สุขภาพของรักแร้ (Healthy Armpits) – ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจ

รักแร้ไม่ใช่ส่วนที่เซ็กซี่ และมักไม่ค่อยปรากฏให้เห็นเป็นหัวข้อในแวดวงแฟชั่นถึงวิธีที่น้นถึงบ่อยนัก สิ่งที่พูดถึงกันเสมอมักเป็นเรื่องการดูแลไม่ให้มีกลิ่นตัวหรือวิธีกำจัดขนเพื่อป้องกันการเกิดแผลจากมีดโกน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆแล้วนั้นเคยทราบ หรือไม่ว่าสุขภาพของรักแร้สามารถบอกเกี่ยวกับสุขภาพโดยรวมของคุณได้มากขนาดไหน รายละเอียดจากที่เห็นได้กลิ่น และแม้แต่การมีเหงื่อออก ทั้งหมดล้วนมีความสำคัญต่อสุขภาพโดยรวมทั้งหมดได้ ต่อไปนี้จึงเป็นสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับสุขภาพของรักแร้  และรู้ว่าสิ่งไหนควรเป็นสิ่งที่เราควรใส่ใจ หรือสิ่งไหนสามารถเพิกเฉยได้

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับรักแร้ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพโดยรวม 

1. มีผื่นแดง คันอาจเป็นสัญญาณของโรคผิวหนัง

ลักษณะที่เกิดขึ้นที่รักแร้นี้สามารถเข้าใจได้ไม่ยาก-โดยเฉพาะหากมีผื่นขึ้น ผื่นที่รักแร้สามารถเกิดขึ้นได้สองสามเหตุผลที่ต่างกันออกไป หนึ่งในนั้นคือ โรคผิวหนัง โรคผิวหนัง คือ สิ่งที่พบเจอได้บ่อยตามข้อพับของร่างกาย อย่างเช่นที่บริเวณรักแร้ โรคผิวหนังมักเกิดขึ้นในวัยเด็ก แต่สามารถกาสาเหตุที่แน่นอนได้โดยเฉพาะในระหว่างการกำเริบ โรคผิวหนังโดยทั่วไปจะแดง และคันรวมถึงมีเปลือกแข็ง หากสังเกตเห็นอาการดังกล่าวนี้เกิดขึ้นที่บริเวณรักแร้ ก็อาจเป็นเหมือนสัญญาณเตือนว่าอาจเกิดผื่นขึ้นที่บริเวณอื่นๆ ด้วย เช่น ด้านหลังเข่า หรือข้อศอก หากมีอาการดังกล่าวนั้นอาจหมายความว่าคุณอาจเห็นหนังแท้ใต้ผิวหนังควรรีบไปพบแพทย์

2. ผื่นที่แสดงถึงการเกิดอาการภูมิแพ้

เหตุผลที่ผื่นเกิดขึ้นมีได้หลายสาเหตุเช่นเกิดขึ้นเพราะเกิดการระคายเคืองจากส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย น้ำหอม สบู่อาบน้ำ หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆที่สัมผัสผิวบริเวณรักแร้โดยตรง ผื่นชนิดนี้ดูคล้ายคลึงกับโรคผิวหนัง (แดง และคัน) แต่ผื่นลักษณะนี้จะไม่มีเปลือกแข็ง และมักไม่เกิดขึ้นในบริเวณอื่นๆของร่างกาย หากมีการเปลี่ยนเครื่องสำอางไปเป็นชนิดใหม่ และเกิดผื่นขึ้นที่บริเวณรักแร้นั้นอาจเป็นตัวบ่งบอกว่ามีบางสิ่งบางอย่างในผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อร่างกาย หรืออาจเกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ขึ้น

3. อาการบวม คัน และผิวลอกอาจบ่งบอกว่าเกิดการติดเชื้อรา

การติดเชื้อราไม่ได้เกิดขึ้นได้เฉพาะแต่ในบริเวณช่องคลอดเท่านั้น สามารถเกิดขึ้นได้ที่บริเวณใต้วงแขนได้ ซึ่งอาจเป็นสัญญานว่าร่างกายมีการผลิตเชื้อรามากเกินไป “ในบางคนอาจมีแนวโน้มในการติดเชื้อราได้มากกว่าคนอื่น-หากมีการบริโภคน้ำตาลในปริมาณมาก- หากมีการเจริญเติบโตของเชื้อราที่มากเกินไป อาจทำให้เกิดอาการบวม คัน และผิวลอกเกิดขึ้นได้ที่บริเวณใต้วงแขน และยิ่งอาจแย่ลงเมื่ออากาศร้อนหรือใส่เสื้อผ้าคับแน่นเกินไป รวมถึงการขาดสุขอนามัยที่ดีก็อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดการเจริญเติบโตของเชื้อราที่รักแร้ได้

Healthy Armpits

4. เหงื่อออกมากเกินไปอาจเป็นสัญญานของวิถีประสาทที่ทำงานมากเกินไป

นอกจากสิ่งที่ปรากฏให้เห็นแล้ว อาการเหงื่ออกก็เป็นอีกหนึ่งเบาะแสที่บอกสุขภาพของรักแร้ได้ การมีเหงื่อออกมากเกินไปที่เรียกว่าภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติ มักไม่มีสาเหตุมาจากโรค สาเหตุของการมีเหงื่อออกมากคือ มีการทำงานที่มากเกินไปในวิถีประสาท แต่ไม่ใช่สิ่งที่ต้องเป็นกังวล เพราะสามารถรักษาได้ง่ายๆเมื่อไปพบแพทย์ การรักษาด้วยการฉีดโบท็อกซ์สามารถแก้ปัญหานี้ได้ อาหารรสจัด แอลกอฮอล์ และความเครียดก็อาจเป็นสาเหตุของการมีเหงื่อออกมาได้ ดังนั้นจึงควรพยายามจำกัดการรับประทานอาหารดังกล่าวหากมีแนวโน้มที่จะมีเหงื่อออกมากกว่าคนปกติทั่วไป

5. มีกลิ่นตัวเหม็นสามารถบ่งบอกค่าพีเอชที่ไม่ดี

หากไม่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย รักแร้คงไม่ได้มีกลิ่นหอมราวกับดอกกุหลาบแน่นอน กลิ่นสามารถเกิดขึ้นได้เมื่อเหงื่อออกมาสัมผัสกับเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนัง กลิ่นจะยิ่งมีความรุนแรงเมื่อมีเชื้อแบคทีเรียมาก ซึ่งอาจเกิดขึ้นเพราะระดับค่า pH เกิดความไม่สมดุล เป็นสาเหตุทำให้เกิดแบคทีเรีย “ตัวเลว” มากเกินไปในลำไส้ หากคุณมีกลิ่นตัวนั้นอาจหมายความถึงว่าลำไส้คุณอาจมีบางอย่างที่ต้องจัดการ

6. กลิ่นที่เปลี่ยนไปอาจเป็นสัญญานของภาวะขาดน้ำ 

ภาวะขาดน้ำอาจเป็นสาเหตุให้เกิดกลิ่นที่รักแร้รุนแรงมากขึ้น พบว่าการมีเหงื่อออกมากเกินไปในระหว่างการออกกำลังกาย หรือเมื่อากาศร้อน สิ่งที่สำคัญคือต้องเติมน้ำให้แก่ร่างกายเพื่อทดแทนน้ำที่หายไปกับเหงื่อ 

อาหารที่เกี่ยวกับกับกลิ่นของรักแร้

อาหารบางชนิดอาจทำให้เกิดกลิ่นตัวเนื่องจากผลกระทบต่อองค์ประกอบของเหงื่อหรือผลพลอยได้ที่เกิดขึ้นระหว่างการย่อยอาหาร ต่อไปนี้คืออาหารบางชนิดที่อาจส่งผลต่อกลิ่นตัว:

1. อาหารรสเผ็ด:

  • เครื่องเทศ เช่น กระเทียม หัวหอม และแกงอาจมีสารประกอบที่เมื่อสลายตัวในร่างกายแล้วอาจทำให้เกิดกลิ่นตัวที่เด่นชัดได้

2. ผักบางชนิด:

  • ผักตระกูลกะหล่ำ เช่น บร็อคโคลี กะหล่ำปลี และดอกกะหล่ำมีสารประกอบกำมะถันที่สามารถปล่อยออกมาได้ในระหว่างการย่อยอาหารและอาจทำให้เกิดกลิ่นตัวได้

3. เนื้อแดง:

  • การย่อยเนื้อแดงอาจทำให้เกิดผลพลอยได้ที่อาจส่งผลต่อกลิ่นตัว บางคนรายงานว่ากลิ่นตัวเปลี่ยนไปเมื่อรับประทานเนื้อแดงเป็นจำนวนมาก

4. ปลากลิ่นแรง:

  • ปลาที่มีโคลีนสูง เช่น ปลาแมคเคอเรลและปลาแซลมอน อาจทำให้เกิดกลิ่นคาวได้เนื่องจากการสลายโคลีนออกเป็นไตรเมทิลลามีน ซึ่งเป็นสารประกอบที่มีกลิ่นรุนแรง

5. แอลกอฮอล์:

  • แอลกอฮอล์สามารถเปลี่ยนองค์ประกอบของเหงื่อและอาจส่งผลให้มีกลิ่นอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ร่างกายอาจทำงานเพื่อกำจัดผลพลอยได้จากการเผาผลาญแอลกอฮอล์ผ่านทางเหงื่อ

6. อาหารแปรรูป:

  • อาหารขยะและอาหารแปรรูปสูงอาจมีสารปรุงแต่ง สารกันบูด และส่วนผสมสังเคราะห์ ซึ่งเมื่อถูกเผาผลาญอาจส่งผลต่อกลิ่นตัวได้

7. หน่อไม้ฝรั่ง:

  • หน่อไม้ฝรั่งมีสารประกอบกำมะถันซึ่งเมื่อสลายตัวในร่างกายจะทำให้เกิดกลิ่นเฉพาะตัวในปัสสาวะได้ แม้ว่าสิ่งนี้จะไม่ส่งผลโดยตรงต่อกลิ่นรักแร้ แต่ก็คุ้มค่าที่จะสังเกต

8. คาเฟอีน:

  • บางคนรายงานว่ากลิ่นตัวเปลี่ยนไปเมื่อดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนในปริมาณมากเกินไป

9. ผลิตภัณฑ์นม:

  • ผลิตภัณฑ์จากนมอาจทำให้เกิดกลิ่นตัวในบางคน ซึ่งอาจเกิดจากการสลายโปรตีนในนมระหว่างการย่อยอาหาร
การตอบสนองต่ออาหารของแต่ละคนแตกต่างกันไป และไม่ใช่ทุกคนที่จะมีกลิ่นตัวเปลี่ยนแปลงไปตามการเลือกรับประทานอาหาร หากคุณกังวลเกี่ยวกับกลิ่นตัวที่ถาวรหรือรุนแรงผิดปกติ ขอแนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเพื่อขจัดปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่ นอกจากนี้ การรักษาอาหารที่สมดุล สุขอนามัยที่ดี และการดื่มน้ำให้เพียงพอเป็นปัจจัยสำคัญในการจัดการกลิ่นตัว
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด