ประโยชน์ของฟักทอง (Health Benefits of Pumpkin)

ฟักทองคืออะไร

ฟักทอง (Pumpkin) เป็นฟักชนิดหนึ่งที่อยู่ในพืชตระกูลแตง Cucurbitaceae  ฟักทองมีถิ่นกำเนิดในอเมริกาเหนือ และเป็นที่นิยมอย่างยิ่งในช่วงวันขอบคุณพระเจ้า และวันฮาโลวีน คนทั่วไปมักมองว่าฟักทองนั้นเป็นผลไม้ แต่ในทางวิทยาศาสตร์แล้วฟักทองมีประโยชน์ทางสารอาหารที่เหมือนผักมากกว่าผลไม้ นอกเหนือจากรสชาติที่อร่อยแล้วฟักทองยังมีคุณค่าทางโภชนาการที่ดีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย

และนี่คือประโยชน์ของฟักทองที่ดีต่อสุขภาพของเรา

1. มีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยเฉพาะวิตามิน A

ฟักทองนั้นมีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก โดยฟักทอง 1 ถ้วย (245 กรัม) ประกอบไปด้วย :
  • แคลอรี่: 49 แคลรี่
  • ไขมัน: 0.2 กรัม
  • โปรตีน: 2 กรัม
  • คาร์โบไฮเดรต: 12 กรัม
  • ไฟเบอร์: 3 กรัม
  • วิตามิน A: 245% ของปริมาณโภชนาการที่แนะนำต่อวัน
  • วิตามิน C : 19% ของปริมาณโภชนาการที่แนะนำต่อวัน
  • โพแทสเซียม: 16% ของปริมาณโภชนาการที่แนะนำต่อวัน
  • ทองแดง: 11% ของปริมาณโภชนาการที่แนะนำต่อวัน
  • แมงกานีส: 11% ของปริมาณโภชนาการที่แนะนำต่อวัน
  • วิตามินบี 2: 11% ของปริมาณโภชนาการที่แนะนำต่อวัน
  • วิตามินอี: 10% ของปริมาณโภชนาการที่แนะนำต่อวัน
  • เหล็ก: 8% ของปริมาณโภชนาการที่แนะนำต่อวัน
  • แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส สังกะสี โฟเลต และวิตามิน B หลายชนิด
นอกจากจะเต็มไปด้วยวิตามิน และแร่ธาตุแล้ว ฟักทองยังมีแคลอรี่ที่ต่ำมากๆ เนื่องจากมีน้ำเป็นองค์ประกอบ 94% นอกจากนี้ยังมีเบต้าแคโรทีนสูงมาก โดยเบต้าแคโรทีนนั้นเป็นแคโรทีนอยด์ที่ร่างกายขอต้องการ และเมื่อร่างกายได้รับสุดท้ายจะถูกเปลี่ยนเป็นวิตามิน A นอกจากนี้ประโยชน์เมล็ดฟักทองก็คือ สามารถรับประทานได้เช่นกัน โดยมีคุณค่าทางโภชนาการที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพด้วยเช่นกัน

2. ฟักทองประโยชน์ในการต้านสารอนุมูลอิสระจัดการกับโรคเรื้อรัง

สารอนุมูลอิสระ คือ โมเลกุลที่เกิดจากกระบวนการเผาผลาญของร่างกาย แม้ว่าจะไม่ค่อยสเถียร แต่ก็มีหน้าที่สำคัญในการช่วยทำลายแบคทีเรียที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่อย่างไรก็ตามสารอนุมูลอิสระที่มากเกินไปในร่างกาย จะทำให้เกิดความเครียดจากการออกซิเดชั่น ที่มีความเกี่ยวข้องกับความเจ็บป่วยเรื้อรัง อาทิเช่น โรคหัวใจ และมะเร็ง ฟักทองนั้นมีสารต้านอนุมูลอิสระเช่น อัลฟาแคโรทีน เบต้าแคโรทีน และเบต้า – คริปโตแซนธิน สารเหล่านี้มีฤทธิ์ต่อต้านสารอนุมูลอิสระ ช่วยให้เซลล์ไม่ถูกทำลาย การศึกษาในห้องปฏิบัติการ และสัตว์ทดลอง พบว่า สารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้ช่วยปกป้องผิวจากการถูกทำลายของแสงแดด และลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง ปัญหาการมองเห็น และอื่นๆ อย่างไรก็ตามการศึกษาเหล่านั้นยังคงต้องหาหลักฐานเพิ่มเติมอีก

3. สรรพคุณฟักทองเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

ฟักทองนั้นเต็มไปด้วยสารอาหารที่ช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ อย่างแรกเลยฟักทองมีเบต้าแคโรทีนในปริมาณสูงซึ่งสารนี้ในที่สุดจะถูกเปลี่ยนเป็นวิตามิน A มีการศึกษาที่พบว่า วิตามิน A สามารถเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และต่อต้านการติดเชื้อต่าง และแน่นอนว่าหากขาดวิตามิน A ระบบภูมิคุ้มในร่างกายจะอ่อนแอ ฟักทองยังมีวิตามิน C สูง ทำให้สามารถเพิ่มการผลิตเม็ดเลือดขาวช่วยให้เซลล์ภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น นอกเหนือจากวิตามิน 2 ชนิดที่กล่าวมา ฟักทองยังเป็นแหล่งวิตามิน E ธาตุเหล็ก และโฟเลตที่ดี ซึ่งต่างก็ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย 

4. ฟักทองสรรพคุณช่วยปกป้องสายตา

เมื่ออายุเพิ่มขึ้นสายตาก็จะแย่ลงเรื่อยๆ การรับประทานสารอาหารที่เหมาะสมสามารถลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียสายตาได้ ฟักทองนั้นอุดมไปด้วยสารอาหารที่ช่วยรักษาการมองเห็นที่ดีในอายุที่เพิ่มมากขึ้นได้ เช่น เบต้าแคโรทีนช่วยให้ร่างกายของคุณมีวิตามิน A ที่จำเป็น โดยหากขาดวิตามิน A อย่างรุนแรงก็สามารถที่จะเป็นหนึ่งในสาเหตุของการตาบอดได้  ฟักทองนั้นเป็นหนึ่งในแหล่งที่ดีที่สุดของลูทีน และซีแซนทีนซึ่งเป็นสารประกอบที่สามารถลดการเสื่อมสภาพของดวงตาที่เกี่ยวข้องกับอายุ (AMD) และต้อกระจกได้ นอกจากนี้ยังมีวิตามิน C และ E ในปริมาณที่เหมาะสมที่จะเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และช่วยป้องกันไม่ให้สารอนุมูลอิสระทำลายเซลล์ตาได้ 

5. กินฟักทองอ้วนไหม   ฟักทองช่วยลดน้ำหนักได้จากแคลอรี่ต่ำ แต่คุณค่าทางอาหารสูง

กินฟักทองอ้วนไหม  คงเป็นไปได้ยาก เพราะฟักทองนั้นมีความหนาแน่นของสารอาหารมาก และมีแคลอรี่ที่ต่ำ ฟักทองมีแคลอรี่ต่ำกว่า 50 แคลอรี่ต่อ 1 ถ้วย (245 กรัม) และประกอบด้วยน้ำประมาณ 94% อธิบายได้ง่ายๆ ว่า ฟักทองเป็นอาหารที่เหมาะกับการรับประทานในช่วงลดน้ำหนัก เพราะสามารถบริโภคได้ในปริมาณมากกว่าแหล่งคาร์โบไฮเดรตอื่น ๆ อย่างข้าว และมันฝรั่ง และก็มีแคลอรี่น้อยมากๆ อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นฟักทองยังเป็นแหล่งไฟเบอร์ที่ดีที่จะสามารถลดความอยากอาหารได้ Health Benefits of Pumpkin

6. ฟักทองประโยชน์มีสารต้านอนุมูลอิสระ อาจจะช่วยป้องกันมะเร็งได้

มะเร็งเป็นโรคร้ายแรงที่เกิดจากการเจริญเติบโตที่ผิดปกติของเซลล์มะเร็ง เซลล์มะเร็งผลิตอนุมูลอิสระ ทำให้เซลล์เหล่านี้สามารถเพิ่มจำนวนได้อย่างรวดเร็ว ฟักทองมีแคโรทีนอยด์สูงซึ่งสามารถทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ  โดยการต้านสารอนุมูลอิสระสามารถช่วยป้องกันมะเร็งบางชนิดได้ มีงานวิจัยจำนวนมากพบว่า ผู้ที่รับประทานอัลฟาแคโรทีน และเบต้าแคโรทีนในปริมาณสูง ทำให้ความเสี่ยงของมะเร็งกระเพาะอาหารลดลงได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และมีงานวิจัยอื่นที่พบว่า ผู้ที่รับประทานแคโรทีนอยด์ในปริมาณสูงจะสามารถลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งลำคอ มะเร็งตับอ่อน มะเร็งเต้านมและมะเร็งอื่น ๆ ได้ อย่างไรก็ตามนักวิทยาศาสตร์ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่าเป็นเพราะแคโรทีนอยด์เอง หรือปัจจัยอื่น ๆ เช่น พฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้ที่บริโภคอาหารที่อุดมด้วยแคโรทีนอยด์จะมีพฤติกรรมในการใช้ชีวิตอื่นๆ ที่ดีต่อสุขภาพด้วยเช่นกัน

7. เมล็ดฟักทองมีโพแทสเซียม ไฟเบอร์ และวิตามิน C ดีต่อสุขภาพหัวใจ

ฟักทองมีสารอาหารมากมายที่สามารถช่วยฟื้นฟูสุขภาพหัวใจได้ มีโพแทสเซียม วิตามิน C และไฟเบอร์สูง ซึ่งมีประโยชน์ต่อหัวใจ มีการศึกษาที่พบว่า ผู้ที่รับประทานโพแทสเซียมในปริมาณสูงมีแนวโน้มที่จะมีความดันโลหิตลดลง และลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ ฟักทองยังมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงที่จะช่วยป้องกัน คอเลสเตอรอลที่ “ไม่ดี” (LDL)  จากการออกซิไดซ์ เมื่อคอเลสเตอรอล LDL ถูกออกซิไดซ์จะสามารถเกาะตามผนังของหลอดเลือดซึ่งสามารถทำให้หลอดเลือดนั้นมีความเสี่ยงสูงต่อการเป็นโรคหัวใจ

8. มีสารที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพผิว

ฟักทองเต็มไปด้วยสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพผิว อย่างแรกเลยคือ มีแคโรทีนอยด์สูง เช่น เบต้าแคโรทีนซึ่งร่างกายจะเปลี่ยนเป็นวิตามิน A โดยฟักทองปรุงสุก 1 ถ้วย (245 กรัม) มีวิตามิน A 245% ของโภชนาการที่แนะนำต่อวัน มีการศึกษาที่พบว่า แคโรทีนอยด์ เช่น เบต้าแคโรทีนนั้นสามารถทำหน้าในการป้องกันผิวจากแสงแดดธรรมชาติได้ เมื่อรับประทานฟักทองเข้าไปแล้วแคโรทีนอยด์จะถูกลำเลียงไปยังอวัยวะต่างๆ รวมถึงผิวหนังของคุณด้วย ทำให้สามารถช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากการทำลายโดยรังสียูวีที่เป็นอันตราย ฟักทองยังมีวิตามิน C สูงซึ่งจำเป็นต่อสุขภาพผิว ร่างกายต้องการวิตามิน C เพื่อสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนที่ทำให้ผิวแข็งแรง และมีสุขภาพดี อีกทั้งฟักทองยังมีลูทีน ซีแซนทีน วิตามิน E และสารต้านอนุมูลอิสระจำนวนมากที่ช่วยเพิ่มการป้องกันผิวจากรังสียูวีได้

9. สามารถปรุงอาหารได้ง่าย และหลากหลาย

ฟักทองมีรสชาติอร่อย และสามารถทำอาหารได้หลากหลาย รสชาติหวานมันทำให้ฟักทองเป็นส่วนประกอบยอดนิยมในอาหาร เช่นคัสตาร์ด พาย และแพนเค้ก และในอาหารคาวอย่างฟักทองย่าง และพาสต้า ฟักทองมีผิวที่แข็งมาก ดังนั้นจึงต้องใช้ความพยายามในการหั่น เมื่อหั่นแล้วให้ตักเมล็ดออกให้หมด และฝานฟักทองออกเป็นชิ้น เมล็ดฟักทองนั้นรับประทานได้ เช่น การนำไปทำเมล็ดฟักทองอบ เป็นต้น และเมล็ดฟักทองประโยชน์ คือ เต็มไปด้วยสารอาหารที่ให้ประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย โดยเมล็ดฟักทองช่วยให้สุขภาพของกระเพาะปัสสาวะ และหัวใจดีขึ้น นอกจากนี้ฟักทองยังมีจำหน่ายทั้งผลสด และแปรรูป ทำให้ง่ายต่อการทำอาหาร หากซื้อฟักทองบรรจุกระป๋องโปรดอ่านฉลากอย่างระมัดระวัง เนื่องจากผลิตภัณฑ์อาจไม่ใช่ฟักทอง 100% และถ้าเป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงที่มีการปรุงแต่งด้วยน้ำตาล วิธีรับประทานฟักทองที่ง่ายที่สุด คือ ปรุงรสด้วยเกลือ และพริกไทยแล้วย่างในเตาอบ หรือในฤดูหนาวนิยมทำเป็นซุปฟักทอง

ใครบ้างที่ไม่ควรรับประทานฟักทอง 

ฟักทองมีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมาก และคนทั่วไปสามารถรับประทานได้ อย่างไรก็ตามบางคนอาจมีอาการแพ้ฟักทอง นอกจากนี้ฟักทองยังถือว่าเป็นยาขับปัสสาวะอ่อน ๆ หมายความว่าการรับประทานฟักทองมาก ๆ อาจทำให้เกิดการขับน้ำ หรือเกลือแร่ออกจากร่างกายทางปัสสาวะ ผลกระทบนี้อาจเป็นอันตรายต่อผู้ที่รับประทานยาบางชนิดอย่างเช่น ยาขับปัสสาวะลิเทียม เป็นต้น แม้ว่าฟักทองจะดีต่อสุขภาพ แต่อาหารขยะที่มีส่วนประกอบของฟักทอง เช่น ขนม และพาย มักจะเต็มไปด้วยน้ำตาลปริมาณมาก ซึ่งไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายเลย  ฟักทองนั้นอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ เมล็ดฟักทองสรรพคุณก็มากมายไปต่างกับเนื้อฟักทองเช่นกัน และมีแคลอรี่ที่ต่ำมากๆ เหมาะกับรับประทานในช่วงเวลาที่ลดน้ำหนัก ฟักทองไม่ว่าจะเป็นผล หรือเมล็ดฟักทองสารอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระในฟักทองปริมาณมากสามารถช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันปกป้องสายตา ลดความเสี่ยงโรคมะเร็งบางชนิด และส่งเสริมสุขภาพของหัวใจ และผิวหนัง

อาหารจากฟักทองมีอะไรบ้าง

  • ผัดฟักทองใส่ไข่ 
  • ซุปฟักทอง  
  • พายไก่ฟักทอง  
  • แกงฟักทอง 
  • ฟักทองมันบด  
  • ฟักทองเชื่อม
  • ฟักทองบวช
ฟักทองสามารถประกอบเป็นอาหารที่หลากหลาย และง่ายต่อการปรุงอาหารทั้งคาว และหวาน ลองผสมฟักทองเข้าไปในมื้ออาหารของคุณดู เพื่อเริ่มต้นสุขภาพที่ดี

ใครที่ไม่ควรรับประทานฟักทอง

โดยทั่วไปฟักทองเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและมีประโยชน์หลากหลายและปลอดภัยสำหรับคนส่วนใหญ่ในการบริโภค อย่างไรก็ตาม มีบุคคลอาจจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงหรือจำกัดการบริโภคฟักทอง:
  • อาการแพ้:บางคนอาจมีอาการแพ้ส่วนประกอบบางอย่างที่พบในฟักทอง เช่น โปรตีนจำเพาะหรือสารประกอบอื่นๆ ปฏิกิริยาการแพ้อาจมีตั้งแต่อาการเล็กน้อย เช่น คันหรือลมพิษ ไปจนถึงปฏิกิริยารุนแรง เช่น หายใจลำบาก ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ฟักทองควรหลีกเลี่ยงฟักทองและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
  • ความไวต่อระบบทางเดินอาหาร:สำหรับบางคนที่มีความไวต่อการย่อยอาหารหรือมีอาการเช่นอาการลำไส้แปรปรวน (IBS) การบริโภคอาหารที่มีเส้นใยสูงเช่นฟักทองอาจทำให้รู้สึกไม่สบาย ปริมาณเส้นใยสูงในฟักทองอาจทำให้ปัญหาทางเดินอาหารรุนแรงขึ้นได้
  • ฟักทองดิบสำหรับบางคน:บางคนอาจรู้สึกไม่สบายทางเดินอาหารเมื่อบริโภคฟักทองดิบหรือปรุงไม่สุก การปรุงฟักทองให้ละเอียดจะทำให้ย่อยง่ายขึ้น
  • ข้อกังวลเรื่องน้ำตาลในเลือด:แม้ว่าฟักทองจะมีคาร์โบไฮเดรตค่อนข้างต่ำและมีดัชนีน้ำตาลในเลือดต่ำ แต่ผู้ที่เป็นเบาหวานหรือผู้ที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดควรบริโภคฟักทองในปริมาณที่พอเหมาะ สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาขนาดชิ้นส่วนและน้ำตาลที่เพิ่มในอาหารที่ทำจากฟักทอง
  • ข้อจำกัดด้านอาหารส่วนบุคคล:ผู้ที่มีข้อจำกัดด้านอาหารโดยเฉพาะ เช่น ผู้ที่รับประทานอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำหรือผู้ที่ไวต่ออาหารบางประเภท อาจจำเป็นต้องจำกัดการบริโภคฟักทองตามแผนการรับประทานอาหารของตน
  • การโต้ตอบกับยา:ยาบางชนิดสามารถโต้ตอบกับสารอาหารบางชนิดที่พบในฟักทองได้ หากคุณกำลังใช้ยาที่อาจทำปฏิกิริยากับสารอาหารที่มีอยู่ในฟักทอง ขอแนะนำให้ปรึกษาผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพของคุณเพื่อขอคำแนะนำ
สำหรับคนส่วนใหญ่ ฟักทองเป็นอาหารเสริมที่มีคุณค่าทางโภชนาการและอร่อยจากการรับประทานอาหารที่สมดุล หากคุณมีข้อกังวลหรือสภาวะสุขภาพที่เฉพาะเจาะจง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพหรือนักโภชนาการเพื่อพิจารณาว่าการรวมฟักทองในอาหารของคุณเหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณหรือไม่

นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา

  • https://www.medicalnewstoday.com/articles/279610
  • https://www.webmd.com/food-recipes/features/6-surprising-health-benefits-of-pumpkin
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด