มะระ (Bitter Grourd) มะระไม่ใช่ผัก แต่เป็นผลไม้ ส่วนของมะระที่ใช้บริโภคและกินเพื่อรักษาโรคต่าง ๆ คือส่วนผลแสนขมของมะระนั่นเอง แม้ว่าผู้คนมักจะไม่ชื่นชอบรสขมของมะระ แต่หากมองข้ามความไม่ชื่นชอบนี้ไป ก็จะได้พบกับประโยชน์มากมายของการดื่มน้ำมะระกันได้แล้ว น้ำมะระมีสารอาหารที่สำคัญตั้งแต่ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม และวิตามินซึ่งก็คือโพแทสเซียม และวิตามินซี เป็นแหล่งใยอาหารที่ดีเยี่ยม และยังมีแคลเซียมมากกว่าผักโขมถึง 2 เท่า เบต้าแคโรทีนมากกว่าบรอกโคลี และโพแทสเซียมมากกว่ากล้วย นับเป็นประโยชน์สำคัญของน้ำมะระ เพื่อให้ดื่มง่าย และลดความขมของเครื่องดื่มมะระคือการเติมน้ำผึ้งหรือน้ำตาลโตนดลงไปเล็กน้อย หรือทำน้ำมะระคู่กับผลไม้ที่มีรสหวานอื่น ๆ อย่างแอปเปิ้ล หรือลูกแพร์ และยังสามารถเติมน้ำมะนาวเพื่อลดรสชาติขมที่รุนแรงของน้ำมะระ พริกไทยดำ และขิงสักหยิบมือก็สามารถช่วยให้รสชาติดีขึ้นได้เช่นกัน การปรับปรุงรสชาติจะช่วยให้ผู้ดื่มได้ประโยชน์ที่น่าอัศจรรย์ของมะระได้เต็มที่
คุณค่าทางโภชนาการของมะระ
จากข้อมูลของ USDA พบว่ามะระ 100 กรัมให้พลังงานประมาณ 34 แคลอรี่ มีปริมาณโซเดียม 13 มิลลิกรัม โพแทสเซียม 602 กรัม คาร์โบไฮเดรต 7 กรัม และโปรตีน 3.6 กรัม โดยมีประโยชน์ของน้ำมะระ ดังต่อไปนี้
-
ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือด: องค์การอนามัยโลกประเมินว่ามีผู้ป่วยโรคเบาหวานกว่า 382 ล้านคนทั่วโลก มะระมีสารประกอบคล้ายอินซูลินที่เรียกว่า Polypeptide-p หรือ p-insulin ซึ่งมีสรรพคุณว่าสามารถควบคุมเบาหวานได้ตามธรรมชาติ จากการศึกษาในปี 2554 ที่ตีพิมพ์ใน sJournal Ethnopharmacolgy จากการทดลองทางการแพทย์ 4 สัปดาห์ พบว่าผลของมะระ 2,000 มก. เมื่อรับประทานเป็นประจำจะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างมีนัยสำคัญในผู้ป่วยโรคเบาหวานประเภท 2 จากการศึกษาพบว่าอินซูลินจากพืชในมะระสามารถบรรเทาอาการในผู้ป่วยเบาหวานประเภท 1 ได้เช่นกัน รายงานอีกฉบับที่ออกใน Journal of Chemistry & Biology ได้ระบุข้อเท็จจริงว่ามะระสามารถเพิ่มการดูดซึมกลูโคส และปรับปรุงระบบการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานที่ต้องกินยาลดระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำ อาจสามารถลดปริมาณยาของพวกเขาได้เมื่อดื่มน้ำมะระขม ๆ ได้ทุกวัน แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนลดยาด้วย
-
ลดระดับไขมันไม่ดีอย่างคอเลสเตอรอล: ดร. อันจู ซูดนักโภชนาการจากบังคาลอร์กล่าวว่า “น้ำมะระช่วยต้านการอักเสบและช่วยลดระดับไขมันไม่ดีอย่างคอเลสเตอรอลในร่างกายได้ จึงช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจวาย และโรคหลอดเลือดสมองได้ดี” นอกจากนี้ยังช่วยรักษาความดันโลหิตของร่างกายได้ เนื่องจากอุดมไปด้วยโพแทสเซียมที่สามารถดูดซับโซเดียมส่วนเกินในร่างกายได้ มะระอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก และกรดโฟลิกซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอง และทำให้หัวใจของผู้ดื่มแข็งแรงขึ้น
-
ช่วยให้ผิวเปล่งปลั่ง และผมเป็นมันวาว: หากกำลังต้องการตัวช่วยเรื่องผิว ซิมราน ไซนี จากโรงพยาบาลฟอร์ทิสในกรุงนิวเดลีระบุว่าในน้ำมะระมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง และวิตามินเอ และซีที่ช่วยป้องกันไม่ให้ผิวแก่ก่อนวัยและลดเลือนริ้วรอยได้ดี นอกจากนี้ยังช่วยลดการเกิดสิว ช่วยการรักษาโรคผิวหนังอักเสบ และโรคสะเก็ดเงิน และช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีที่เป็นอันตราย
อุดมไปสารอาหารที่จำเป็นต่อผิวอย่างวิตามินเอ วิตามินซี ไบโอติน และสังกะสี ซึ่งช่วยเพิ่มความเปล่งปลั่งและความมันวาวให้กับผิวของผู้อื่มน้ำมะระได้ดี และยังสามารถใช้น้ำมะระขี้นกกับหนังศีรษะโดยตรงได้อีกด้วย การใช้เป็นประจำจะช่วยลดอาการผมร่วง ผมหงอก รักษาผมแตกปลาย ผมหยาบกร้าน ขจัดรังแค และบรรเทาอาการคันหนังศรีษะได้ วิธีใช้น้ำมะระเพื่อหยุดผมร่วงได้โดยชะโ,มบนหนังศรีษะโดยตรง หรือนำไปผสมกับนมเปรี้ยวก่อนนำมานวดบนหนังศีรษะและเส้นผมเพื่อบำรุงเส้นผม วิธีใช้เพื่อรักษารังแคคือนำน้ำมะระ ผสมเมล็ดยี่หร่า และน้ำมะนาวหนึ่งช้อนโต๊ะมาชโลมบนหนังศรีษะ ทิ้งไว้นาน 30 นาทีแล้วล้างออก ดร. ไซนี ยังกล่าวว่าน้ำมะระสามารถทำหน้าที่ช่วยให้เลือดสะอาดขึ้นได้ด้วย
-
รักษาอาการเมาค้าง และทำให้ตับสะอาด: หากมีแอลกอฮอล์ในเลือดสูงเกินไป ระบบการทำงานของร่างกายจะปั่นป่วนและมีปัญหา การกำจัดแอลกอฮอล์ที่รวดเร็วโดยการจิบน้ำมะระขี้นกจะช่วยขจัดความมึนเมาและโทษของมะระที่เกาะอยู่ในตับของผู้ดื่มได้ น้ำมะระจะช่วยทำความสะอาดลำไส้และแก้ไขปัญหาของตับได้หลายด้าน โดยในรายงานที่ตีพิมพ์ใน International Journal of Vitamin and Nutrition ได้สรุปผลการศึกษาว่าสารประกอบที่เรียกว่า Momordica Charantia ในมะระจะช่วยป้องกันอาการตับวายได้ เพราะจะช่วยเสริมสร้างสารต้านอนุมูลอิสระให้กับเอนไซม์ในตับได้ และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของกระเพาะปัสสาวะด้วย
-
ช่วยลดน้ำหนัก: มะระมีแคลอรี่ ไขมันและคาร์โบไฮเดรตต่ำ แต่ช่วยให้ผู้ดื่มอิ่มได้นานขึ้น จึงเป็นสิ่งที่เหมาะกับแผนการลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดี รายงานฉบับปี 2010 ที่ตีพิมพ์ในวารสาร BMC Complementary and Alternative Medicine ระบุว่าสารสกัดจากมะระจะช่วยเพิ่มระดับการเผาผลาญของไขมันในร่างกายมนุษย์ และขัดขวางการสร้างและเพิ่มปริมาณของไขมันในร่างกาย สรุปได้ว่ามะระคือผลิตภัณฑ์ตามธรรมชาติที่ช่วยรักษาโรคอ้วนได้
-
เพิ่มระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย: มะระช่วยจัดการกับไวรัส และแบคทีเรีย พร้อมเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ ป้องกันอาการแพ้ และอาหารไม่ย่อยได้ เพิ่มพูนสารต้านอนุมูลอิสระที่เป็นกลไกสำคัญช่วยป้องกันอาการเจ็บป่วย และความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระได้ดี ซึ่งอนุมูลอิสระคือสารที่อาจก่อให้เกิดมะเร็งชนิดต่าง ๆ ได้ ในปี 2010 การศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารการวิจัยทางเภสัชกรรมระบุว่ามะระมีสรรพคุณต่อต้านสารก่อมะเร็ง และป้องกันการเกิดเนื้องอก ช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งเต้านม และมะเร็งปากมดลูกได้
-
บำรุงดวงตา อาชู จาย บาห์รัด กล่าวว่ามะระช่วยป้องกันปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็น อย่างต้อกระจกได้ เนื่องจากสารประกอบอย่าง เบต้าแคโรทีน และวิตามินเอนั้นมีประโยชน์ต่อดวงตา ช่วยให้สายตาแข็งแรง เธอกล่าวเสริมว่า “การดื่มน้ำมะระเป็นประจำ จะช่วยรักษารอยคล้ำรอบดวงตาได้ดี“ อย่างไรก็ตามการรับประทานอาหารทุกชนิดต้องอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม การดื่มน้ำมะระมากเกินไปอาจทำให้ปวดท้อง และท้องเสียได้ สตรีมีครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการกินมะระหรือดื่มน้ำมะระที่มากเกินไป เพราะอาจกระตุ้นมดลูก และกระตุ้นให้คลอดก่อนกำหนดได้ ปริมาณการบริโภคที่เหมาะสมคือสารสกัดจากน้ำมะระ 30 มล. ทุกวัน” ดร.กีตา เบอร์ยอร์ค หัวหน้านักโภชนาการของ Max HealthCare กล่าว
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
เนื้อหาและรีวิวมาจากผู้เชี่ยวชาญ โดย Bupa team