มะขาม (Tamarind) : ประโยชน์ และสิ่งควรรู้

มะขามคืออะไร

มะขามคือต้นไม้เปลือกแข็งที่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Tamarindus indica  มะขามเป็นผลไม้เขตร้อนชนิดหนึ่ง มะขามเป็นพืชดั้งเดิมมาจากแอฟริกาแต่มาเจริญเติบเติบโตที่อินเดีย ปากีสถานและอีกหลายประเทศในแถบเขตร้อน ต้นมะขามให้ผลผลิตเป็นฝักคล้ายถั่วที่มีเม็ดที่ห่อหุ้มด้วยเนื้อผลไม้ที่เป็นใยๆ ใยของผลมะขามที่ยังอ่อนจะเป็นสีเขียวและมีรสเปรี้ยว แต่เมื่อสุกแล้วน้ำที่ได้จากเนื้อจะคล้ายครีมและมีรสหวานอมเปรี้ยว มะขามสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในจานอาหารได้ทั่วโลก และยังอาจมีคุณสมบัติเป็นยาได้ด้วย

คนยังมองหา : ยาลดความอ้วน

 

มะขามนำไปใช้ประโยชน์อย่างไร 

ผลไม้ชนิดนี้มีประโยชน์หลากหลาย สามารถนำไปประกอบอาหาร เพื่อด้านสุขภาพและสำหรับงานบ้านก็ย่อมได้ด้วย

น้ำมะขามใช้ในการประกอบอาหาร

เนื้อมะขามถูกนำมาใช้ในการประกอบอาหารอย่างกว้างขวางในประเทศแถบเอเซียใต้และเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ เม็กซิโก ตะวันออกกลางและแถบแคริเบียน เม็ดและใบก็สามารถนำมารับประทานได้ มะขามสามารถนำมาทำเป็นซอส น้ำซอสหมัก ชัทนีย์ ในเครื่องดื่มและขนมหวาน มะขามเป็นหนึ่งในส่วนผสมของวูสเตอร์ซอส

สรรพคุณของมะขามใช้เป็นยารักษาโรค

มะขามมีบทบาทที่สำคัญในการรักษาโรคมาแต่ดั้งเดิม ในรูปแบบของเครื่องดื่ม มะขามมักถูกนำมาใช้เพื่อรักษาอาการท้องเสีย ท้องผูก ไข้สูงและแผลในกระเพาะอาหาร ส่วนเปลือกและใบสามารถนำมาใช้รักษาบาดแผลได้ นักวิจัยสมัยใหม่กำลังทำการศึกษาการนำพืชชนิดนี้มาใช้เพื่อการรักษาอยู่ สารโพลิฟินอลในมะขามมีสารต้านอนุมูลอิสระและมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ซึ่งช่วยป้องกันการเกิดโรคต่างๆเช่นโรคหัวใจ มะเร็งและโรคเบาหวาน สารสกัดจากเมล็ดอาจช่วยทำให้น้ำตาลในเลือดต่ำลง ในขณะที่สารสกัดจากเนื้ออาจช่วยลดน้ำหนักและช่วยเรื่องภาวะไขมันพอกตับ

ประโยชน์ของมะขามสำหรับการขัดเงา

เนื้อมะขามมักถูกนำมาใช้ในการขัดโลหะ เพราะมะขามมีกรดทาร์ทาริก ซึ่งช่วยขจัดคราบจากทองแดงและทองเหลือง 

มะขามมีสารอาหารสูง

มะขามมีสารอาหารสูงหลายชนิด เนื้อมะขามหนึ่งถ้วย (120 กรัม) มีส่วนประกอบดังนี้:
  • แมกนีเซียม: 28% ปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน
  • โปแตสเซียม: 22% ปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน
  • เหล็ก: 19% ปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน
  • แคลเซียม: 9% ปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน
  • ฟอสฟอรัส: 14% ปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน
  • วิตามินบี1 (ไทแอมีน): 34% ปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน
  • วิตามินบี2 (ไรโบเฟลวิน): 11% ปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน
  • วิตามินบี3 (ไนอาซิน): 12% ปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน
  • วิตามินซี วิตามินเค วิตามินบี6 (ไพริดอกซีน) โฟเลต วิตามินบี5 (กรดแพนโทเทนิก) ทองแดงและซีเลเนียมอีกเล็กน้อย  
มะขามมีใยอาหาร 6 กรัม โปรตีน 3 กรัมและไขมัน 1 กรัม มีแคลลอรี่รวมทั้ง 287 แคลลอรี่ เกือบทั้งหมดจะมากจากน้ำตาล ในความเป็นจริงแล้ว มะขามหนึ่งถ้วยจะมีคาร์บ 69 กรัมที่อยู่ในรูปแบบของน้ำตาล ซึ่งเทียบเท่าน้ำตาล 17.5 ช้อนชา ถึงแม้มะขามจะมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ แต่เนื้อมะขามก็ถูกจัดเป็นผลไม้ ไม่ต้องเติมน้ำตาล-ซึ่งส่งผลต่อโรคเกี่ยวกับภาวะเมตาบอลิกซินโดรมและโรคเบาหวานชนิดที่ 2 แต่อย่างไรก็ตาม มะขามถือว่าเป็นผลไม้ที่มีแคลลอรี่สูงเมื่อเทียบกับผลไม้ชนิดอื่นๆ ซึ่งอาจก่อปัญหาให้แก่คนที่กำลังพยายามควบคุมปริมาณแคลลอรี่ มะขามมีส่วนประกอบคือโพลิฟินอล ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย Tamarind

ความแตกต่างในการใช้มะขาม

มะขามสามารถนำไปใช้ได้หลากหลายรูปแบบ เช่นนำไปทำเป็นลูกอมและน้ำเชื่อม คุณสามารถหาผลไม้แท้ได้ในรูปแบบ 3 ส่วนหลักๆ:
  • ฝักดิบ: ฝักดิบนี้ผ่านกระบวนการน้อยมาก มะขามยังคงมีสภาพเหมือนเดิมและง่ายต่อการเลาะเปลือกออกเพื่อนำเนื้อออกมา
  • บล็อคกด: การทำวิธีนี้ เปลือกและเม็ดจะถูกนำออกมาและเนื้อมะขามจะถูกกดลงในบล็อค วิธีนี้เป็นขั้นตอนเดียวจากมะขามดิบ
  • แบบเข้มข้น: มะขามแบบเข้มข้นคือเนื้อมะขามที่ถูกนำไปต้ม อาจมีการเติมสารกันบูดลงไป 

มีสารต้านอนุมูลอิสระที่อาจช่วยเสริมสร้างสุขภาพหัวใจ

ผลไม้ชนิดนี้อาจช่วยเสริมสร้างสุขภาพของหัวใจได้หลายทาง มะขามมีสารประกอบโพลิฟินอลเช่นฟลาโวนอยด์ ซึ่งช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอลได้ สารต้านอนุมูลอิสระในผลไม้สามารถช่วยลดการเสียหายออกซิเดชั่นของคอเลสเตอรอล LDL ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญสำหรับโรคหัวใจ 

มีแมกนีเซียมที่มีประโยชน์

มะขามมีปริมาณแมกนีเซียมสูง มะขามหนึ่งออนซ์ (28กรัม) หรือเนื้อมะขามน้อยกว่า  ¼ ถ้วย มีแมกนีเซียม 6% ของปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน  แมกนีเซียมมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายหลายอย่าง และมีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของร่างกายมากกว่า 600 อย่าง ช่วยลดความดันเลือดและช่วยต้านการอักเสบและมีฤทธิ์ต้านเบาหวาน แต่อย่างไรก็ตามพบว่าชาวอเมริกันมีปริมาณแมกนีเซียมไม่เพียงพอมากถึง 48%   

ช่วยส่งผลต้านเชื้อรา ต้านเชื้อไวรัสและต้านเชื้อแบคทีเรีย

มะขามสกัดมีสารประกอบตามธรรมชาติที่ส่งผลต้านจุลินทรีย์ ในความเป็นจริงจากการศึกษาพบว่าพืชชนิดนี้อาจช่วยต้านเชื้อรา ต้านเชื้อไวรัสและต้านการทำงานของเชื้อจุลินทรีย์ มะขามมักถูกนำมาใช้เป็นยามาตั้งแต่สมัยก่อนเพื่อรักษาโรคเช่นโรคมาลาเรีย สารประกอบที่เรียกว่า ลูพิออล คือสารที่เชื่อได้ว่ามีผลในการต้านเชื้อจุลินทรีย์ เพราะการดื้อยาปฏิชีวนะที่มีเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบันนี้ นักวิจัยจึงให้ความสนใจที่จะใช้พืชเป็นยาเพื่อต่อสู้กับเชื้อแบคทีเรีย 

ลูกอมมะขามอาจมีระดับสารตะกั่วที่ไม่ปลอดภัย

การได้รับสารตะกั่วเป็นเรื่องที่เป็นอันตรายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในเด็กและหญิงตั้งครรภ์ สารตะกั่วอาจทำความเสียหายให้กับไตและระบบประสาท ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคอ้างอิงว่าลูกอมมะขามเป็นสาเหตุของตะกั่วเป็นพิษหลายรายในปี 1999  ถึงแม้จะมีแคลลอรี่น้อยกว่าและมีน้ำตาลน้อยกว่าลูกอมชนิดอื่นๆก็ตาม แต่มันก็ยังคงเป็นลูกอมอยู่ดี จึงเป็นมะขามรูปแบบที่ไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพ 

วิธีรับประทานมะขาม

คุณสามารถเอร็ดอร่อยกับผลไม้ชนิดนี้ได้หลากหลายรูปแบบ หนึ่งในการรับประทานที่ง่ายที่สุดคือทานแบบฝักดิบ แสดงให้เห็นในวิดีโอนี้ คุณสามารถนำเนื้อมะขามไปประกอบอาหารได้ อาจเลือกซื้อแบบฝีกหรือแบบอัดเป็นบล็อค ชนิดเปียกมักผสมด้วยน้ำตาลเพื่อทำลูกอม มะขามอาจนำมาใช้ทำเป็นเครื่องปรุงรสเช่น ชัทนีย์ และอาจเลือกใช้แบบแช่แข็ง เนื้อมะขามชนิดไม่หวานหรือน้ำเชื่อมมะขามสำหรับทำอาหาร คุณอาจใช้ผลไม้นี้เพื่อเติมรสเปรี้ยวในจานอาหารที่ต้องการความเปรี้ยวแทนการใช้มะนาว 

สุดท้าย

มะขามเป็นผลไม้รสหวานอมเปรี้ยวที่เป็นที่นิยมไปทั่วโลก อีกทั้งยังมีสารอาหารที่มีประโยชน์มากมาย แต่ก็มีน้ำตาลที่สูงมาก เพื่อเป็นการรับประทานที่มีประโยชน์มากที่สุดจากผลไม้ชนิดนี้คือรับประทานได้ทั้งแบบดิบหรือนำไปใช้เป็นส่วนผสมในอาหาร

เมนูแนะนำของมะขาม

มะขามที่มีรสหวานอมเปรี้ยวเป็นส่วนผสมอเนกประสงค์ที่ใช้ในอาหารต่างๆ ต่อไปนี้เป็นอาหารแนะนำบางส่วนที่มะขามเป็นส่วนประกอบที่มีรสชาติและจำเป็น:
  • Tamarind Chutney:เครื่องปรุงรสยอดนิยมในอาหารอินเดีย Chutney มะขามทำโดยการปรุงเนื้อมะขามด้วยน้ำตาล เครื่องเทศ และบางครั้งก็เป็นอินทผาลัมหรือน้ำตาลโตนด ใช้เป็นน้ำจิ้มสำหรับของว่าง เช่น ซาโมซ่า ปาโกรา หรือเป็นท็อปปิ้งสำหรับอาหาร Chaat
  • ผัดไทย:มะขามเป็นส่วนประกอบสำคัญในซอสที่ใช้ในอาหารไทยยอดนิยมนี้ มีส่วนช่วยให้เส้นมีรสหวานอมเปรี้ยวและเข้ากันได้ดีกับส่วนประกอบอื่นๆ เช่น ถั่วลิสง เต้าหู้ กุ้ง หรือไก่
  • แกงปลามะขาม:มะขามเพิ่มความเปรี้ยวให้กับแกงปลา การผสมผสานระหว่างมะขาม เครื่องเทศ และกะทิหรือส่วนผสมอื่นๆ ทำให้เกิดซอสแกงที่มีรสชาติและมีกลิ่นหอม
  • ปุลิโยดารา (ข้าวมะขาม):อาหารอินเดียใต้ที่หุงข้าวผสมกับเครื่องแกงมะขาม ถั่วเลนทิล และเครื่องเทศ ทำให้ได้ข้าวที่มีรสเปรี้ยวและมีกลิ่นหอม
  • ไก่หรือซี่โครงเคลือบมะขาม:น้ำหมักหรือเคลือบที่ทำจากมะขามสามารถเพิ่มรสชาติหวานและเปรี้ยวที่เป็นเอกลักษณ์ให้กับไก่หรือซี่โครงย่างหรือย่าง
  • ซุปมะขาม:มะขามสามารถใช้ในซุปโดยเฉพาะในอาหารเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตัวอย่างเช่น Sinigang ซึ่งเป็นซุปของชาวฟิลิปปินส์ ใช้มะขามเป็นส่วนประกอบที่มีรสเปรี้ยว รับประทานคู่กับผักและเนื้อสัตว์ต่างๆ
  • โซดามะขามหรือค็อกเทล:น้ำเชื่อมมะขามหรือเข้มข้นสามารถใช้สร้างเครื่องดื่มเพื่อความสดชื่นได้ สามารถเพิ่มลงในโซดาคลับสำหรับโซดามะขามหรือใช้ในค็อกเทลเพื่อความเป็นเอกลักษณ์
  • ซอสมะขามสำหรับผัก:ซอสมะขามสามารถใช้ปรุงรสผักผัดหรือย่างได้ เพิ่มความอร่อยให้กับจาน

นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา

  • https://www.webmd.com/diet/health-benefits-tamarind
  • https://meditativemind.org/10-benefits-of-tamarind-for-your-health/
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด