มันเทศ คืออะไร
มันเทศเป็นผักที่มีรากสะสมอาหารเป็นแป้งหวานที่สามารถปลูกได้ทั่วโลก มันเทศมีหลากหลายสายพันธุ์ หลากหลายขนาด และหลายสี ได้แก่ มันสีส้ม มันสีขาว และมันสีม่วงอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระ และไฟเบอร์ โดยมันเทศที่เป็นที่นิยมรับประทานในประเทศไทยคือ มันเทศญี่ปุ่น มันเทศมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย และง่ายต่อการเพิ่มเข้าไปในมื้ออาหารประโยชน์ของมันเทศ มีดังนี้
หัวมันเทศมีสารอาหารสูง
หัวมันเทศเป็นแหล่งของเส้นใยอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุมากมาย มันเทศอบ 1 ถ้วย (200 กรัม) มีสารอาหารดังต่อไปนี้- แคลอรี่: 180 แคลอรี่
- คาร์โบไฮเดรต: 41.4 กรัม
- โปรตีน: 4 กรัม
- ไขมัน: 0.3 กรัม
- ไฟเบอร์: 6.6 กรัม
- วิตามิน A : 769% ของปริมาณที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน
- วิตามิน C : 65% ของปริมาณที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน
- แมงกานีส: 50% ของปริมาณที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน
- วิตามิน B 6: 29% ของปริมาณที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน
- โพแทสเซียม: 27% ของปริมาณที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน
- กรดแพนโทธีนิก: 18% ของปริมาณที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน
- ทองแดง: 16% ของปริมาณที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน
- ไนอาซิน: 15% ของปริมาณที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน
มันม่วงส่งเสริมสุขภาพระบบลำไส้
ไฟเบอร์ และสารต้านอนุมูลอิสระในมันเทศมีประโยชน์ต่อสุขภาพของลำไส้อย่างมาก มันเทศมีเส้นใย 2 ชนิด คือ เส้นใยชนิดละลายน้ำ และเส้นใยชนิดไม่ละลายน้ำ ร่างกายไม่สามารถย่อยเส้นใยดังกล่าวได้ ทำให้สิ่งนี้ดีกับระบบลำไส้ และระบบขับถ่าย เส้นใยที่ละลายน้ำได้จะมีความหนืด และดูดซับน้ำ ทำให้อุจจาระนิ่มลง ในทางกลับกันเส้นใยที่ไม่หนืด และไม่ละลายน้ำจะไม่ดูดซับน้ำ และเพิ่มปริมาณอุจจาระ เส้นใยที่ละลายน้ำ และไม่ละลายน้ำบางชนิดสามารถถูกหมักโดยแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ จนได้สารประกอบที่เรียกว่า กรดไขมันสายสั้น ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงในเซลล์ของเยื่อบุลำไส้ ทำให้ลำไส้มีสุขภาพดี และแข็งแรง การรับประทานอาหารที่มีเส้นใยสูง 20–33 กรัมต่อวัน จะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งลำไส้ และปัญหาลำไส้อื่นๆ สารต้านอนุมูลอิสระในมันเทศมีประโยชน์ต่อลำไส้เหมือนกัน การศึกษาในห้องปฏิบัติการพบว่า สารต้านอนุมูลอิสระในมันเทศสีม่วงช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่มีประโยชน์ในลำไส้ ได้แก่ Bifidobacterium และ Lactobacillus บางชนิด แบคทีเรียพวกนี้หากมีในลำไส้ในปริมาณมากจะช่วยให้สุขภาพของลำไส้ดีขึ้น และลดความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาลำไส้ต่างๆ เช่น อาการลำไส้แปรปรวน และอาการท้องร่วงจากการติดเชื้อประโยชน์ของมันเทศป้องกันมะเร็ง
มันเทศนั้นมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด ซึ่งอาจจะป้องกันมะเร็งบางประเภทได้ แอนโธไซยานิน – เป็นกลุ่มของสารต้านอนุมูลอิสระที่พบในมันเทศสีม่วง – พบว่า ช่วยชะลอการเติบโตของเซลล์มะเร็งบางชนิดจากการทดลองในห้องปฏิบัติการ และยังพบว่า มีผลในกระเพาะปัสสาวะ ลำไส้ใหญ่ กระเพาะอาหาร และเต้านมอีกด้วย มีการทดลองให้หนูรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยมันเทศสีม่วงพบว่า มีอัตราการเป็นมะเร็งลำไส้ระยะเริ่มต้นลดลงซึ่งบ่งชี้ว่าแอนโธไซยานินในมันเทศอาจจะมีสรรพคุณในการป้องกันมะเร็ง สารสกัดจากมันเทศสีส้ม และเปลือกมันเทศยังพบว่า คุณสมบัติต้านมะเร็งจากการทดลองในห้องปฏิบัติการ อย่างไรก็ตามการศึกษายังไม่ได้ทดสอบเพิ่มเติมในมนุษย์หัวมันเสริมสร้างสุขภาพสายตา
มันเทศนั้นอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีนซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ได้จากส่วนที่ทำให้ผักมีสีส้มสดใส มันเทศสีส้มหรือมันเทศสีเหลืองอบ 1 ถ้วย (200 กรัม) ให้เบต้าแคโรทีนมากกว่า 7 เท่าของปริมาณที่ผู้ใหญ่ต้องการต่อวัน เบต้าแคโรทีนจะถูกเปลี่ยนเป็นวิตามิน A ในร่างกายของคุณ และจะเสริมสุขภาพของจอประสาทตา การขาดวิตามิน A อย่างรุนแรงเป็นปัญหาในประเทศกำลังพัฒนา และสามารถเป็นสาเหตุของตาบอดประเภท Xerophthalmia การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีนอย่างมันเทศสีส้มอาจช่วยป้องกันปัญหานี้ได้ มันเทศสีม่วงก็มีประโยชน์ต่อการบำรุงสายตาเช่นกัน การศึกษาในหลอดทดลองพบว่า แอนโธไซยานินสามารถฟื้นฟูความเสียหายของดวงตาได้ประโยชน์ของมันม่วงเพิ่มการทำงานของสมอง
การบริโภคมันเทศสีม่วงมีแนวโน้มจะทำให้การทำงานของสมองดีขึ้น มีการศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่า แอนโธไซยานินในมันเทศสีม่วงสามารถป้องกันสมองจากการลดการอักเสบ และป้องกันการทำลายจากสารอนุมูลอิสระ มันเทศนั้นอุดมด้วยแอนโธไซยานินช่วยเพิ่มการเรียนรู้ และความจำในหนูทดลอง ซึ่งอาจเป็นเพราะคุณสมบัติจากสารต้านอนุมูลอิสระ ยังไม่มีการศึกษาทดลองในมนุษย์ แต่โดยทั่วไปแล้วอาหารที่อุดมด้วยผักผลไม้ และสารต้านอนุมูลอิสระ จะสามารถลดความเสี่ยงของปัญหาทางจิต และภาวะสมองเสื่อมได้ 13%มันญี่ปุ่นเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
มันเทศสีส้มเป็นหนึ่งในแหล่งเบต้าแคโรทีนจากธรรมชาติที่มากที่สุด โดยเบต้าแคโรทีนนี้จะเปลี่ยนเป็นวิตามิน A วิตามิน A มีความสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง และโดยมีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้ยังเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาสุขภาพของเนื้อเยื่อต่างๆ รวมทั้งเยื่อบุลำไส้ ลำไส้เป็นอวัยวะในร่างกายที่ต้องสัมผัสกับเชื้อโรคที่ก่อให้เกิดโรคหลายชนิด ดังนั้นลำไส้ที่แข็งแรงจึงเป็นส่วนสำคัญของการมีระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง จากการศึกษาพบว่า การขาดวิตามิน A จะเพิ่มความเสี่ยงในเรื่องลำไส้อักเสบ และลดความสามารถของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายในการตอบสนองต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่จะรับมือกับการบุกรุกของเชื้อโรค ยังไม่มีการศึกษาใด ๆ ที่ยืนยันว่ามันเทศนั้นส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน แต่อย่างไรก็ตามการรับประทานเป็นประจำสามารถที่จะป้องกันการขาดวิตามิน A ได้มันเทศทำอะไรได้บ้าง
มันเทศนั้นสามารถเพิ่มเข้าไปในอาหารได้อย่างง่ายดาย สามารถรับประทานได้ทั้งเปลือก หรือปอกเปลือกก็ได้ สามารถนำไปทำเป็นมันอบ มันทอด มันนึ่ง มันต้ม หรือมันย่างก็ได้ ความหวานตามธรรมชาติของมันเทศเข้ากันได้ดีกับเครื่องปรุงรสต่างๆ มากมาย และสามารถนำไปทำได้ทั้งอาหารคาว และหวาน วิธีการที่นำมันเทศไปทำอาหารมีดังนี้- มันเทศ: ปอกเปลือกบาง ๆ หั่นบาง ๆ และนำไปอบ หรือทอด
- มันเทศ: ปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้น นำไปอบหรือทอด
- ขนมปังปิ้งมันเทศ: หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ ใส่ในขนมปังปิ้ง และราดด้วยส่วนผสม เช่น เนยถั่ว หรืออะโวคาโด
- มันเทศบด: ปอกเปลือก นำไปต้ม นำไปบดด้วยนม และปรุงรส
- มันเทศอบ: อบทั้งหัว นำเข้าเตาอบจนเปื่อย
- แฮชมันเทศ: ปอกเปลือก จากนั้นนำไปหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า และปรุงด้วยหัวหอม
- มันเทศเกลียว: หั่นเป็น เกลียวจากนั้นนำไปทอด
- ในขนมอบ: ใช้มันบด เพื่อเพิ่มความฉ่ำให้กับขนม
ใครที่ควรหลีกเลี่ยงการทานมันเทศ
แม้ว่ามันเทศจะมีคุณค่าทางโภชนาการและเป็นประโยชน์สำหรับคนส่วนใหญ่ แต่ก็มีบางคนที่อาจต้องระมัดระวังหรือหลีกเลี่ยงการบริโภคมันเทศ:- อาการแพ้:บางคนอาจมีอาการแพ้มันเทศ ปฏิกิริยาภูมิแพ้อาจรวมถึงอาการคัน บวม ลมพิษ หรือไม่สบายทางเดินอาหาร ผู้ที่แพ้มันเทศควรหลีกเลี่ยงการบริโภค
- ความไวต่อทางเดินอาหาร:มันเทศเป็นแหล่งของคาร์โบไฮเดรตและเส้นใยอาหาร อาจทำให้ระบบย่อยอาหารไม่สบายสำหรับบางคน โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการลำไส้แปรปรวน (IBS) หรือปัญหาระบบทางเดินอาหารอื่นๆ ขอแนะนำให้บุคคลเหล่านี้ติดตามการบริโภคและประเมินว่ามันเทศส่งผลต่อระบบย่อยอาหารอย่างไร
- เงื่อนไขทางการแพทย์:บุคคลที่มีอาการป่วยบางอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ต้องมีข้อจำกัดด้านอาหารหรือได้รับสารอาหารเฉพาะอย่างอย่างใกล้ชิด อาจจำเป็นต้องจำกัดหรือหลีกเลี่ยงมันเทศ ตัวอย่างเช่น:
- ปัญหาเกี่ยวกับไต:มันเทศมีโพแทสเซียม ผู้ที่มีปัญหาไตอาจต้องควบคุมปริมาณโพแทสเซียมให้พอเหมาะ และควรบริโภคมันเทศในปริมาณที่จำกัดหรือภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- โรคเบาหวาน:แม้ว่ามันเทศจะมีดัชนีน้ำตาลในเลือดต่ำกว่าเมื่อเทียบกับอาหารประเภทแป้งอื่นๆ แต่บุคคลที่เป็นโรคเบาหวานควรติดตามการบริโภคเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
- ปฏิกิริยาระหว่างยา:ในบางกรณี มันเทศอาจมีปฏิกิริยากับยาบางชนิด เช่น ยาทำให้เลือดบาง หากใครกำลังใช้ยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาเจือจางเลือดหรือยาต้านการแข็งตัวของเลือด ขอแนะนำให้ปรึกษาผู้ให้บริการด้านการแพทย์ก่อนที่จะเพิ่มการบริโภคมันเทศ
บทสรุปประโยชน์มันเทศ
มันเทศเป็นผักที่สะสมอาหารไว้ที่รากมากมาย และมีหลายชนิดหลายสี มันเทศมีไฟเบอร์ และสารต้านอนุมูลอิสระสูงที่ช่วยปกป้องร่างกายจากการทำลายของสารอนุมูลอิสระ และส่งเสริมสุขภาพของลำไส้ และสมอง นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีนซึ่งจะเปลี่ยนเป็นวิตามิน A ในปริมาณมาก โดยสารนี้สนับสนุนการมองเห็นที่ดี และส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย มันเทศมีประโยชน์หลากหลาย และสามารถปรุงได้ทั้งอาหารคาว และหวานทำให้เป็นหนึ่งในตัวเลือกของคาร์โบไฮเดรตที่หลายๆ คนเลือกนี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
- https://www.medicalnewstoday.com/articles/281438
- https://www.delish.com/cooking/recipe-ideas/recipes/a55377/perfect-baked-sweet-potato-recipe/
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น