โกนหนวดหรือขนให้ถูกต้อง (How to Shave Properly)

ขนของแต่ละคนนั้นเจริญเติบโตแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นขนบนใบหน้า ใต้แขนขา และส่วนอื่น ๆ ของร่างกายที่คุณอาจต้องการโกน ในขณะที่หลายคนเชื่อว่ายิ่งคุณโกนขนตามร่างกายบ่อยเท่าไหร่ขนก็จะยิ่งหยาบมากขึ้นเท่านั้น แต่ก็ไม่เป็นความจริง อีกเรื่องหนึ่งที่คนเชื่อกันก็คือ ใบมีดโกนนั้นสามารถทำให้เกิดแผลไหม้ได้ การโกนอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญในการหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดผื่น  ความแห้งกร้าน และความรู้สึกไม่สบายในบริเวณที่โกน 

ควรจะโกนหนวดบ่อยแค่ไหน

ไม่มีกฎเกณฑ์ในการโกนหนวดว่าจะบ่อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับว่าคุณชอบความเรียบเนียน หรือต้องการให้หนวดเป็นตอ คุณจำเป็นต้องสังเกตว่าการโตของหนวดนั้นเป็นอย่างไร และผิวของคุณเป็นอย่างไรหลังผ่านการโกนหนวด ไม่จำเป็นต้องโกนทุกวัน มีดโกนไม่เพียงแค่ตัดขนของคุณเท่านั้น แต่ยังเอาเซลล์ผิวหนังชั้นบนของคุณออกด้วยทุกครั้งที่คุณใช้ใบมีดทั่วผิวหนังของคุณ หากไม่ได้ต้องการผิวที่เรียบเนียน โปรดหลีกเลี่ยงการโกนซ้ำ 2-3 วัน เพื่อให้ผิวของคุณได้รับการฟื้นฟู

เคล็ดลับในการโกนหนวด หรือขน

การโกนหนวดหรือขนที่ถูกต้องทำให้โกนได้เรียบเนียน และป้องกันการระคายเคือง และบาดแผล และลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ

ห้ามใช้มีดโกนหนวดร่วมกัน

แม้ว่ามีดโกนดูเหมือนจะลื่นไปทั่วผิว แต่แท้จริงแล้วมันสร้างรอยเล็กๆ และเสี่ยงต่อการติดเชื้ออย่างมาก การใช้มีดโกนร่วมกับผู้อื่นหมายความว่า คุณกำลังแบ่งปันแบคทีเรีย หรือเลือดของคนอื่นด้วย ซึ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้ออย่างมาก

ทำให้ผิวชุ่มชื้นก่อนการโกนหนวด

ใช้ครีมโกนหนวดหรือเจลโกนหนวด หากไม่มีอย่างน้อยก็ควรทำให้ผิวชุ่มไปด้วยน้ำอุ่นๆ ก่อน สิ่งนี้ช่วยให้มีดโกนทำงานได้ดี และลดการระคายเคืองจากการใช้มีดโกนบนผิวหนังที่แห้ง

ขัดผิวก่อนโกนหนวด

เราสามารถขัดผิวโดยการใช้สิ่งเหล่านี้ เช่น สครับ หรือใช้ผ้าขนหนู หรือใยบวบ ในการกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกก่อนการโกน จะทำให้โกนได้ใกล้เคียงกับรากขนที่แท้จริง

อย่าโกนหนวดบริเวณบาดแผลหรือผื่น

การโกนขนบนผิวหนังที่มีบาดแผล หรืออ่อนแอ จะทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อที่มากขึ้น

โกนตามทิศทางการเจริญเติบโตของ

การโกนขนที่ดีคือ โกนไปในทิศทางที่ขนเจริญไป เพื่อช่วยลดการชะงักระหว่างการโกนขน และการระคายเคืองต่อผิวหนังชั้นนอก คุณสามารถโกนอีกครั้งทั่วผิวหนังด้วยความอ่อนโยน เพื่อกำจัดเศษขนที่หลงเหลือ

เปลี่ยนใบมีดโกนหนวดบ่อยๆ

ความถี่ในการเปลี่ยนใบมีดโกนขึ้นกับเครื่องมือที่ใช้อาจจะเป็นด้ามมีดแบบธรรมดา หรือเครื่องโกนหนวด อีกสิ่งคือขึ้นกับการดูแลใบมีดโกน หากใบมีดโกนเริ่มเป็นสนิมหรือมีการเปลี่ยนแปลง ไม่ควรใช้เลย มีดโกนแบบใช้แล้วทิ้ง สามารถใช้ได้ 5-10 ครั้ง จำเป็นต้องเปลี่ยนมีดโกน อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้งHow to Shave Properly

วิธีโกนหนวด

ถ้าต้องการจะโกนหนวด ให้ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น ก่อนทาครีมโกนหนวด ค่อยๆ โกนหนวดบนใบหน้าอย่างช้าๆ ตามทิศทางการเจริญเติบโตของหนวด ระวังบริเวณลำคอและกรามเป็นพิเศษเพราะบริเวณเหล่านั้นเกิดบาดแผลได้ง่าย

วิธีโกนขนหน้าแข้ง

ก่อนโกนขนหน้าแข้งหรือขนที่ขาให้ทำความสะอาดบริเวณนั้นด้วยผ้าขนหนู หรือใยบวบ เพื่อขัดผิว จากนั้นขัดขาโดยใช้เจลหรือครีมโกนขน โกนขนขาเป็นจังหวะไปในทิศทางของขน หลังจากโกนเสร็จแล้วให้ล้างเจลออก และซับขาให้แห้ง จากนั้นลองทาครีมบำรุงผิว เช่น ว่านหางจระเข้ หรือวิชฮาเซล หากโกนเสร็จแล้วรู้สึกระคายเคือง

วิธีโกนขนในที่ลับ

ขนในบริเวณที่ลับนั้นจำเป็นจะต้องดูแลเป็นพิเศษ ผิวหนังบริเวณนั้นค่อยข้างจะอ่อนโยน และไวต่อสิ่งเร้า ผู้คนที่โกนขนในที่ลับประมาณ 80% มักจะพบกับผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น ก่อนทำการโกนขนในที่ลับให้ทำให้บริเวณนั้นชุ่มชื่นด้วยน้ำอุ่น สิ่งนี้จะทำให้ขนอ่อนนุ่มลง ง่ายต่อการโกน ใช้เจลหรือครีมชะโลม ทำผิวหนังบริเวณนั้นให้ตึง และค่อยๆ โกนออกไปตามทิศทางของขน จากนั้นล้างออกเมื่อเสร็จแล้ว เพื่อป้องกันการแดงและอักเสบ

การโกนขนรักแร้

ขนบริเวณรักแร้ เป็นอีกจุดที่ต้องระมัดระวังในการโกน ชะโลมผิวหนังบริเวณนั้นด้วยน้ำอุ่น ทำผิวหนังให้ตึงตลอดเวลา โปรดค่อยๆ โกน อย่างช้าๆ 

การรักษาแผลไหม้จากการโกน

หากโกนขนแล้ว พบแผลไหม้ที่ตามมา ให้ลองแก้ด้วยการสวมเสื้อผ้าหลวม ๆ ที่ไม่บีบอัด หรือระคายเคืองผิวจนกว่าอาการคันหรือแสบบรรเทาลง ลองใช้มอยส์เจอไรเซอร์ธรรมชาติที่ไม่มีกลิ่น และไม่มีสีย้อม เช่น ว่านหางจระเข้ หรือน้ำมันมะพร้าว เพื่อบรรเทาความแห้งกร้าน และการกระแทกจากมีดโกน อาจใช้ครีมไฮโดรคอร์ติโซนเฉพาะที่ เพื่อลดการอักเสบของผิว

ทำไมโกนหนวดต้องใช้ครีม

ครีมโกนหนวดทำหน้าที่สำคัญหลายประการในกระบวนการโกน ช่วยให้ได้รับประสบการณ์ที่นุ่มนวลและสะดวกสบายยิ่งขึ้น ต่อไปนี้คือสาเหตุบางประการว่าทำไมจึงมักใช้ครีมโกนหนวด:
  • การหล่อลื่น:
      • ครีมโกนหนวดเป็นชั้นหล่อลื่นระหว่างมีดโกนกับผิวหนัง ซึ่งจะช่วยลดการเสียดสี ช่วยให้มีดโกนเคลื่อนตัวได้อย่างราบรื่นทั่วพื้นผิว การหล่อลื่นจากครีมโกนหนวดจะช่วยลดการระคายเคือง รอยแดง และความเสี่ยงของรอยบาด
  • ทำให้เส้นขนนุ่ม:
      • ครีมโกนหนวดช่วยให้ขนบนผิวหนังนุ่มขึ้น ทำให้โกนขนได้ง่ายขึ้น  ส่งผลให้โกนได้อย่างมีประสิทธิภาพและสะดวกสบายมากขึ้น นี่เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีขนหยาบหรือหนา
  • ความชุ่มชื้น:
      • ครีมโกนหนวดมักมีส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้น เช่น กลีเซอรีนหรือว่านหางจระเข้ ซึ่งช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ผิวที่ชุ่มชื้นจะมีความยืดหยุ่นมากขึ้นและมีแนวโน้มที่จะเกิดการระคายเคืองน้อยลง นอกจากนี้ ผิวที่ชุ่มชื้นยังช่วยให้โกนได้นุ่มนวลขึ้นอีกด้วย
  • ความเย็นและผ่อนคลาย:
      • ครีมโกนหนวดบางชนิดมีส่วนผสมที่ให้ความเย็นหรือผ่อนคลายผิว ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับบุคคลที่มีผิวแพ้ง่าย ซึ่งช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองหลังการโกน
  • การป้องกันผิวไหม้:
      • คุณสมบัติในการหล่อลื่นและความชุ่มชื้นของครีมโกนหนวดทำงานร่วมกันเพื่อช่วยป้องกันผิวไหม้จากมีดโกน ซึ่งเป็นอาการระคายเคืองผิวหนังทั่วไปที่อาจเกิดขึ้นหลังการโกน ครีมโกนหนวดช่วยลดโอกาสเกิดการระคายเคืองและรอยแดงด้วยการสร้างเกราะป้องกัน
  • เพิ่มประสิทธิภาพของมีดโกน:
    • ครีมโกนหนวดสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของมีดโกนได้โดยการสร้างพื้นผิวที่เรียบเนียนขึ้นเพื่อให้ใบมีดเคลื่อนผ่านได้ ช่วยให้มีดโกนตัดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดการดึงหรือดึงเส้นขน
โดยสรุป ครีมโกนหนวดเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการโกน เนื่องจากให้การหล่อลื่น ช่วยให้เส้นผมนุ่มขึ้น ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว และช่วยให้โกนโดยรวมได้เรียบเนียนและสะดวกสบายยิ่งขึ้น การเลือกครีมโกนหนวดอาจขึ้นอยู่กับความชอบ ประเภทของผิว และความต้องการเฉพาะของแต่ละบุคคล แต่การใช้ครีมโกนหนวดที่มีคุณภาพสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและความเพลิดเพลินของประสบการณ์การโกนได้

บทสรุป

วิธีการโกนขนที่ถูกต้องนั้นสำคัญกว่าความบ่อยในการโกนเป็นอย่างมาก โปรดฝึกตามวิธีเหล่านี้ เพื่อสุขอนามัยส่วนตัวของคุณ และลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงที่ได้รับจากใบมีดโกน 
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด