีเรีย ไวรัส และสิ่งมีชีวิตที่ก่อให้เกิดโรคอื่นๆ  ยกตัวอย่างเช่น การศึกษาในห้องทดลองในเซลล์ของหนู พบว่าสารสกัดโอรีซานอล (Oryzanol) จากน้ำมันรำข้าว ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมีการตอบสนองเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าผลจากการทดลองนี้ จะเกิดขึ้นกับมนุษย์หรือไม่

8. อาจบำรุงสุขภาพผิว

สารต้านอนุมูลอิสระในน้ำมันรำข้าวอาจทำให้ผิวมีสุขภาพที่ดีขึ้น

ในการศึกษา 28 วัน พบว่าคนที่มีผิวหนา หยาบ และแห้งกระด้าง มีผิวดีขึ้นหลังจากที่ใช้เจลและครีมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากรำข้าววันละสองครั้ง แม้จะไม่มีการวิจัย แต่ครีมบำรุงผิวและผลิตภัณฑ์อื่นๆที่วางขายในท้องตลาดส่วนใหญ่ มีส่วนผสมของน้ำมันรำข้าวอยู่ สรุป การศึกษาพบว่าน้ำมันรำข้าวสามารถต่อสู้กับกลิ่นปาก เพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน และส่งเสริมสุขภาพผิว ถึงกระนั้นจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม

9. ง่ายต่อการเพิ่มลงในมื้ออาหาร 

น้ำมันรำข้าวมีประโยชน์มากมาย  ซึ่งแตกต่างจากน้ำมันมะกอกและคาโนลา เหมาะสำหรับการทอดและการอบ เนื่องจากมีรสชาติที่ละเอียดอ่อน ซึ่งจะไม่กลบรสชาติอาหาร มีรสชาติหอมคล้ายดิน เช่นเดียวกับน้ำมันถั่วลิสง จุดเด่นคือมีควันในอุณหภูมิที่สูง นั้นหมายความว่าเหมาะสำหรับการปรุงอาหารที่ต้องใช้อุณหภูมิสูง นอกจากนี้ยังมีสารที่เป็นประโยชน์ เช่น ซานอลและโทโคไตรอีนอล ซึ่งจะถูกเก็บไว้อย่างดีเมื่อสุก คุณสามารถใช้น้ำมันสำหรับผัด ทำซุป และทำน้ำสลัด  นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มในซีเรียลร้อนๆ เช่น ข้าวโอ๊ต ได้ด้วย  คุณสามารถผสมน้ำมันรำข้าวกับน้ำมันอื่นๆ เช่น น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันคาโนลา เพื่อความแปลกใหม่  สรุป น้ำมันรำข้าวมีประโยชน์หลากหลายและง่ายต่อการเพิ่มลงไปในอาหารด้วยคุณสมบัติที่มีควันในอุณหภูมิที่สูงและรสชาติอ่อนๆ ทำให้เหมาะสำหรับผัด ทำซุป และทำน้ำสลัด 

ข้อเสียของน้ำมันรำข้าว

น้ำมันรำข้าวถือเป็นน้ำมันปรุงอาหารที่ดีต่อสุขภาพเนื่องจากมีคุณประโยชน์ทางโภชนาการ แต่สิ่งสำคัญคือต้องตระหนักถึงข้อเสียหรือข้อกังวลที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้:
  • กรดไขมันโอเมก้า 6 สูง:แม้ว่าน้ำมันรำข้าวจะมีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน แต่ไขมันส่วนใหญ่เหล่านี้คือกรดไขมันโอเมก้า 6 การบริโภคกรดไขมันโอเมก้า 6 มากเกินไปโดยไม่มีความสมดุลของกรดไขมันโอเมก้า 3 ในอาหารอาจทำให้เกิดความไม่สมดุล ซึ่งอาจส่งเสริมการอักเสบและปัญหาสุขภาพต่างๆ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรักษาอัตราส่วนที่สมดุลของกรดไขมันโอเมก้า 6 ต่อโอเมก้า 3 ในอาหารของคุณ
  • สารก่อภูมิแพ้ที่อาจเกิดขึ้น:บางคนอาจแพ้ข้าวและรวมถึงน้ำมันรำข้าวด้วย หากคุณทราบว่าแพ้ข้าวหรือสงสัยว่าเป็นภูมิแพ้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันนี้
  • วิธีการประมวลผล:คุณภาพของน้ำมันรำข้าวอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับวิธีการประมวลผลที่ใช้ กระบวนการผลิตบางอย่างเกี่ยวข้องกับอุณหภูมิสูงและการใช้ตัวทำละลายเคมี ซึ่งอาจลดคุณค่าทางโภชนาการของน้ำมันและอาจทำให้เกิดสารเคมีตกค้างได้ มองหาน้ำมันรำข้าวสกัดเย็นหรือน้ำมันรำข้าวสกัดเย็นเพื่อเป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ
  • จุดเกิดควันต่ำ:น้ำมันรำข้าวมีจุดเกิดควันค่อนข้างต่ำกว่าเมื่อเทียบกับน้ำมันปรุงอาหารอื่นๆ เช่น น้ำมันคาโนลาหรือถั่วลิสง แม้จะเหมาะกับวิธีการปรุงอาหารส่วนใหญ่ แต่ก็อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการทอดที่อุณหภูมิสูง คุณควรหลีกเลี่ยงการใช้สำหรับการทอดหรือปรุงอาหารที่อุณหภูมิสูงมาก
  • ราคา:ในบางภูมิภาคน้ำมันรำข้าวอาจมีราคาแพงกว่าน้ำมันปรุงอาหารอื่นๆ พิจารณางบประมาณและความต้องการในการทำอาหารของคุณเมื่อเลือกน้ำมันสำหรับห้องครัวของคุณ
  • รสชาติและกลิ่น:บางคนอาจไม่ชอบรสชาติหรือกลิ่นของน้ำมันรำข้าว มีรสชาติค่อนข้างเป็นกลาง แต่สามารถให้รสชาติถั่วอ่อนๆ แก่อาหารได้ ซึ่งอาจไม่เหมาะกับอาหารทุกประเภท
  • การเก็บรักษาและอายุการเก็บรักษา:ควรเก็บน้ำมันรำข้าวไว้ในที่เย็นและมืดเพื่อป้องกันการเกิดออกซิเดชัน มันอาจจะเหม็นหืนเมื่อเวลาผ่านไป ดังนั้นควรตรวจสอบวันหมดอายุและใช้ภายในกรอบเวลาที่เหมาะสม
โดยรวมแล้ว แม้ว่าน้ำมันรำข้าวจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ แต่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ในปริมาณที่พอเหมาะและรักษาสมดุลของอาหารด้วยน้ำมันปรุงอาหารหลากหลายชนิด เพื่อหลีกเลี่ยงข้อเสียที่อาจเกิดขึ้นจากน้ำมันประเภทใดประเภทหนึ่ง หากคุณมีข้อกังวลเรื่องอาหารหรือสุขภาพโดยเฉพาะ เป็นความคิดที่ดีที่จะปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพหรือนักโภชนาการที่ลงทะเบียนเพื่อขอคำแนะนำเฉพาะบุคคล

บทสรุปรวม

น้ำมันรำข้าวผลิตจากรำข้าวชั้นนอกของเมล็ดข้าว ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ส่งเสริมสุขภาพของหัวใจ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด และอาจให้ฤทธิ์ต้านการอักเสบรวมไปถึงต้านเซลล์มะเร็งด้วย

นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา

  • https://www.webmd.com/diet/rice-bran-oil-good-for-you
  • https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/10625933
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด