ปัสสาวะเล็ด (Urinary Incontinence) คือภาวะที่ผู้ป่วยไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้ ซึ่งสามารถพบได้มากในเพศหญิง โดยปัสสาวะเล็ดนั้นมีอยู่สามประเภท ในบางคนอาจจะเกิดอาการปัสสาวะเล็ดเมื่อมีการไอ หรือจาม อีกประเภทคือเกิดอาการต้องการปัสสาวะบ่อยบางครั้งจนเกินไป และผู้ที่มีปัสสาวะรั่วไหลอยู่ตลอดเวลาจำเป็นต้องใช้ผ้าอ้อมช่วย
สาเหตุของการปัสสาวะเล็ด
เช่น:- กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะอ่อนแรง เนื่องจากอายุมากขึ้น
- ความเสียหายทางกายภาพของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
- ต่อมลูกหมากโต
- มะเร็ง
ความชรา
เมื่ออายุมากขึ้น กล้ามเนื้อที่รองรับกระเพาะปัสสาวะจะอ่อนแรงลง ซึ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดปัสสาวะเล็ด คุณภาพชีวิตที่ดี และการดูแลสุขภาพดี เป็นผลดีต่อกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะ ช่วยทำให้กระเพาะปัสสาวะไม่เสื่อมไปตามวัย หรือเสื่อมช้าลงความเสียหายของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานเป็นกล้ามเนื้อรองรับกระเพาะปัสสาวะ ความเสียหายของกล้ามเนื้อส่วนนี้จะมีผลทำให้กลั้นปัสสาวะไม่ได้ อาจมีสาเหตุจากการผ่าตัดมดลูก การตั้งครรภ์ หรือการคลอดบุตรต่อมลูกหมากโต
ต่อมลูกหมากโตเป็นอาการที่เกิดในผู้ชาย ต่อมลูกหมากอยู่บริเวณรอบท่อปัสสาวะ ทำหน้าที่หลั่งของเหลวเพื่อปกป้องและหล่อเลี้ยงตัวอสุจิ ต่อมลูกหมากมีแนวโน้มจะขยายใหญ่ขึ้นตามอายุ จึงเป็นเรื่องปกติที่ผู้ชายมักจะประสบกับภาวะปัสสาวะเล็ดมะเร็งต่อมลูกหมาก
มะเร็งต่อมลูกหมากหรือมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ อาจเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะปัสสาวะเล็ด บางครั้งการรักษามะเร็งอาจทำให้ควบคุมกระเพาะปัสสาวะได้ยากขึ้น แม้แต่เนื้องอกขนาดเล็ก ก็สามารถทำให้เกิดภาวะปัสสาวะเล็ดได้สาเหตุอื่นๆ (ที่อาจเป็นไปได้)
สาเหตุอื่นๆ ที่อาจทำให้เกิดภาวะปัสสาวะเล็ด มีดังนี้:- ท้องผูก
- การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
- นิ่วในไต หรือนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
- ต่อมลูกหมากอักเสบ หรือ อาการอักเสบของต่อมลูกหมาก
- กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
- ผลข้างเคียงจากการใช้ยา เช่น ยาลดความดันโลหิต ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาระงับประสาท และยารักษาโรคหัวใจบางชนิด
เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์
คนที่มีภาวะปัสสาวะเล็ด จำเป็นต้องได้รับการรักษาจากแพทย์ เพราะปัสสาวะเล็ดอาจมีสาเหตุที่ร้ายแรงกว่าการกลั้นปัสสาวะไม่ได้ ที่จำเป็นต้องได้รับการรักษา แม้ว่าสาเหตุที่แท้จริงอาจไม่ได้ร้ายแรง แต่ภาวะปัสสาวะเล็ดก็คงยังเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิต การพูดคุยซักถามจะทำให้แพทย์สามารถวินิจฉัยถึงสาหตุของอาการได้ถูกต้องแม่นยำมากขึ้น รวมทั้งสามารถเลือกวิธีการรักษาได้อย่างเหมาะสม ในบางกรณี การอั้นฉี่ไม่อยู่ อาจเป็นสัญญาณของโรคที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน หากมีอาการควบคุมกระเพาะปัสสาวะไม่ได้ หรือมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบไปพบแพทย์:- มีปัญหาในการพูด หรือเดิน
- อ่อนแรง หรือรู้สึกเสียวซ่านในส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย
- สูญเสียการมองเห็น
- สับสน
- หมดสติ
- อุจจาระเล็ด
การรักษาอาการปัสสาวะเล็ด
แนวทางการรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะปัสสาวะเล็ด อาจมีการใช้ยา ผ่าตัด หรือวิธีอื่นๆ แพทย์อาจแนะนำให้ออกกำลังกายเฉพาะส่วน เช่น การบริหารอุ้งเชิงกราน การบริหารกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งวิธีดังกล่าวจะสามารถควบคุมกระเพาะปัสสาวะได้ ในบางกรณี แพทย์อาจไม่สามารถรักษาอาการปัสสาวะเล็ดได้ แต่อาจแนะนำวิธีที่จะช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ลงได้ เช่น:- ปรับปริมาณอาหาร หรือจำกัดปริมาณน้ำดื่ม
- จัดเตรียมทางเข้าห้องน้ำให้สามารถเดินได้สะดวกและรวดเร็ว
- ใช้แพมเพิร์ส (สำหรับผู้ใหญ่) หรือผ้าอนามัย
- กำหนดเวลาเข้าห้องน้ำ เพื่อป้องกันการเข้าห้องน้ำไม่ทันเวลา
ป้องกันอาการปัสสาวะเล็ด
การป้องกันภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่เกี่ยวข้องกับการปรับใช้นิสัยการใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพและการปรับเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันบางอย่าง แม้ว่าจะไม่สามารถป้องกันได้ทุกกรณี แต่กลยุทธ์เหล่านี้สามารถช่วยลดความเสี่ยงและจัดการอาการได้:- ทำให้น้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ที่แข็งแรง: การมีน้ำหนักเกินอาจเพิ่มแรงกดดันต่อกระเพาะปัสสาวะและกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ส่งผลให้กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ตั้งเป้าที่จะมีน้ำหนักที่ดีต่อสุขภาพผ่านการรับประทานอาหารที่สมดุลและออกกำลังกายเป็นประจำ
- รักษาร่างกายให้ชุ่มชื้น: แม้ว่ามันอาจจะดูขัดกับสัญชาตญาณ แต่การรักษาร่างกายให้ขาดน้ำถือเป็นสิ่งสำคัญ อย่างไรก็ตาม หลีกเลี่ยงการบริโภคของเหลวมากเกินไป โดยเฉพาะคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ ซึ่งอาจทำให้ระคายเคืองต่อกระเพาะปัสสาวะได้
- การฝึกกระเพาะปัสสาวะ: ค่อยๆ เพิ่มเวลาระหว่างการเข้าห้องน้ำเพื่อฝึกกระเพาะปัสสาวะให้เก็บปัสสาวะได้มากขึ้น วิธีนี้สามารถช่วยลดความถี่ของภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ได้
- การออกกำลังกายอุ้งเชิงกราน: ออกกำลังกาย Kegel เป็นประจำเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน การออกกำลังกายเหล่านี้สามารถทำได้อย่างรอบคอบและช่วยป้องกันภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ด้วยความเครียด
- หลีกเลี่ยงการยกของหนัก: การยกของหนักอาจทำให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานตึงและส่งผลให้กลั้นปัสสาวะไม่ได้ หากคุณต้องการยกของหนัก อย่าลืมใช้เทคนิคการยกที่เหมาะสม
- เลิกสูบบุหรี่: การสูบบุหรี่อาจทำให้กล้ามเนื้อที่รองรับกระเพาะปัสสาวะอ่อนแอลง และทำให้เกิดอาการไอเรื้อรัง ซึ่งอาจทำให้อาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่แย่ลง
- การปรับเปลี่ยนอาหาร: อาหารและเครื่องดื่มบางชนิดอาจทำให้ระคายเคืองต่อกระเพาะปัสสาวะและทำให้อาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่แย่ลง สิ่งเหล่านี้อาจรวมถึงอาหารรสเผ็ด ผลไม้ที่เป็นกรด เครื่องดื่มอัดลม คาเฟอีน และแอลกอฮอล์ ลองลดหรือหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นเหล่านี้
- การเข้าห้องน้ำตามกำหนดเวลา: แทนที่จะรอจนกว่าคุณจะรู้สึกอยากปัสสาวะมาก ให้จัดตารางเวลาเข้าห้องน้ำเป็นประจำ ซึ่งสามารถช่วยป้องกันการยืดกระเพาะปัสสาวะมากเกินไป
- จัดการสภาวะเรื้อรัง: สภาวะเช่นโรคเบาหวานและท้องผูกเรื้อรังสามารถส่งผลต่อภาวะกลั้นไม่ได้ การจัดการสภาวะเหล่านี้ด้วยการดูแลทางการแพทย์ที่เหมาะสมและการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตสามารถช่วยป้องกันภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ได้
- กระตือรือร้นอยู่เสมอ: ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อรักษาสุขภาพโดยรวมและสนับสนุนการทำงานของกระเพาะปัสสาวะและกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
- สวมเสื้อผ้าที่เหมาะสม: เลือกใช้เสื้อผ้าหลวมๆ ที่ไม่กดดันกระเพาะปัสสาวะมากเกินไป หลีกเลี่ยงกางเกงและเข็มขัดรัดรูปที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองของกระเพาะปัสสาวะ
- ฝึกนิสัยการใช้ห้องน้ำที่ดี: เมื่อคุณเข้าห้องน้ำ อย่าลืมล้างกระเพาะปัสสาวะจนสุดเพื่อหลีกเลี่ยงการปัสสาวะไม่หมด ซึ่งอาจนำไปสู่การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะและทำให้ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่แย่ลงได้
- จัดการความเครียด: ความเครียดเรื้อรังอาจทำให้อาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่รุนแรงขึ้น ฝึกฝนเทคนิคการลดความเครียด เช่น การทำสมาธิ โยคะ การหายใจลึกๆ หรือทำงานอดิเรกที่คุณชอบ
- ใช้ห้องน้ำก่อนนอน:ล้างกระเพาะปัสสาวะก่อนเข้านอนเพื่อลดโอกาสที่จะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่เวลากลางคืน
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
- https://www.medicalnewstoday.com/articles/165408
- https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/urinary-incontinence/symptoms-causes/syc-20352808
- https://www.nia.nih.gov/health/urinary-incontinence-older-adults
เนื้อหาและรีวิวมาจากผู้เชี่ยวชาญ โดย Bupa team
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น