สัญญาณของการหมดไฟ
ความเหนื่อยหน่ายในการทำงานเป็นสภาวะของความเหนื่อยล้าทางร่างกายและจิตใจเรื้อรัง ซึ่งมักเกิดจากความเครียดเป็นเวลานาน การทำงานหนักเกินไป หรือสภาพแวดล้อมการทำงานที่ไม่เอื้ออำนวย มันสามารถส่งผลกระทบต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของแต่ละบุคคลในด้านต่างๆ ภาพรวมของภาวะเหนื่อยหน่ายในการทำงาน สัญญาณ และกลยุทธ์ที่เป็นไปได้ในการป้องกันและการจัดการ:สัญญาณของการหมดไฟในการทำงาน:
- ความอ่อนล้าทางกายภาพ:
- ความเหนื่อยล้าอย่างต่อเนื่องและขาดพลังงานแม้หลังจากพักผ่อนแล้ว
- ปวดศีรษะบ่อยๆ ปวดกล้ามเนื้อ หรือมีอาการทางกายอื่นๆ
- ความอ่อนล้าทางอารมณ์:
- รู้สึกหมดอารมณ์และหมดแรง
- เพิ่มความหงุดหงิดและความไม่อดทน
- ความรู้สึกโดดเดี่ยวหรือเยาะเย้ยถากถางเกี่ยวกับงาน
- ประสิทธิภาพลดลง:
- ประสิทธิภาพและผลผลิตลดลง
- มีสมาธิและตัดสินใจได้ยาก
- การผัดวันประกันพรุ่งและการไม่สามารถทำตามกำหนดเวลาได้
1. ไปพักผ่อน
ปรึกษากับผู้จัดการทันทีที่เป็นไปได้ในการหยุดพัก ไม่ใช่เพียงแค่ห้านาที ไม่ใช่แค่สองวันที่บ้าน แต่คุณจำเป็นต้องตัดงานทั้งหมด และออกไปพักผ่อน อธิบายว่าเพราะเหตุใดคุฯจึงต้องการเวลาโดยปราศจากการคร่ำครวญ หรือใส่อารมณ์ ให้เหตุผลที่คุณต้องพัก และบอกว่าคุณจะดีขึ้นเมื่อกลับมาทำงานอีกครั้ง ควรไปพักผ่อนอย่างน้อยสองสัปดาห์โดยไม่รับการติดต่อจากที่ทำงาน ไม่ต้องรับโทรศัพท์ ไม่เช็คอีเมล์ หากเป็นไปได้ ควรไปในที่ๆไม่เกี่ยงข้องกับหน้าที่การงาน และทำสิ่งที่ทำให้เกิดความสุข เช่นการไปนอนชายหาดจิบคอกเทล ปีนเขา หรือล่องแพ หากไม่มีวันลาเหลืออยู่เลย ให้ขอลางานแบบไม่รับค่าจ้าง หาลู่ทางให้ไม่เกิดปัญหาทางด้านการเงินในระหว่างการพักผ่อน ต้องไม่เกิดความเสียหายในการหมดไฟ อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจ การมองโลกแง่บวก2. หาทางปลดปล่อย
การหมดไฟในการทำงานสามารถเกิดการสั่งสมได้ นำไปสู่แรงกดดันเหมือนหม้อัดแรงดัน หากไม่รู้จักเปิดวาล์วเมื่อเวลาผ่านไปก็มีสิทธิ์ที่จะระเบิดได้ โดยทั่วๆการทำกิจกรรมทางร่างกายคือ ความคิดที่ดีในการปลดปล่อยความเครียด ในบางคนอาจเลือกการออกกำลังกายครอสฟิต หรือศิลปะการต่อสู้ ในคนอื่นๆอาจเลือกการเล่นเพ้นท์บอล ฟุตบอล แร็กเกตบอล หรือโบว์ลิ่ง อีกหลายๆคนอาจรู้สึกสนุกกับการเล่นเกม ในขณะที่คนอื่นๆอาจชอบยิงเป้าปืน หรือว่ายน้ำในสระ การปลดปล่อยความก้าวร้าว และความไม่พอใจไม่ใช่เรื่องสำคัญตราบเท่าที่ไม่เป็นอันตรายต่อตนเอง และผู้อื่น3. หยุดการดื่มแอลกอฮอล์ และคาเฟอีน
คนส่วนมากมักรับมือกับความเครียด และความเครียดจากงานที่ยุ่งเหยิงด้วยการดื่มกาแฟ เครื่องดื่มเพิ่มพลังงาน สูบบุหรี่ หรือแม้แต่กับอาหาร ซึ่งในบางครั้งก็สามารถผ่อนคลายได้บ้าง ถึงแม้การดื่มกาแฟดูเหมือนจะไม่เกิดความเสียหายแต่กาแฟสามารถแย่งเวลาในการนอน และเพิ่มความเครียดให้กับหัวใจ แอลกอฮอล์แลัการสูบบุหรี่เป็นที่แน่ชัดอยู่แล้วว่ามีอันตราย และการกินที่แย่ก็อาจนำไปสู่น้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้น และมีผลต่อปัญหาด้านสุขภาพ ดังนั้นในขณะที่คิดว่าต้องการสิ่งเหล่านี้มากกว่าปกติ ให้หาสิ่งอื่นๆเพื่อทำให้ใจเย็นลง และบรรเทาสมอง ด้วยงานอดิเรก หรือการนั่งเงียบๆ4. ขอสลับเปลี่ยนความรับผิดชอบที่ต่างออกไป
การหมดไฟในการทำงานในวงการโฆษณาไม่ได้เกิดขึ้นจากการทำงานเหนื่อยหนักมาเกินไปเท่านั้นแต่อาจเกิดขึ้นจากการต้องทำงานให้กับลูกค้าเดิมๆเป็นเวลาหลายเดือน ดังนั้นคำพูดที่ว่า “การเปลี่ยนแปลงคือการพักที่ดีที่สุด” ดังนั้นอาจขอผู้จัดการเกี่ยวกับการเปลี่ยนหน้าที่รับผิดชอบที่ต่างออกไป หากคุณเป็นคนทำงานที่ดีอยู่แล้ว ทางบริษัทจะไม่ต้องการจะเสียคุณไป และจะช่วยคุณให้รู้สึกดีขึ้นในที่ทำงาน5. เปิดใจกับใครสักคนที่สนิทด้วย
อีกหนึ่งวิธีในการบรรเทาความกดดันเล็กๆน้อยๆคือการแบ่งปันปัญหา ความคิด และความวิตกกังวลกับใครสักคนที่ใสใจเกี่ยวกับชวิตความเป็นอยู่ของคุณ อาจเป็นคู่สมรส เพื่อนสนิท เพื่อนบ้าน เพื่อนร่วมงานที่ไว้ใจได้ กระนั้นก็ควรระมัดระวังเรื่องที่ต้องการแบ่งผันกับใครสักคนในที่ทำงาน เพราะอาจก่อให้เกิดคำซุบซิบนินทา หรืออาจใช้ข้อมูลนั้นๆกลับมาทำร้ายคุณ คนที่คุณคุยด้วยอาจไม่ได้อยู่ใรที่ๆเดียวกับคุณ หรือมีความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ พวกเขาต้องการเพียงแค่ไหล่ใครสักคนเพื่อร้องไห้ เพื่อปลดปล่อยความรู้สึกผิดหวัง และสิ้นหวังที่เก็บไว้ หากไม่มีใครให้พูดคุยได้ ยังมีทางเลือกอื่นคือ การเขียนจดหมายถึงบางคน หรือเขียนหาคนที่ทำให้คุณรู้สึกหมดไฟในการทำงานเช่นหัวหน้างาน เพื่อนร่วมงาน หรือลูกค้า เขียนทุกๆสิ่งที่คุณต้องการจะบอกแต้ห้ามส่งไปเด็ดขาด การทำเช่นนี้อาจช่วยทำให้ลดความผิดหวังในใจได้Burn-out2.jpg” alt=”Ways to Deal With Work Burnout” width=”500″ height=”333″ />
6. หาวิธีการทำงานให้รู้สึกสนุก หรือน่าสนใจขึ้น
ในวงการโฆษณา และออกแบบ งานบางงานก็อาจบรรเทาบางปัญหาลงได้ด้วยการหาทางทำให้งานที่กำลังทำนั้นมีความสนุกมากขึ้น อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจ การเห็นคุณค่าในตัวเอง7. ทำงานจากนอกโต๊ะทำงาน
การเปลี่ยนแปลงสถานที่ทำงานเป็นสิ่งที่ดี แม้คุณจะยังคงต้องทำงาน 12 ชั่วโมงเป็นเวลาเจ็ดวันต่อสัปดาห์ แต่หลายๆบริษัทก็สามารถทำให้เราสามารถไปทำงานจากที่อื่นนอกที่ทำงานได้ โดยเฉพาะเมื่อกำลังมองหาแรงบันดาลใจ อาจลองนั่งทำงานจากต่ามร้านกาแฟ พิพิธภัณฑ์ หรือสวนสาธารณะ หลีกเลี่ยงการทำงานจากที่บ้าน เมื่อคุณอยู่ในภาวะหมดไฟคุณอาจต้องการการแยกแยะชีวิตทำงานออกจากชีวิตที่บ้าน8. ใช้กฎหมายลางานตามกฏหมาย FMLA
การลางานเพื่อเลี้ยงดูบุตรคือกฎหมายที้เป็นการรับประกันว่ายังอยู่ในฐานะลูกจ้างได้มากถึง 12 สัปดาห์โดยไม่รับค่าจ้างโดยไม่สูญเสียงาน การลางานลักษณะนี้มักนำมาใช้สำหรับเหตุการณ์ใหญ่ๆในชีวิต เช่นการคลอดบุตร หรือการเจ็บป่วยที่เห็นได้ชัดเจน การหมดไฟในการทำงาน และความเครียดทางจิตใจก็สามารถเป็นเหตุผลที่สามารถนำมาใช้ได้เช่นกัน ไปพบแพทย์หรือนักจิตวิทยา อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น และเขียนสิ่งที่ไม่สามารถจัดการหน้าที่ของคุณให้อยู่ในระดับที่พอใจเพราะความเครียด หมดไฟ และวิตกกังวล การลางานโดยไม่รับค่าจ้างสามารถทำให้มีเวลาของตัวเอง ในหลายๆรายส่วนใหญ่อาจใช้เวลาสี่สัปดาห์ก็มากพอที่จะเติมพลัง และกลับมาทำงานได้อีกครั้ง9. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกาย และรับประทานอาหารที่ดี
หลายๆคนที่มีความเครียดพวกเรามักมองหาวิธีบรรเทาอาการ และทำให้รู้สึกสบาย หลายๆคนอาจไปรับประทานอาหารที่ชอบ ดื่มแอลกอฮอล์ และทิ้งตัวนอนอยู่แต่บนโซฟาดูทีวี กิจกรรมเหล่านี้อาจช่วยเยียวยาการหมดไฟได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับยิ่งอาจทำให้รู้สึกแย่กว่าเดิม ในทางกลับกันควรวางแผนการออกกำลังกายให้มากขึ้น และรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ นอนให้ได้แปดสัปดาห์ทุกๆคืน สักสองสามสัปดาห์ หรืแหลายเดือน สิ่งนี้จะช่วยทำให้คุณพร้อมกับมาเผชิญโลกอีกครั้ง อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจ รับประทานอาหารหลัก 5 หมู่10. ออกจากงาน
ในท้ายที่สุดหากความเครียดมันมีมากเกินไป คุณอาจต้องลาออกจากงาน ในบางรายทางเลือกระหว่างการลาออก และการหาเหตุผลในการหาเลี้ยงชีพหรือการทนต่อจุดแตกหัก ในบางคนอาจไม่มีทางเลือก แต่บางคนอาจไม่สามารถเสี่ยงกับอาการป่วยทั้งทางด้านจิตใจ และร่างกายที่ต้องจบลงด้วยความเสียหาย ดังนั้นก็ควรลาออก คุณควรต้องมีแหล่งรายได้ทางอื่นไว้ล่วงหน้าก่อนจะออกจากงาน และควรมีช่วงเวลาว่างระหว่างการออกจากงานเก่า และเริ่มต้นงานใหม่เพื่อเติมความสดชื่น แต่หากไม่สามารถทนอยู่ หรือเสี่ยงต่อการเสียสติให้ออกจากงาน และหาทางอื่นในการหารายได้เลี้ยงชีพ อาจด้วยการเป็นฟรีแลนซ์หรือหาอาชีพใหม่ควรคู่กันไป การหมดไฟในการทำงานคือภาวะรุนแรง และส่งผลกระทบต่อจิตใจ อารมณ์ และสุขภาพร่างกายที่ไม่ควรประเมินต่ำเกินไป ควรทำสิ่งที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย และเติมพลังใหม่ และหาทางรักษาสมดุลระหว่างการใช้ชีวิต และการทำงานหัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น