ข้าวโอ๊ตคืออะไร

ข้าวโอ๊ตเป็นหนึ่งในธัญพืชที่ดีต่อสุขภาพที่สุดในโลก ข้าวโอ๊ตคือ ธัญพืชเต็มเมล็ดที่ปลอดกลูเตน และเป็นแหล่งของวิตามิน เกลือแร่ เส้นใยอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระมากมาย จากการศึกษาพบว่าข้าวโอ๊ต และโอ๊ตมีลมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย รวมทั้งการลดน้ำหนัก ลดน้ำตาลในเลือดและลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ ข้าวโอ๊ตเป็นธัญพืชเต็มเมล็ดที่มักกินเป็นอาหารเช้าเรียกว่าโอ๊ตมีลหรือ Porridge ที่เป็นการนำข้าวโอ๊ตมาต้ม

คนยังมองหา : ยาลดความอ้วน

 

ประโยชน์ของข้าวโอ๊ต

ประโยชน์ของการกินข้าวโอ๊ตและโอ๊ตมีล ข้าวโอ๊ตสำเร็จรูปเป็นที่นิยมเพราะทำให้สุกง่าย แต่บางคนอาจจะไม่คุ้นชินกับรสชาติ  คนมักกินข้าวโอ๊ตเป็นมื้อเช้า โดยต้มกับนมหรือน้ำ (บางครั้งเรียกว่า Porridge) ใส่ในมัฟฟิน แท่งกราโนลา คุ๊กกี้และขนมอบอื่นๆ ข้าวโอ๊ตเป็นที่นิยมมากในแถบตะวันตก เพราะข้าวโอ๊ตเป็นแหล่งพลังงานสูงและยังมีประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย

ข้าวโอ๊ตมีสารอาหารมากมาย 

ส่วนประกอบของสารอาหารในข้าวโอ๊ตมีความสมดุล มีคาร์โบไฮเดรตและเส้นใยอาหาร รวมถึงใยอาหารที่ดีเยี่ยมคือเบต้ากลูแคน และยังมีโปรตีนและไขมันมากกว่าธัญพืชทั่วไป ข้าวโอ๊ตมีวิตามินที่สำคัญ เกลือแร่และสารต้านอนุมูลอิสระจากพืชมากมาย ข้าวโอ๊ตแห้งครึ่งถ้วย(78 กรัม)มี
  • แมงกานีส: 191% ที่ร่างกายต้องการต่อวัน(RDI )
  • ฟอสฟอรัส: 41%ที่ร่างกายต้องการต่อวัน
  • แมกนีเซียม: 34% ที่ร่างกายต้องการต่อวัน
  • ทองแดง: 24% ที่ร่างกายต้องการต่อวัน
  • เหล็ก: 20% ที่ร่างกายต้องการต่อวัน
  • สังกะสี: 20% ที่ร่างกายต้องการต่อวัน
  • โฟเลต: 11% ที่ร่างกายต้องการต่อวัน
  • วิตามิน B1 (thiamin): 39% ที่ร่างกายต้องการต่อวัน
  • วิตามิน B5 (pantothenic acid): 10%ที่ร่างกายต้องการต่อวัน
  • มีแคลเซียม,โปตัสเซียม,วิตามิน B 6 และวิตามิน B3 ปริมาณเล็กน้อย
  • คาร์โบไฮเดรต 51 กรัม,โปรตีน 13 กรัม,ไขมัน 5 กรัมและใยอาหาร 8 กรัม แต่มีแคลอรีเพียง 303
นี่หมายความว่าข้าวโอ๊ตเป็นหนึ่งในอาหารที่อุดมด้วยสารอาหารอย่างมาก และเป็นแหล่งพลังงานที่แนะนำ

ข้าวโอ๊ตทั้งเมล็ดมีสารต้านอนุมูลอิสระมาก  

ข้าวโอ๊ตทั้งเมล็ดมีสารต้านอนุมูลอิสระและสารจากพืชที่มีประโยชน์เรียกว่าโพลีฟีนอล ที่รู้จักกันดีคือกลุ่มของ Avenanthramides ที่พบในข้าวโอ๊ตเท่านั้น Avenanthramides อาจช่วยลดความดันโลหิตโดยเพิ่มการสร้างในตริกออกไซด์ ที่ช่วยขยายเส้นเลือดและทำให้เลือดไหลเวียนดี นอกจากนี้ยังต้านการอักเสบและแก้อาการคันด้วย ในข้าวโอ๊ตยังมีกรด Ferulic ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระอีกด้วยOat Meal

ข้าวโอ๊ตมีใยอาหารที่ละลายน้ำได้เรียกว่า เบต้ากลูแคน

เบต้ากลูแคนเป็นใยอาหารที่มีมากในข้าวโอ๊ตและละลายน้ำได้บางส่วนและเกิดเป็นสารหนานุ่ม เหนียวคล้ายเจลในลำไส้ มีประโยชน์ต่อสุขภาพคือ
  • ลด LDL (คอเลสเตอรอลที่ไม่ดี)และคอเลสเตอรอลรวม
  • ลดน้ำตาลในเลือดและการตอบสนองของอินซูลิน
  • ทำให้อิ่มท้อง
  • เพิ่มแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้

ช่วยลดคอเลสเตอรอลและป้องกันความเสียหายจากคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี

โรคหัวใจเป็นสาเหตุการตายอันดับแรกๆในโลก ความเสี่ยงหลักคือการมีคอเลสเตอรอลในเลือดสูง การศึกษามากมายแสดงให้เห็นว่าใยอาหารเบต้ากลูแคนในข้าวโอ๊ตช่วยลดทั้งคอเลสเตอรอลรวมและคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี และยังอาจช่วยเพิ่มการขับน้ำดีที่มีคอเลสเตอรอลมาก จึงทำให้คอเลสเตอรอลในเลือดลดลง การออกซิเดชั่นของ LDL (เกิดเมื่อ LDL ทำปฏิกิริยากับอนุมูลอิสระ) เป็นขั้นตอนที่ก่อให้เกิดการดำเนินโรคหัวใจ เพราะมันทำให้เกิดการอักเสบในเส้นเลือดแดง ทำลายเนื้อเยื่อและเพิ่มความเสี่ยงของหัวใจวายและโรคหลอดเลือดในสมอง การศึกษาชิ้นหนึ่งรายงานว่า สารต้านอนุมูลอิสระในข้าวโอ๊ตร่วมกับวิตามินซี ช่วยป้องกันการออกซิเดชั่นของ LDL 

ข้าวโอ๊ตมีประโยชน์ช่วยเพิ่มการควบคุมน้ำตาลในเลือด

เบาหวานชนิดที่ 2 เป็นโรคที่พบบ่อย มีอาการคือน้ำตาลในเลือดสูงอย่างชัดเจน ซึ่งมีผลมาจากฮอร์โมนอินซูลินมีความไวลดลง ข้าวโอ๊ตอาจช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด โดยเฉพาะในผู้ที่น้ำหนักเกินหรือเป็นเบาหวานชนิดที่ 2  เนื่องจากเบต้ากลูแคนในข้าวโอ๊ต ที่ก่อตัวเป็นเจลหนา และช่วยให้อยู่ท้อง ทำให้การดูดซึมกลูโคสเข้าเส้นเลือดช้าลง

Oatmeal ข้าวโอ๊ตมีลเป็นอาหารที่อิ่มนาน และอาจข่วยลดน้ำหนัก

ไม่เพียงแต่ Oatmeal (Porridge) จะเป็นอาหารเช้าที่ให้พลังงานสูงแล้ว แต่ยังช่วยให้ท้องอิ่มนานอีกด้วย การรับประทานข้าวโอ๊ตอาจช่วยให้รับประทานอาหารอื่น ๆ ได้น้อยลงและน้ำหนักลดลงได้ เนื่องจากเบต้ากลูแคนใน oatmeal สามารถช่วยเพิ่มความอิ่มเพราะทำให้อาหารอยู่ในกระเพาะอาหารได้นาน เบต้ากลูแคน ช่วยเพิ่มการหลั่งเปบไทด์ YY ฮอร์โมนที่สร้างจากลำไส้เมื่อเรากินอาหาร ฮอร์โมนอิ่มนี้นำไปสู่การลดแคลอรีที่ได้รับและลดความเสี่ยงของความอ้วน

ข้าวโอ๊ตบดละเอียดอาจช่วยดูแลผิวหนัง 

ไม่ใช่เป็นเรื่องบังเอิญที่พบว่าข้าวโอ๊ตเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมากมาย ผู้ผลิตมักเรียกข้าวโอ๊ตบดละเอียดว่า “ผงข้าวโอ๊ต” FDA รับรองว่าผงข้าวโอ๊ต เป็นสารป้องกันผิว ข้าวโอ๊ตมีประวัติมานานในเรื่องการรักษาการคันและโรคจากการระคายเคืองของผิวหนัง ผลิตภัณฑ์ที่มีข้าวโอ๊ตเป็นส่วนผสมอาจช่วยทำให้อาการของกลากดีขึ้น แต่ผลนี้จะเกิดขึ้นต่อเมื่อใช้ข้าวโอ๊ตกับผิวเท่านั้น การรับประทานไม่ได้ช่วยลดอาการระคายเคืองผิว หลายคนอาจจะนำข้าวโอ๊ตมาเป็นสครับขัดผิวเพื่อประโยชน์นี้

ข้าวโอ๊ตและประโยชน์ที่น่าทึ่งช่วยลดความเสี่ยงของหอบหืดในเด็ก

หอบหืดเป็นโรคเรื้อรังที่พบบ่อยที่สุดในเด็ก  แม้ว่าเด็กทุกคนจะไม่มีอาการแบบเดียวกัน แต่หลายคนก็จะมีอาการไอเรื้อรัง มีเสียงหวีดในปอด และหายใจไม่สะดวก นักวิจัยหลายคนเชื่อว่า การให้ทารกกินอาหารแข็งเร็วไป อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดหอบหืดและโรคภูมิแพ้ต่างๆ แต่จากการศึกษาพบว่า ไม่ใช่อาหารแข็งทุกชนิด การให้เริ่มทารกเริ่มกินข้าวโอ๊ตเร็วอาจช่วยป้องกันได้  การศึกษาชิ้นหนึ่งรายงานว่าการให้ข้าวโอ๊ตกับทารกวัยก่อนหกเดือนช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดหอบหืดในเด็ก

ข้าวโอ๊ตอาจช่วยลดอาการท้องผูก

อาการท้องผูก เพราะลำไส้ทำงานน้อยและไม่สม่ำเสมอ ทำให้กากอาหารไหลผ่านยาก และส่วนใหญ่จะได้รับยาระบาย แม้จะได้ผล แต่ยาระบายมักทำให้น้ำหนักลดและคุณภาพชีวิตลดลง การทดลองหนึ่งพบว่าคนชรา 30 คนที่กินซุปหรือของหวานที่ผสมรำข้าวโอ๊ตนาน 12 สัปดาห์ มีการขับถ่ายดีขึ้น และยิ่งกว่านั้น 59% ของผู้ชรา หยุดการใช้ยาระบายได้หลังจากทำการทดลองไปสามเดือน และในกลุ่มควบคุม ลดการใช้ยาระบายลงได้ 8%

วิธีกินข้าวโอ๊ต

เมนูยอดนิยมคือกินข้าวโอ๊ตต้ม เป็นอาหารเช้า มีสูตรดังนี้
  • ข้าวโอ๊ตแผ่นอบ 1/2 ถ้วย
  • นมหรือน้ำ 250 ซีซี
  • เกลือเล็กน้อย
  • ใส่ทุกอย่างในหม้อ ต้มจนเดือด ลดไฟอ่อน คนเรื่อยๆจนนุ่ม
  • เพิ่มซินนามอนผง ผลไม้ ถั่วเมล็ดแห้ง เมล็ดผลไม้หรือกรีกโยเกิร์ต เพื่อเพิ่มรสชาติ
ข้าวโอ๊ตทำอะไรก็ได้บ้าง ข้าวโอ๊ตมักนำมาใส่ในขนมอบ มูสลี่ กราโนลา และขนมปัง และกินข้าวโอ๊ตแทนข้าวต้มได้ แม้ว่าข้าวโอ๊ตจะปลอดกลูเตน แต่บางครั้งอาจมีการปนเปื้อนได้ เพราะการเก็บเกี่ยว และขัดสีอาจใช้เครื่องมือเดียวกับธัญพืชอื่นๆที่มีกลูเตน หากคุณมีโรค Celiac หรือไวต่อกลูเตน ควรเลือกผลิตภัณฑ์ข้าวโอ๊ตที่รับรองว่าปลอดกลูเตน 

ข้าวโอ๊ตดียอดเยี่ยมสำหรับคุณ

ข้าวโอ๊ตเป็นอาหารที่มีสารอาหารมากมาย มีวิตามิน,เกลือแร่และสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญมากมาย และยังมีใยอาหารและโปรตีนมากกว่าธัญพืชอื่นๆ  ข้าวโอ๊ตมีส่วนประกอบที่ไม่เหมือนใคร โดยเฉพาะใยอาหารเบต้ากลูแคนที่ละลายน้ำได้ชื่อ Avenanthramides ยังช่วยลดน้ำตาลและคอเลสเตอรอลในเลือด,ป้องกันผิวหนังระคายเคืองและลดการท้องผูก กินแล้วอิ่มนานและยังมีคุณสมบัติอีกมากมายที่ช่วยลดน้ำหนัก สุดท้าย ข้าวโอ๊ตเป็นหนึ่งในอาหารที่ดียอดเยี่ยมต่อสุขภาพ ที่คุณหากินได้ง่าย

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับข้าวโอ๊ต

ข้าวโอ๊ตลดน้ําหนักได้ไหม

มีหลายคำถามมักถามว่าข้าวโอ๊ตลดน้ำหนักได้ไหม คำตอบคือข้าวโอ๊ตสามารถทำให้ท้องอิ่มได้นานขึ้นทำให้ปริมาณความอยากอาหารช้าลง หรือลดลง การรับประทานข้าวโอ๊ตจึงมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักนั่นเอง

ข้าวโอ๊ตทําอะไรได้บ้าง

ข้าวโอ๊ตสามารถนำมาทำอาหารได้หลายอย่างไม่ว่าจะเป็นโจ๊กข้าวโอ๊ตที่รับประทานในตอนเช้า หรืออาจจะเป็นขนมหรือคุ้กกี้ต่าง ๆ รวมไปถึงสครับขัดผิว

ข้าวโอ๊ตแคลอรี่อยู่ที่เท่าไหร่

โอ๊ตมีล 100 กรัม มีแคลอรี่ตกที่ประมาณ 67.6 แคลอรี่

ใครที่ไม่ควรทานข้าวโอ๊ต

โดยทั่วไปข้าวโอ๊ตเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและคนส่วนใหญ่รับประทานได้ อย่างไรก็ตาม มีบุคคลที่ต้องหลีกเลี่ยงหรือจำกัดการบริโภคข้าวโอ๊ต:
  • ความไวต่อกลูเตนหรือโรค Celiac:แม้ว่าข้าวโอ๊ตจะปราศจากกลูเตนตามธรรมชาติ แต่บางครั้งอาจมีกลูเตนปนเปื้อนในระหว่างกระบวนการผลิต บุคคลที่เป็นโรค celiac หรือมีความไวต่อกลูเตนอย่างรุนแรงควรเลือกใช้ข้าวโอ๊ตปลอดกลูเตนที่ผ่านการรับรองเพื่อหลีกเลี่ยงอาการไม่พึงประสงค์
  • อาการแพ้ข้าวโอ๊ต:แม้ว่าจะเกิดขึ้นได้ยาก แต่บางคนอาจมีอาการแพ้ข้าวโอ๊ต ส่งผลให้เกิดอาการแพ้ได้ หากใครมีอาการคัน บวม ลมพิษ หรือมีอาการแพ้ใดๆ หลังจากรับประทานข้าวโอ๊ต ก็ควรหลีกเลี่ยง
  • ความไวต่อกรดไฟติก:ข้าวโอ๊ตก็เหมือนกับธัญพืชหลายชนิด มีกรดไฟติกซึ่งสามารถขัดขวางการดูดซึมแร่ธาตุบางชนิดได้ บางคนอาจมีความไวต่อกรดไฟติกหรือมีสภาวะที่ต้องได้รับแร่ธาตุอย่างระมัดระวัง และอาจจำเป็นต้องควบคุมการบริโภคข้าวโอ๊ต
  • ภาวะทางเดินอาหารที่เฉพาะเจาะจง:สำหรับบุคคลที่มีภาวะทางเดินอาหารโดยเฉพาะ เช่น อาการลำไส้แปรปรวน (IBS) หรือปัญหาระบบทางเดินอาหารอื่นๆ ปริมาณเส้นใยสูงในข้าวโอ๊ตอาจทำให้รู้สึกไม่สบายหรือทำให้อาการรุนแรงขึ้น ในกรณีเช่นนี้ อาจแนะนำให้เริ่มต้นด้วยปริมาณที่น้อยลงหรือเลือกพันธุ์ข้าวโอ๊ตที่ย่อยง่ายกว่า (เช่น ข้าวโอ๊ตบดละเอียดหรือข้าวโอ๊ตบดละเอียด)
  • ข้อกังวลเรื่องน้ำตาลในเลือด:แม้ว่าข้าวโอ๊ตโดยทั่วไปถือว่ามีประโยชน์ต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดเนื่องจากมีปริมาณเส้นใยสูง แต่บางคนก็อาจมีระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นหรือส่งผลเสียอื่นๆ แนะนำให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานหรือผู้ที่กังวลเกี่ยวกับระดับน้ำตาลในเลือดติดตามการตอบสนองต่อการบริโภคข้าวโอ๊ตและปรับเปลี่ยนตามความจำเป็น

นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา

  • https://www.everydayhealth.com/columns/bonnie-taub-dix-nutrition-intuition/reasons-why-you-should-eat-oatmeal-every-day/
  • https://www.medicalnewstoday.com/articles/324176
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด