เสียงหัวเราะเป็นยาที่วิเศษ (Laughter is Best Medicine) 

การแบ่งปันเสียงหัวเราะดีๆ มันเป็นเรื่องที่สนุกที่ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าแท้จริงแล้วเสียงหัวเราะสามารถทำให้คุณมีสุขภาพดีขึ้นได้ด้วย เรียนรู้วิธีใช้ประโยชน์จากพลังแห่งเสียงหัวเราะและการมีอารมณ์ขัน 

ประโยชน์ของการหัวเราะ 

เสียงหัวเราะเป็นยารักษาโรค และสามารถดึงดูดผู้คนเข้าด้วยกันโดยการกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อสุขภาพทางร่างกายและทางอารมณ์ การหัวเราะช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของคุณแข็งแรงขึ้น กระตุ้นอารมณ์ ลดความเจ็บปวด และปกป้องคุณจากอันตรายที่เป็นผลกระทบของความเครียด ไม่มีสิ่งใดทำงานได้เร็ว หรือวางใจได้ว่าจะทำให้ร่างกายและจิตใจของคุณกลับคืนสู่สมดุลได้ดีไปกว่าการหัวเราะที่ดี อารมณ์ขันช่วยแบ่งเบาภาระของคุณทำให้คุณรู้สึกเบิกบาน กระตุ้นความหวัง เชื่อมโยงคุณเข้ากับผู้อื่น และทำให้คุณมีสมาธิ มีจิตใจจดจ่อ และตื่นตัว นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณหายโกรธและยกโทษให้แก่ผู้อื่นได้เร็วขึ้น เสียงหัวเราะเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งการเยียวยาและต่ออายุ หากสามารถหัวเราะง่าย และหัวเราะได้บ่อยๆ จะทำให้คุณสามารถเอาชนะปัญหาต่างๆ เสริมสร้างความสัมพันธ์ของคุณกับคนรอบข้าง เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังในการรักษาพลังงความสามารถในการหัวเราะได้อย่างง่ายดายและบ่อยครั้ง และสนับสนุนสุขภาพทั้งทางร่างกายและทางอารมณ์ ประเด็นที่ดีที่สุดก็คือ เสียงหัวเราะสามารถเป็นยาที่ไม่ต้องซื้อด้วยเงิน และให้ความสนุกสนาน  และเชื่อมความสัมพันธ์ให้ดียิ่งขึ้น ตอนที่พวกเราเป็นเด็กๆ ในแต่ละวันพวกเราต่างก็เคยหัวเราะนับร้อยครั้ง แต่พอเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ ก็มักมีแนวโน้มที่จะจริงจังกับชีวิตมากขึ้นและมีเสียงหัวเราะลดน้อยลง แต่เราสามารถฟื้นฟูคุณภาพทางอารมณ์ ด้วยการหาโอกาสสร้างอารมณ์ขันและเสียงหัวเราะให้มากขึ้น สร้างความสัมพันธ์ของคุณกับผู้อื่น หาความสุขให้มากขึ้น – และยังทำให้มีคุณอายุยืนยาวขึ้นด้วย  

เสียงหัวเราะบำบัดดีต่อสุขภาพ 

เสียงหัวเราะสร้างความผ่อนคลายให้กับทุกส่วนของร่างกาย หัวเราะเสียงดังโดยที่ไม่เสแสร้ง ช่วยลดความตึงเครียดและบรรเทาความเครียดทางร่างกาย กล้ามเนื้อของคุณจะผ่อนคลายได้นานถึง 45 นาทีหลังจากการหัวเราะ  เสียงหัวเราะช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มของกันร่างกายทำงานได้ดีขึ้น ในขณะที่คุณหัวเราะร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนความเครียดน้อยลง เซลล์ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับภูมิคุ้มกันที่ช่วยเพิ่มความต้านทานต่อโรคและแอนติบอดีต่อสู้กับการติดเชื้อจะมีมากขึ้น  เสียงหัวเราะกระตุ้นการหลั่งสารเอ็นโดร์ฟิน ซึ่งร่างกายสร้างขึ้นเองตามธรรมชาติ เมื่อร่างกายหลั่งสารเอ็นโดร์ฟินจะทำให้มีความรู้สึกดี ส่งเสริมความเป็นอยู่โดยรวม และยังสามารถบรรเทาอาการเจ็บปวดได้ชั่วคราว  เสียงหัวเราะเป็นเกราะปกป้องหัวใจ เสียงหัวเราะช่วยทำให้หลอดเลือดทำงานดีขึ้น และเพิ่มการไหลเวียนของเลือดมากขึ้น ซึ่งจะช่วยปกป้องคุณจากอาการของหัวใจวาย และปัญหาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับหัวใจและหลอดเลือด  เสียงหัวเราะเร่งเผาผลาญพลังงาน  เป็นเรื่องแน่นอนที่ว่า ไม่มีสิ่งใดมาทดแทนการออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญพลังงานได้ แต่ผลการศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่า การหัวเราะเพียงวันละ 10 – 15 นาที สามารถเผาผลาญพลังงานได้ประมาณ 40 แคลอรี่ ซึ่งอาจเพียงพอที่จะลดน้ำหนักได้ถึง 1.35 – 1.8 กิโลกรัม ต่อปี เสียงหัวเราะช่วยปลดเปลื้องความโกรธ  การหัวเราะร่วมกันเป็นการสลายความโกรธและความขัดแย้งได้อย่างรวดเร็ว การมองในแง่มุมที่ตลกๆ สามารถเปลี่ยนปัญหาให้กลายเป็นมุมมอง และช่วยให้คุณข้ามผ่านการเผชิญหน้ากับปัญหาเหล่านั้นโดยไม่ยึดติดอยู่กับความขมขื่นหรือความรู้สึกเคียดแค้น  เสียงหัวเราะอาจช่วยทำให้มีอายุยืนยาวขึ้น การศึกษาในประเทศนอร์เวย์พบว่า คนที่มีอารมณ์ขันจะมีอายุยืนกว่าคนที่ไม่ค่อยหัวเราะ ซึ่งน่าสังเกตความแตกต่างนี้เป็นอย่างยิ่งในผู้ป่วยที่กำลังต่อสู้กับโรคมะเร็ง 
การหัวเราะบำบัด

ประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย 

  • ป้องกันโรคหัวใจ
  • ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ 
  • ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน 
  • ลดความเจ็บปวด 
  • ลดฮอร์โมนที่ทำให้เกิดความเครียด
ประโยชน์ต่อสุขภาพจิต 
  • เพิ่มความสุขและความสนุกให้กับชีวิต 
  • คลายความวิตกกังวลและลดความตึงเครียด 
  • ทำให้อารมณ์ดีขึ้น 
  • เสริมสร้างความยืดหยุ่นทางจิตใจ 
ประโยชน์ต่อสังคม 
  • เสริมสร้างความสัมพันธ์ 
  • ดึงดูดผู้อื่นเข้ามาหาเรา 
  • เสริมสร้างการทำงานเป็นทีม 
  • ช่วยขจัดความขัดแย้ง 
  • ส่งเสริมความผูกพันของกลุ่ม 
ประโยชน์ทางปัญญา
  • ความจำที่ดีขึ้น:การหัวเราะสามารถเพิ่มความจำและการทำงานของการรับรู้ได้ ผู้คนมักจะจดจำข้อมูลที่นำเสนอในบริบทที่มีอารมณ์ขันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • ความคล่องตัวทางจิต:อารมณ์ขันและเสียงหัวเราะสามารถพัฒนาความสามารถทางจิตและเพิ่มความยืดหยุ่นในการรับรู้
  • การรับมือกับความเครียด:การมีอารมณ์ขันและเสียงหัวเราะเป็นประจำสามารถปรับปรุงความสามารถของแต่ละบุคคลในการรับมือกับความเครียดและความทุกข์ยาก
Laughter is Best Medicineคนหัวเราะช่วยทำให้สุขภาพจิตดีขึ้น เมื่อคุณหัวเราะ เสียงหัวเราะจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น แม้ว่าคุณจะหัวเราะจบไปแล้วความรู้สึกดีๆนั้นก็จะยังคงอยู่กับคุณไปอีกระยะหนึ่ง การมีอารมณ์ขันช่วยให้คุณมองโลกในแง่ดี ทำให้ผ่านพ้นสถานการณ์ที่ยากลำบาก ความผิดหวัง และการสูญเสียไปได้  เสียงหัวเราะเป็นได้มากกว่าการทำให้คุณลืมความเศร้าหรือความเจ็บปวดได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราว แต่ยังทำให้คุณมีความกล้าหาญและเข้มแข็งสำหรับการค้นหาแหล่งของความหมายและความหวังใหม่ ๆ และแม้ว่ากำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด การหัวเราะหรือเพียงแค่รอยยิ้มก็สามารถช่วยทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้  และเสียงหัวเราะก็เป็นเหมือนโรคติดต่อได้  จริง ๆ แล้วเพียงแค่ได้ยินเสียงหัวเราะก็ทำให้สมองของคุณปลอดโปร่งและพร้อมที่จะยิ้มและหัวเราะตามได้ทันที 

ความเชื่อมโยงระหว่างเสียงหัวเราะและการมีสุขภาพจิตที่ดี 

เสียงหัวเราะระงับความเศร้าโศกได้  ในขณะที่หัวเราะคุณจะไม่รู้สึกถึงความวิตกกังวล โกรธ หรือโศกเศร้า เสียงหัวเราะช่วยทำให้ผ่อนคลายและเพิ่มพลัง เสียงหัวเราะช่วยทำให้ความเครียดลดลง และยังเป็นการช่วยเพิ่มพลังให้กับตัวคุณ ทำให้คุณมีสมาธิมากขึ้น และทำงานได้มากขึ้นด้วย การหัวเราะทำให้เกิดการเปลี่ยนมุมมอง  การหัวเราะช่วยให้คุณเห็นสถานการณ์ได้อย่างสมจริง ลดการคุกคามที่มีต่อคุณลง การมองในมุมมองที่ตลกขบขันทำให้รู้สึกว่ามีระยะห่างจากสิ่งที่กำลังคุกคามจิตใจคุณ ซึ่งสามารถช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงความรู้สึกที่กำลังถาโถมเข้ามาและลดความขัดแย้งลงได้  การหัวเราะทำให้คุณใกล้ชิดกับคนอื่นมากขึ้น การหัวเราะจะนำคุณและคนอื่นๆ ให้เข้ามาใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลดีสุขภาพจิตและอารมณ์ของคุณในทุกๆ ด้าน

เสียงหัวเราะตลก ๆ ทำให้ผู้คนมารวมตัวกันและเสริมสร้างความสัมพันธ์ต่อกัน 

การหัวเราะเป็นโรคติดต่อ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมละครซิดคอมในโทรทัศน์หลายช่องจึงต้องแทรกการหัวเราะลงในฉากที่ต้องการให้คุณหัวเราะ  มีแนวโน้มว่าคุณจะหัวเราะเมื่อมีคนอื่นอยู่รอบๆ ตัวคุณมากกว่าในเวลาที่คุณอยู่คนเดียวหลายเท่า และยิ่งคุณนำเสียงหัวเราะเข้ามาในชีวิตของคุณมากเท่าใด คุณและคนรอบข้างก็จะรู้สึกมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น  ความจริงแล้ว การเล่าเรื่องตลกขบขันเป็นความสนุกแค่ครึ่งเดียว เสียงหัวเราะส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากการได้ฟังเรื่องตลก แต่มาจากการใช้เวลาร่วมกับเพื่อนและครอบครัว และลักษณะทางสังคมแบบนี้มีบทบาทสำคัญในการทำให้เกิดเสียงหัวเราที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพของคุณ คุณจะไม่สามารถหัวเราะกับคนอื่นได้ เว้นแต่คุณจะใช้เวลาในมีส่วนร่วมกับพวกเขามาพอสมควรแล้ว เมื่อคุณสนใจใครสักคนมากพอที่จะปิดโทรศัพท์และคุยกับพวกเขาแบบเห็นหน้ากันจริงๆ คุณกำลังเริ่มกระบวนการปรับสมดุลของระบบประสาทและติดเบรกการตอบสนองต่อความเครียด และพร้อมที่ “จะสู้หรือจะหนี” และถ้าคุณแบ่งปันเสียงหัวเราะด้วยกัน คุณจะรู้สึกมีความสุขมากขึ้น คิดบวกและผ่อนคลายมากขึ้น แม้ว่าคุณจะไม่สามารถทำให้สถานการณ์ที่ตึงเครียดที่มีอยู่ในตอนนั้นเปลี่ยนแปลงไปได้ก็ตาม  

การหัวเราะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ได้อย่างไร

เสียงหัวเราะร่วมกันเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพที่สุดอย่างหนึ่งที่น่าตื่นเต้นสำหรับรักษาความสัมพันธ์ให้ยั่งยืนได้อย่างน่าตื่นเต้น การแบ่งปันความรู้สึกทางอารมณ์เป็นการสร้างสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและยั่งยืน การได้หัวเราะร่วมกันจะช่วยเพิ่มความสุข ความมีชีวิตชีวาและสร้างกำลังใจที่ดี  การมีอารมณ์ขันเป็นอีกวิธีหนึ่งที่มีพลังและมีประสิทธิภาพสำหรับใช้ในการเยียวยาความไม่พึงพอใจ ความขัดแย้ง และความเจ็บปวดต่างๆ  เสียงหัวเราะจะช่วยสร้างความสามัคคีให้ผู้คนที่กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากได้ การสนทนากันอย่างมีอารมณ์ขันและไม่จริงจังมากจนเกินไป จะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ของเราให้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกเชิงบวกและส่งต่ออารมณ์ของกันและกัน ความผูกพันเชิงบวกจะถูกสร้างขึ้นเมื่อเราหัวเราะร่วมกัน ซึ่งสิ่งนี้จะทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันความขัดแย้ง ความเครียด  และความผิดหวัง  การมีอารมณ์ขันและการหัวเราะร่วมกับคนที่มีสายสัมพันธุ์กัน จะช่วยให้คุณได้รับสิ่งต่อไปนี้: หัวเราะได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น อารมณ์ขันช่วยทำให้คุณสลัดเรื่องวุ่นวายที่มีอยู่ในหัวออกไป และปล่อยวางปัญหาของคุณลงได้ ทำให้รู้สึกปลอดภัย: การหัวเราะช่วยทำให้คุณลืมความขุ่นเคือง ไม่ด่วนตัดสินใจ หยุดการวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่น และคลายความสงสัยต่างๆ ลง ได้ปลดปล่อยอารมณ์ที่คุณเก็บกดเอาไว้: ความรู้สึกกลัวที่เกิดขึ้นและถูกเก็บกดเอาไว้ในใจ จะถูกระบายและปลดปล่อยออกไป  ทำให้คุณแสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมาได้:  คุณจะเริ่มกล้าที่จะปลดปล่อยอารมณ์ที่รู้สึกอยู่ลึก ๆ ออกมา 

ใช้อารมณ์ขันเพื่อลดความความตึงเครียดและแก้ปัญหาความขัดแย้งในความสัมพันธ์ของคุณ:

การหัวเราะเป็นเครื่องมือที่มีคุณภาพอย่างยิ่งในการจัดการความขัดแย้งและลดความตึงเครียด โดยเฉพาะเมื่อกำลังมีอารมณ์พลุ่งพล่าน  คุณสามารถที่จะใช้อารมณ์ขันเพื่อยุติความขัดแย้ง ลดระดับความเครียดของทุกคน ไม่ว่าจะกับคู่รักที่โรแมนติก เพื่อน ครอบครัว หรือเพื่อนร่วมงาน ทำให้สามารถสื่อสารกันได้ด้วยสันติวิธีที่แทนที่จะทำลายความสัมพันธ์นั้น

วิธีที่จะทำให้คุณหัวเราะได้มากกว่าเดิม

การหัวเราะเป็นสิทธิ์ และเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคุณที่มีและเป็นมาตั้งแต่เกิด ทารกจะเริ่มยิ้มในช่วงสัปดาห์แรกหลังคลอดและเริ่มหัวเราะเสียงดังภายในไม่กี่เดือนหลังนั้น แม้ว่าคุณจะไม่ได้เติบโตมาในครอบครัวที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเสียงหัวเราะ แต่คุณสามารถที่จะฝึกหัวเราะได้ในทุกช่วงจังหวะของชีวิต เริ่มต้นด้วยการกำหนดช่วงเวลาขึ้นมาสักช่วงหนึ่ง โดยให้ถือว่าเป็นช่วงเวลาพิเศษเพื่อสร้างอารมณ์ขันและเสียงหัวเราะ เช่นเดียวกับการออกกำลังกาย แล้วเริ่มต้นจากตรงนั้น คุณต้องผนวกเอาอารมณ์ขันและเสียงหัวเราะเข้าไว้กับชีวิตของคุณ และค้นหาสิ่งเหล่านี้อย่างเป็นธรรมชาติในทุกๆ สิ่ง เริ่มต้นหัวเราะโดยวิธีต่อไปนี้: การยิ้ม  ยิ้มเป็นจุดเริ่มต้นของเสียงหัวเราะ และดูเหมือนว่าเสียงหัวเราะจะสามารถติดต่อถึงกันได้ เมื่อคุณเห็นใครหรือเห็นสิ่งใดที่สร้างความพึงพอใจให้คุณขอให้ฝึกยิ้มกับสิ่งนั้น โดยเงยหน้ามองและยิ้มให้กับคนที่เดินผ่านคุณไปมา ยิ้มให้คนที่เสิร์ฟกาแฟยามเช้า หรือยิ้มให้เพื่อนร่วมงานที่คุณใช้ลิฟต์ด้วยกันแทนที่จะก้มมองแต่โทรศัพท์มือถือในมือของคุณ แล้วสังเกตว่าผู้คนเหล่านั้นจะตอบสนองต่อการยิ้มของคุณอย่างไร นึกสิ่งดีๆ ในตัวคุณ:  ลองนึกถึงข้อดีของคุณ แล้วทำบันทึกรายการเป็นข้อๆ เรียงตามตัวอักษร  สิ่งที่ทำได้ง่ายๆ อย่างหนึ่งคือการคิดบวก การคิดบวกจะทำให้คุณห่างไกลจากความคิดเชิงลบที่ปิดกั้นอารมณ์ขันและเสียงหัวเราะ เมื่อคุณตกอยู่ในความเศร้าคุณต้องพยายามก้าวต่อไปเพื่อให้เข้าถึงอารมณ์ขันและเสียงหัวเราะให้ได้ เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะ จงเดินเข้าหามัน. บางครั้งอารมณ์ขันและเสียงหัวเราะก็เป็นเรื่องส่วนตัว หรือเป็นเรื่องตลกร่วมกันในกลุ่มเล็ก ๆ แต่โดยปกติแล้วคนที่มีความสุขมากเมื่อได้แบ่งปันอะไรตลก ๆ ต่อกันจะพบได้ไม่บ่อยนัก  เพราะมันจะให้คุณได้แสดงอารมณ์ขันที่คุณมีร่วมกับคนเหล่านั้นด้วย ทำให้พวกเขาหัวเราะเรื่องราวเหล่านั้นอีกครั้ง เมื่อคุณได้ยินเสียงหัวเราะให้ค้นหาและถามว่า “มีเรื่องอะไรตลกเหรอ” ขำ ๆ คลายเครียดพูดคุยกับคนสนุกสนานและขี้เล่น: คนเหล่านี้เป็นคนที่หัวเราะได้ง่าย ทั้งที่หัวเราะกับตัวเองและหัวเราะกับความไร้สาระในชีวิต ซึ่งอารมณ์ขันเหล่านั้นมักจะเป็นเหตุการณ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวัน มุมมองที่ขี้เล่นและเสียงหัวเราะของพวกเขาเหมือนจะเป็นโรคติดต่อถึงกันได้ แม้ว่าคุณจะไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนร่าเริงอารมณ์ดี แต่คุณสามารถมองหาคนที่ชอบหัวเราะและทำให้คนอื่นหัวเราะได้  การสนทนาอย่างมีอารมณ์ขัน: ถามคู่สนทนาว่า “ในวันนี้คุณสนุกกับอะไรมากที่สุด? ในสัปดาห์นี้ อะไรคือสิ่งที่รู้สึกว่าสนุกที่สุด? คุณสนุกกับสิ่งใดมากที่สุดในชีวิตของคุณ?” 

การแสร้งหัวเราะ: 

แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณไม่สามารถ “หาเรื่องตลก” ได้ เชื่อหรือไม่ว่าเป็นไปได้ที่จะหัวเราะโดยไม่ต้องเจอเหตุการณ์ตลก ๆ และการแกล้งหัวเราะก็มีประโยชน์เช่นเดียวกับการหัวเราะที่ไม่ได้เสแสร้ง  นอกจากนี้ การหัวเราะยังสามารถทำให้การออกกำลังกายเป็นเรื่องสนุกขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น  การศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐจอร์เจียพบว่า การผสานเสียงแสร้งหัวเราะเข้ากับโปรแกรมการออกกำลังกายจะช่วยฟื้นฟูสุขภาพจิตของผู้สูงอายุและทำให้ออกกำลังแบบแอโรบิกได้นานมากขึ้น นอกจากนี้การได้ยินคนอื่นหัวเราะแม้จะไม่มีเหตุผลชัดเจนก็มักจะกระตุ้นให้เกิดเสียงหัวเราะอย่างแท้จริงขึ้นได้  หากอยากเพิ่มการแสร้งหัวเราะเข้าไปในชีวิตของคุณ ลองค้นหาใน ชั้นเรียนโยคะหัวเราะ หรือกลุ่มบำบัดด้วยการหัวเราะ หรือคุณอาจเริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการหัวเราะให้กับเรื่องตลกๆของคนอื่นแม้ว่าคุณจะไม่เห็นว่าเป็นเรื่องตลกก็ตาม แต่มันจะทำให้ทั้งคุณและอีกฝ่ายใกล้ชิดกันมากขึ้นและรู้สึกดีขึ้น ใครจะรู้ล่ะ มันอาจทำให้เกิดเสียงหัวเราะจริงๆ ขึ้นมาก็ได้

นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา

  • https://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/stress-management/in-depth/stress-relief/art-20044456
  • https://selecthealth.org/blog/2016/11/laughter
  • https://www.npr.org/2020/09/25/916997530/laughter-the-best-medicine
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด