ลักษณะของเส้นผมแต่ละคนจะขึ้นกับการควบคุมทางพันธุกรรม แต่วิถีการใช้ชีวิตไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหาร สภาพอากาศ มลภาวะ และวิธีการบำรุงผมของแต่ละคน ซึ่งล้วนมีความสำคัญต่อการรักษาสภาพของเส้นผม ซึ่งวิธีในการดูแลให้ผมสวยนั้นมีดังนี้
1. บำรุงผมด้วยโปรตีน
การรับประทานอาหารผมที่ดีคือปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพผมและหนังศีรษะ เพราะเส้นผมประกอบด้วยโปรตีนเป็นหลัก ดังนั้นการกินโปรตีนอย่างน้อย 45 กรัมต่อวัน จะช่วยให้เส้นผมแลดูมีสุขภาพดี โดยอาหารที่เป็น แหล่งโปรตีนที่ดี ได้แก่ :- เนื้อไม่ติดมัน
- เนื้อของสัตว์ปีก
- ปลา
- ถั่ว
- ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ
- ไข่
2. วิธีบํารุงผมเสียด้วยสังกะสี
ภาวะขาดสังกะสีจะส่งผลให้ผมหลุดร่วงได้ง่าย อาหารที่มีสังกะสีสูง ๆ ได้แก่ถั่วบราซิล วอลนัท พีแคน เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และอัลมอนด์ การรับประทานเป็นประจำจะช่วยป้องกันปัญหาผมหลุดร่วง อาหารที่ควรบริโภคเพื่อรับสังกะสี ได้แก่:- ผัก
- ผลไม้
- สลัดใบเขียว
- น้ำสะอาดปริมาณที่เพียงพอ
3. โอเมก้าช่วยแก้ปัญหาผมแห้งเสียมาก ๆ ได้
กรดไขมันโอเมก้า 3 จะช่วยกระตุ้นรูขุมขน และต่อมไขมันได้ วิธีนี้แม้จะไม่ทำให้เส้นผมยาวเร็วขึ้น แต่จะช่วยให้ผมมี น้ําหนักและปรับให้สุขภาพหนังศีรษะดีขึ้นได้ กรดไขมันโอเมก้า 3 พบได้ในปลาที่เติบโตได้ดีในน้ำเย็น อย่างปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน และปลาแฮรี่ง แหล่งโอเมก้า 3 อื่น ๆ ได้แก่ :- เมล็ดแฟลกซ์
- โยเกิร์ต
- คอตเตจชีส
- สลัด
- ธัญพืช
4. สังเกตสภาพผมของตนเอง
วิธีสระผมและความถี่ในการสระผมอาจไม่สามารถกำหนดได้อย่างชัดเจน เพราะขึ้นกับความชอบส่วนบุคคล และความพึงพอใจของแต่ละบุคคลซึ่งต้องพิจารณาจาก:- ลักษณะและรูปแบบของเส้นผม
- ใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งเส้นผมบ่อยแค่ไหน
- รูปแบบการทำกิจกรรมต่าง ๆ
5. เลือกแชมพูที่เหมาะสม
การใช้แชมพู และผลิตภัณ์จัดแต่งทรงผมที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้ผมเสียได้ ควรพิจารณาผลิตภัณฑ์บํารุงเส้นผมที่เหมาะกับสภาพเส้นผมของแค่ละคน ทั้งผมมัน ผมธรรมดา หรือผมแห้ง รวมทั้งปัญหาของผมที่ต้องการแก้ไข เช่นรังแค หลีกเลี่ยงแชมพูที่มีส่วนผสมของสารเคมีรุนแรง เช่น แอมโมเนียมลอริลซัลเฟต หรือโซเดียมลอริลซัลเฟต และอย่าลืมว่ายาสระผมที่ดีที่สุดไม่จำเป็นต้องแพง6. เงื่อนไขเฉพาะของแต่ละบุคคล
การดูแลเส้นผมหลังสระผมคือขั้นตอนสำคัญที่ทำให้วิธี ทําให้ผมไม่ฟูมีน้ําหนัก นุ่มสลวย เงางามและจัดทรงง่าย อาจเลือกครีมนวดผมแยกจากหรือแชมพูที่ผสมครีมนวดในตัวได้ ใช้หวีนวดครีมนวดให้กระจายทั่วเส้นผม พักทิ้งไว้ในเส้นผม 2 – 3 นาทีก่อนล้างออก เวลาสระผมไม่จำเป็นต้องปรับสภาพเส้นผมก่อน แต่ควรทดลองหาผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้7. ระมัดระวังการสระผมและแปรงผมที่ถี่เกินไป
การสระผมถี่เกินไป หรือสระผมไม่ถูกต้อง ต้องอาศัยกฎพื้นฐาน ดังนี้:- ไม่ควรสระผมเกินวันละครั้ง
- ใช้ครีมบํารุงผมเสียในปริมาณที่เพียงพอ
- หลีกเลี่ยงการสะผมด้วยน้ำร้อนหรือเย็นจัด
8. เคล็ดลับการบำรุงผม
วิธีทำให้สวย ได้แก่:- เมื่อต้องการเป่าผมให้เริ่มด้วยค่าความร้อนที่ต่ำที่สุด จากนั้นจึงค่อย ๆ เพิ่มความร้อนให้มากขึ้นตามต้องการ
- ปล่อยให้ผมแห้งเองได้จะดีที่สุด
- เปลี่ยนตำแหน่งที่มัดผม หรือติดกิ๊บเพื่อป้องกันปัญหาเส้นผมแตก
- หากต้องการเปลี่ยนสีผม ควรเลือกเฉดสีที่ใกล้เคียงกับผมตามธรรมชาติ
- นวดหนังศีรษะบ่อย ๆ เพื่อกระตุ้นการงอกของเส้นผม และกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต
- เล็มผมเป็นประจำทุก ๆ 10 ถึง 12 สัปดาห์ เพื่อให้ผมแข็งแรง และป้องกันผมแตกปลาย
9. หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้ผมเสีย
แชมพูที่รุนแรง ทรีทเม้นท์ ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม และการแปรงผมที่มากเกินไป จะส่งผลให้สุขภาพผมแย่ลง และควรหลีกเลี่ยงสิ่งต่อไปนี้:- การดื่มแอลกอฮอล์มาก ๆ
- อาหารที่มีแคลอรี่ต่ำ และอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ
- ฮอร์โมนไทรอยด์ลดลง
- ความเครียดที่มากเกินไป
- เลือดจาง
- ยาที่ต้องสั่งโดยแพทย์ สำหรับรักษาโรคหัวใจ ภาวะซึมเศร้า ความดันโลหิตสูง และโรคข้ออักเสบ
สิ่งที่ทำให้ผมเสีย
ประเภทและสภาพเส้นผมที่แตกต่างกันอาจตอบสนองต่อผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่แตกต่างกัน และสิ่งที่ใช้ได้ผลสำหรับคนคนหนึ่งอาจไม่ได้ผลกับอีกคนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์ทั่วไปบางประเภทหรือส่วนผสมเฉพาะอาจถือว่าไม่เหมาะกับบุคคลหรือเส้นผมบางประเภท นี่คือตัวอย่างบางส่วน:- แชมพูที่มีส่วนผสมของซัลเฟต:
-
-
- ซัลเฟตเป็นสารทำให้เกิดฟองทั่วไปที่พบในแชมพูหลายชนิด แม้ว่าจะช่วยขจัดสิ่งสกปรกและน้ำมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็สามารถดึงน้ำมันตามธรรมชาติออกจากเส้นผมได้ ซึ่งนำไปสู่ความแห้งกร้านและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ ผู้ที่มีผมแห้งหรือผมหยิกอาจพบว่าแชมพูปราศจากซัลเฟตมีความเหมาะสมมากกว่า
-
- ผลิตภัณฑ์ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์สูง:
-
-
- ผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผม เช่น สเปรย์ฉีดผม เจล และผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมบางชนิดอาจมีแอลกอฮอล์ในระดับสูง แอลกอฮอล์อาจทำให้ผมแห้งและอาจทำให้ผมชี้ฟูหรือแตกหักได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีผมแห้งหรือผมเสีย
-
- เครื่องมือจัดแต่งทรงผมด้วยความร้อนที่ไม่มีการป้องกันความร้อน:
-
-
- ความร้อนที่มากเกินไปจากอุปกรณ์จัดแต่งทรงผม เช่น ที่หนีบผมและที่ม้วนผม อาจทำให้หนังกำพร้าผมเสียหายได้ การใช้เครื่องมือเหล่านี้โดยไม่มีสารป้องกันความร้อนอาจทำให้แห้ง แตกปลาย และแตกหักได้
-
- ผลิตภัณฑ์ที่มีซิลิโคน:
-
-
- แม้ว่าบางคนจะทนต่อซิลิโคนได้ดี แต่บางคนก็พบว่าส่วนผสมเหล่านี้สามารถสะสมบนเส้นผมได้ ทำให้รู้สึกหนักและเป็นมันเยิ้ม ซิลิโคนที่ไม่ละลายน้ำอาจเป็นปัญหาอย่างยิ่งเนื่องจากอาจต้องใช้ซัลเฟตที่รุนแรงกว่าเพื่อขจัดออก
-
- การใช้ดรายแชมพูมากเกินไป:
-
-
- ดรายแชมพูเป็นวิธีที่สะดวกในการทำให้เส้นผมสดชื่นระหว่างการสระ แต่การใช้มากเกินไปอาจทำให้เกิดการสะสมของผลิตภัณฑ์ การระคายเคืองหนังศีรษะ และอาจเกิดการอุดตันของรูขุมขนได้ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องใช้แชมพูแห้งในปริมาณที่พอเหมาะและสระผมเป็นประจำ
-
- สีย้อมผมเคมีรุนแรง:
-
-
- ยาย้อมผมบางชนิดมีสารเคมีรุนแรง เช่น แอมโมเนียและเปอร์ออกไซด์ ซึ่งสามารถทำลายเส้นผมและทำให้แห้งได้ การเลือกใช้สีย้อมที่อ่อนโยนกว่าและปราศจากแอมโมเนียหรือการขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญก็อาจเป็นประโยชน์ได้
-
- คลอรีนจากสระว่ายน้ำ:
-
- คลอรีนในน้ำในสระว่ายน้ำสามารถดึงน้ำมันตามธรรมชาติออกจากเส้นผม ทำให้ผมแห้งและเสี่ยงต่อความเสียหายได้มากขึ้น การสวมหมวกว่ายน้ำหรือสระผมด้วยน้ำจืดก่อนลงสระสามารถช่วยบรรเทาผลกระทบได้
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น