การทำความเข้าใจวัคซีน HPV
เชื้อเอชพีวี (HPV) ส่งผลต่อคนเกือบ 80 ล้านคนในสหรัฐอเมริกา เป็นเชื้อไวรัสที่สามารถส่งต่อผ่านความสัมพันธ์แบบเนื้อแนบเนื้อหรือผ่านกิจกรรมทางเพศ กระนั้นเชื้อ HPV มักจะหายไปได้เอง แต่อาจเป็นสาเหตุบางอย่างที่อาจทำให้เกิดโรคที่น่ากังวล นับตั้งแต่โรคหูดหงอนไก่ไปจนถึงมะเร็งปากมดลูก วัคซีนมะเร็งปากมดลูก HPV คือวัคซีนที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิผลในการป้องกันโรคที่เกิดจากเชื้อเอชพีวีทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ทาง The Centers for Disease Control and Prevention (CDC) ได้แนะนำให้เด็กช่วงก่อนเข้าวัยรุ่นได้ฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกนี้ในช่วงอายุ 11 หรือ 12 ปี เพื่อให้แน่ใจว่าจะช่วยป้องกันการติดเชื้อเอชพีวีก่อนมีโอกาสได้สัมผัสกับเชื้อไวรัส สามารถรับวัคซีนได้จนกระทั่งอายุ 45 ปีประโยชน์ที่ได้จากวัคซีนเอชพีวีคืออะไร?
ข้อดี
- วัคซีน HPV สามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อเอชพีวีชนิด 16 และ 18 ซึ่งทั้งสองชนิดสามารถนำไปสู่โรคมะเร็งบางชนิด
- วัคซีนสามารถป้องกันการติดเชื้อบางสายพันธุ์ที่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งปากมดลูก
ฉีดวัคซีน HPV มีผลข้างเคียงหรือข้อเสียหรือไม่
ข้อเสีย
- วัคซีน HPV อาจเกิดผลข้างเคียงแต่พบได้น้อยมากๆ จวบจนทุกวันนี้ยังไม่เคยมีผลข้างเคียงที่รุนแรงเกิดขึ้นจากวัคซีนนี้มาก่อน
- วัคซีน HPV ช่วยป้องกันการติดเชื้อโรคมะเร็งที่มีสาเหตุมาจากเชื้อเอชพีวีบางชนิดแต่ไม่ใช่ทั้งหมด
- ปวดหรือบวมบริเวณที่ฉีด
- มีไข้เล็กน้อย
- ปวดศีรษะ
- อ่อนเพลีย
- ปวดกล้ามเนื้อ
- ปวดข้อต่อ
- หน้ามืด
- คลื่นไส้
- อาเจียน
- ปวดท้อง
- ท้องเสีย
- วัคซีนไม่สามารถป้องกันโรคที่เกิดจากการติดเชื้อเอชพีวีได้ทั้งหมด จึงเป็นเรื่องสำคัญว่าผู้หญิงยังคงต้องได้รับการตรวจแปปสเมียร์เป็นประจำเพื่อตรวจหาสัญญานของโรคมะเร็งปากมดลูก
- วัคซีนไม่ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือรักษาอาการเจ็บป่วยจากการติดเชื้อเอชพีวีหรืออการติดเชื้อ ยังจำเป็นต้องใช้ถุงยางอนามัยหรือวิธีป้องกันอื่นในระหว่างมีเพศสัมพันธ์เพื่อช่วยป้องกันการติดเชื้อหรือแพร่เชื้อโรคทางเพศสัมพันธ์
ปัจจัยความเสี่ยงสำหรับเชื้อเอชพีวีคืออะไร?
ใครคือคนที่มีความเสี่ยงในการได้รับเชื้อเอชพีวีหากไม่ได้รับวัคซีน มีปัจจัยมากมายที่เพิ่มความเสี่ยงในการได้รับเชื้อเอชพีวีหากไม่ได้รับวัคซีน ซึ่งรวมถีง:- การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยหรืออุปกรณ์ป้องกันอื่นๆ
- มีคู่นอนหลานคน
- มีแผลที่ผิวหนัง
- สัมผัสกับหูดหงอนไก่
- สูบบุหรี่หรือเคี้ยวยาเส้นเป็นประจำ ระบบภูมิต้านทานอ่อนแอ
- ระบบภูมิต้านทานไม่ดี
- รับประทานอาหารที่มีวิตามิน แร่ธาตุและสารอาหารอื่นๆต่ำ
วิธีอื่นๆในการป้องกันเชื้อเอชพีวี
ทางที่ดีที่สุดในการป้องกันเชื้อเอชพีวีคือการได้รับวัคซีน วิธีอื่นๆที่สามารถป้องกันเชื้อไวรัสได้คือ:- ใช้ถุงยางอนามัยหรืออุปกรณ์ป้องกันอื่นๆในระหว่างมีเพศสัมพันธ์ ถุงยางอนามัย แผ่นยางอนามัยและอุปกรณ์ป้องกันอื่นๆจะช่วยลดความเสี่ยงในการติดหรือส่งเชื้อเอชพีวี
- สำหรับผู้หญิง ควรตรวจหามะเร็งปากมดลูกเป็นประจำ แพทย์จะสามารถหาเซลล์ผิดปกติที่เปลี่ยนไปในผู้หญิงวัย 21 ถึง 65 ปีด้วยการหามะเร็งปาดมดลูกผ่านการตรวจแปปสเมียร์
- รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง จากการศึกษาพบว่าการขาดกรดโฟลิคจะเพิ่มการติดเชื้อเอชพีวี การรับประทานสารอาหารที่มาจากพืช (รวมถึงวิตามินซี)จะช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งปากมดลูก
กล่าวถึงความเชื่อผิด ๆ ทั่วไปเกี่ยวกับวัคซีน HPV
- ความเชื่อ: วัคซีน HPV มีไว้สำหรับผู้หญิงเท่านั้น
- ข้อเท็จจริง: แนะนำให้ใช้วัคซีน HPV สำหรับทั้งชายและหญิง เพื่อป้องกันมะเร็งและหูดที่อวัยวะเพศที่เกี่ยวข้องกับ HPV
- ความเชื่อ: วัคซีน HPV ส่งเสริมความสำส่อน
- ข้อเท็จจริง: การวิจัยไม่ได้แสดงหลักฐานที่สนับสนุนแนวคิดที่ว่าวัคซีน HPV ช่วยส่งเสริมกิจกรรมทางเพศ วัคซีนเป็นมาตรการป้องกันที่มุ่งลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ HPV และโรคที่เกี่ยวข้อง
- ความเชื่อ: วัคซีน HPV ไม่ปลอดภัย
- ข้อเท็จจริง: การทดลองทางการแพทย์อย่างกว้างขวางและการเฝ้าระวังหลังการวางตลาดได้แสดงให้เห็นความปลอดภัยของวัคซีน HPV เช่นเดียวกับวัคซีนอื่นๆ วัคซีน HPV อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น เจ็บบริเวณที่ฉีดหรือมีไข้ แต่เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ร้ายแรงเกิดขึ้นได้ยาก
- ความเชื่อ: วัคซีน HPV มีไว้สำหรับผู้หญิงเท่านั้น
บทสรุป
ถึงแม้ว่าเชื้อเอชพีวีจะหายไปได้เองก็ตาม แต่เชื้อไวรัสบางสายพันธุ์สามารถก่อให้เกิดอาการที่รุนแรงได้ เช่นมะเร็งปากมดลูก วัคซีน HPV vaccine สามารถป้องกันได้ตั้งแต่เด็กอายุ 11 ปีไปจนถึง 45 ปี นั้นเป็นข้อดีของวัคซีนชนิดนี้และผลข้างเคียงพบได้น้อยมาก หากมีคำถามเกี่ยวกับวัคซีนเอชพีวี รวมถึงข้อดีข้อเสีย ปรึกษาแพทย์ แพทย์จะสามารถบอกข้อมูลวัคซีนและแนะนำสิ่งที่เหมาะสมสำหรับคุณและลูกของคุณได้หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น