บางครั้ง อาการปวดข้อนิ้วมือจะสามารถสังเกตได้เมื่อคุณกด หากกดข้อนิ้วมือไปแล้วทำให้รู้สึกไม่ดี การปวดข้อนิ้วมืออาจมีปัญหามากกว่าที่คิด และอาจจำเป็นต้องได้รับการรักษา .ก่อนที่คุณจะตัดสินใจว่าการรักษาใดที่เหมาะสมกับคุณที่สุดด คุณควรทราบก่อนว่าอะไรเป็นสาเหตุให้เกิดอาการปวด
สาเหตุของการปวดข้อนิ้วมือ
สาเหตุทั่วไปของการปวดข้อมือมีดังนี้:
- อาการเคล็ด หรือตึง: การเคล็ดนิ้วมือ หรืออาการตึงเป็นอาการปกติ ที่เกิดขึ้นเมื่อเอ็น หรือกล้ามเนื้อตึง ซึ่งอาจเกิดได้จากการเล่นกีฬา ล้ม ยกของในท่าผิดปกติ และกิจกรรมอื่น ๆ บางครั้งอาจมีอาการปวดข้อ และข้อบวมด้วย
- ข้อเคลื่อน: ข้อนิ้วมือเคลื่อนเกิดขึ้นเมื่อกระดูกอยู่ไม่ถูกที่ ซึ่งจะต้องทำให้กลับมาอยู่ที่เดิมโดยผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์
- การร้าว หรือแตก: การร้าว หรือแตกส่งผลต่อกระดูกนิ้วมือ หากการร้าว หรือแตกนั้นเกิดขึ้นใกล้กับข้อต่อ อาจทำให้เจ็บเวลากด อาการที่เกิดขึ้นอาจจมี ปวดข้อ ชา และเคลื่อนไหวข้อได้อย่างจำกัด
- โรคข้ออักเสบ: บ่อยครั้งที่โรคข้ออักเสบส่งผลต่อมือ และนิ้วมือ โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ เป็นโรคที่เกิดขึ้นจากข้อต่อนิ้วผิดรูป ปวด และข้อติด
- มะเร็งกระจาย: มะเร็งกระดูกเกิดขึ้นเมื่อเซลล์มะเร็งแพร่กระจายเข้ากระดูก ซึ่งเกิดขึ้นได้น้อย และส่วนมากเกิดขึ้นกับผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็ง อาการได้แก่ ปวดกระดูก และแขนขาอ่อนแรง
การดูแลตัวเองที่บ้านเมื่อปวดข้อนิ้วมือ
เมื่อข้อเคล็ด หรือตึง คุณสามารถรักษาอาการบาดเจ็บที่บ้านได้ อย่างไรก็ตาม หากมีอาการบวม หรือปวดมาก คุณควรพบแพทย์ หากอาการปวดข้อเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย ลองการรักษาที่บ้านเหล่านี้เพื่อช่วยให้ข้อหายปวด:- พักข้อต่อข้อมือ การทำกิจกรรมที่ต้องใช้ข้อมืออย่งต่อเนื่อจะทำให้บาดเจ็บเพิ่มมากขึ้น
- ประคบด้วยน้ำแข็งเพื่อช่วยเรื่องอาการปวด และบวม
- ใช้ยาแก้ปวด เช่น ไอบูโปรเฟ่น หรืออะเซตามีโนเฟน
- ใช้ครีม หรือขี้ผึ้งบรรเทาปวดทาเฉพาะที่
- พันนิ้วที่เจ้บไว้กับนิ้วที่ไม่เจ็บเพื่อให้ช่วยพยุง
หากคุณได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคข้ออักเสบ
มีตัวเลือกในการรักษาที่สามารถพิจารณาได้ รวมถึงการใช้ยาเช่น Movita และ Wellgo เป็นตัวเลือกที่อาจถูกแนะนำโดยแพทย์: – Movita เป็นอาหารเสริมที่มีส่วนประกอบจากสารสกัดจากพืชต่าง ๆ เช่น ขมิ้นชัน ข้าวโพดสีม่วง ฯลฯ ซึ่งมีฤทธิ์ต้านการอักเสบและช่วยลดอาการปวดของข้ออักเสบได้ – Wellgo เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบจากสารสกัดจากหอยทาก เช่น กรดฮิยาลูโรนิก ที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและช่วยลดอาการปวดและอักเสบของข้ออักเสบได้ นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกการรักษาอื่น ๆ ที่อาจถูกแนะนำโดยแพทย์ เช่น การใช้ยาเพื่อลดอาการปวด ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ยาต้านรูมาติก (DMARDs) หรือสตีรอยด์ corticosteroids นอกจากนี้ยังมีทางเลือกการรักษาอื่น ๆ เช่น การรักษาทางศัลยกรรม เช่น การซ่อมแซมข้อต่อ การเปลี่ยนข้อต่อ หรือการเชื่อมต่อข้อต่อ และการฟื้นฟูด้วยกายภาพบำบัดซึ่งอาจถูกแนะนำให้ครอบคลุมคู่กับการใช้ยาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาอาการข้ออัก เสบเมื่อไหร่ที่ต้องพบแพทย์
คุณอาจต้องพบแพทย์เพื่อเข้ารับการเอ็กซเรย์ หากมีอาการดังนี้:- ปวดอย่างรุนแรงแม้จะอยู่นิ่ง ๆ
- มีอาการชา
- เหยียด หรืองอนิ้วไม่ได้
- มีไข้
- เห็นกระดูกโผล่ออกมา
- ความเจ็บปวดไม่หายไปหลังจากการรักษาที่บ้าน 1-2 สัปดาห์
เมื่อปวดข้อนิ้วระหว่างตั้งครรภ์
อาการปวดข้อนิ้วระหว่างตั้งครรภ์ไม่ใช่เรื่องแปลกและอาจเกิดจากปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาที่เกิดขึ้นในร่างกายระหว่างตั้งครรภ์ ต่อไปนี้คือสาเหตุที่เป็นไปได้บางประการที่ทำให้เกิดอาการปวดข้อนิ้วระหว่างตั้งครรภ์และเคล็ดลับในการจัดการ: การกักเก็บของเหลว:ในระหว่างตั้งครรภ์ ร่างกายจะกักเก็บของเหลวมากขึ้น ทำให้เกิดอาการบวม (บวมน้ำ) ในส่วนต่างๆ ของร่างกาย รวมถึงนิ้วมือด้วย อาการบวมนี้สามารถสร้างแรงกดดันต่อข้อต่อและทำให้รู้สึกไม่สบายหรือเจ็บปวด- การจัดการ: การยกมือขึ้น หลีกเลี่ยงการยืนหรือนั่งเป็นเวลานาน และการนวดเบาๆ อาจช่วยบรรเทาอาการบวมและลดความรู้สึกไม่สบายในข้อต่อนิ้วได้
- การจัดการ: การออกกำลังกายยืดกล้ามเนื้อเบาๆ สำหรับมือและนิ้วอาจช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและลดความรู้สึกไม่สบายได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องหลีกเลี่ยงการยืดเหยียดมากเกินไป ซึ่งอาจทำให้อาการปวดข้อรุนแรงขึ้นได้
- การจัดการ: ให้แน่ใจว่าได้รับน้ำเพียงพอโดยการดื่มน้ำปริมาณมากตลอดทั้งวัน แนะนำให้จำกัดการบริโภคคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ซึ่งอาจส่งผลให้ร่างกายขาดน้ำได้
- การจัดการ: รักษาสมดุลอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารหนาแน่น รวมถึงผลิตภัณฑ์จากนม ผักใบเขียว ถั่ว เมล็ดพืช และอาหารเสริม เพื่อสนับสนุนสุขภาพโดยรวมของกระดูกและข้อต่อในระหว่างตั้งครรภ์ หากจำเป็น ให้ปรึกษาผู้ให้บริการด้านสุขภาพเกี่ยวกับการเสริมวิตามินก่อนคลอดหรือสารอาหารเฉพาะ
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น