ไวรัสตับอักเสบซี (Hepatitis C) : อาการ สาเหตุ การรักษา

ผู้เขียน Dr. Sommai Kanchana
0
ไวรัสตับอักเสบซี

ไวรัสตับอักเสบซีคืออะไร

ไวรัสตับอักเสบซี (Heptatitis C) คือโรคที่มีสาเหตุจากการอักเสบและติดเชื้อของตับ ซึ่งภาวะดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิด ซี (Hepatitis C virus : HCV) โดยการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีมีทั้งชนิดเฉียบพลันและเรื้อรัง

เชื้อไวรัสตับอักเสบซีไม่เหมือนกับไวรัสตับอักเสบเอหรือไวรัสตับอักเสบบี เนื่องจากยังไม่มีวัคซีนสำหรับไวรัสตับอักเสบซี ถึงแม้ว่าอาจมีการผลิตในอนาคต แต่ไวรัสตับอักเสบซีมีแนวโน้มแพร่เชื้อและติดต่อกันสูง หากมีการแพร่กระจายของผู้ที่เป็นโรคไวรัสดังกล่าวเป็นจำนวนมาก

ไวรัสตับอักเสบซีชนิดเรื้อรัง

โดยปกติอาการของไวรัสตับอักเสบซีชนิดเฉียบพลัน มักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่สัปดาห์ แม้ว่าอาการของไวรัสตับอักเสบซีชนิดเรื้อรังจะเกิดขึ้นหลายเดือน แต่ในระยะแรกมักไม่มีอาการใดปรากฎขึ้น องค์การอนามัยโลกได้ประมาณการว่าอาจมีประชากรมากกว่า 71 ล้านคนที่ป่วยเป็นโรคไวรัสตับอักเสบซีชนิดเรื้อรัง

อาการของไวรัสตับอักเสบซี

ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (The Centers for Disease Control and Prevention: CDC) คาดการว่าประมาณร้อยละ 70-80 ของคนที่เป็นไวรัสตับอักเสบซี ไม่แสดงอาการ ในขณะที่บางคนมีอาการเพียงเล็กน้อยไปจนถึงรุนแรง โดยมีอาการดังนี้ :

โดยอาการต่างๆเหล่านี้ อาจจะไม่ปรากฎขึ้นทันทีเมื่อติดเชื้อ และบางครั้งอาจมีอาการเกิดขึ้นหลังได้รับเชื้อไวรัสเป็นเวลา 6-7 สัปดาห์

อาการของไวรัสตับอักเสบซีในผู้ชาย

อาการของไวรัสตับอักเสบซีในผู้ชายจะเหมือนกันในผู้หญิง เพียงแต่ในผู้ชายมีโอกาสหายน้อยกว่าเมื่อเทียบกับผู้หญิง เนื่องจากเชื้อไวรัสตับอักเสบซีในผู้ชายจะอาศัยอยู่ในร่างกายได้นานกว่าและมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดอาการติดเชื้อต่างๆในผู้ชายได้

สาเหตุของการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีได้อย่างไร

ไวรัสตับอักเสบซีติดต่อกันผ่านการสัมผัสเลือดของผู้ที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดซี โดยสามารถแพร่กระจายผ่านช่องทางดังนี้:

  • การปลูกถ่ายอวัยวะ

  • การรับเลือด

  • การใช้ของใช้ร่วมกัน เช่น แปรงสีฟัน หรือมีดโกน

  • การใช้เข็มร่วมกัน

  • การคลอดบุตร (โดยติดเชื้อจากแม่สู่ลูก)

  • การมีเพศสัมพันธ์ ในกรณีที่มีเลือดออกขณะร่วมเพศ

    Hepatitis C

บุคคลที่มีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี มักมีสิ่งเหล่านี้:

  • ได้รับเลือดก่อนปีค.ศ.1992

  • ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ

  • ได้รับปัจจัยการแข็งตัวของเลือด หรือผลิตภัณฑ์จากเลือดก่อนปีค.ศ.1987

  • เข้ารับการฟอกเลือดมาเป็นเวลานาน

  • เกิดจากแม่ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี

  • มีเพศสัมพันธ์กับคนที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี

  • ใช้เข็มที่ผ่านการใช้งานแล้ว

ไวรัสตับอักเสบซีเป็นโรคติดต่อหรือไม่

ไวรัสตับอักเสบซีเป็นโรคติดต่อ แม้ว่าจะติดต่อกันทางเลือดอย่างเดียว แต่ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะติดไวรัสตับอักเสบซีจากการสัมผัสธรรมดาทั่วไป ยังมีการติดเชื้ออื่นๆอีกหลายอย่างที่มีโอกาสติดต่อสูง จึงเป็นสิ่งที่ต้องรู้ว่าเชื้อไวรัสตับอักเสบซีสามารถแพร่กระจายได้อย่างไรและไม่สามารถแพร่กระจายได้อย่างไร

การตรวจหาไวรัสตับอักเสบซี

หากแพทย์ไม่มีหลักฐานในการวินิจฉัยโรคจากอาการเพียงพอ สิ่งสำคัญคือคุณควรบอกประวัติการสัมผัสเชื้อไวรัสตับอักเสบซีให้แพทย์ทราบ

แพทย์จึงจะทำการเก็บตัวอย่างเลือดเพื่อส่งตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดซี การตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อไวรัสตับอักเสบชีสามารถประมาณการจำนวนเชื้อไวรัสที่อยู่ในกระแสเลือดของคุณได้ โดยการตรวจจีโนไทป์สามารถระบุชนิดจีโนไทป์ของไวรัสตับอักเสบซีที่คุณมีอยู่ เพื่อช่วยในการเลือกการรักษาที่เหมาะสมกับคุณที่สุด

หากแพทย์คิดว่าตับคุณถูกทำลาย แพทย์จะส่งตัวอย่างเลือดตรวจการทำงานของตับ เพื่อหาสัญญาณของการเพิ่มขึ้นของเอนไซม์จากตับ ส่วนการตรวจอื่นที่สามารถตรวจว่าตับถูกทำลายคือการตรวจชิ้นเนื้อตับ โดยแพทย์จะทำการตัดชิ้นเนื้อตับเพียงเล็กน้อย มาตรวจหาความผิดปกติของเซลล์

สารต้านไวรัสตับอักเสบซี

แน่นอนว่าสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาภายในร่างกายย่อมไปกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้สร้างสารภูมิต้านทาน สารภูมิต้านทานจะถูกออกแบบมาให้ทำงานกับเป้าหมายที่จำเพาะ และต่อต้านสิ่งแปลกปลอม เมื่อร่างกายติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีแล้ว ร่างกายจะสร้างสารภูมิต้านทานไวรัสตับอักเสบซีขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับไวรัสตับอักเสบซีโดยเฉพาะ

นอกจากนี้เมื่อร่างกายสร้างสารภูมิต้านทานต่อไวรัสตับอักเสบซีได้แล้ว หากคุณติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีอีกครั้ง การตรวจเพื่อรับรองว่าติดเชื้อดังกล่าวจริง จะตรวจเมื่อร่างกายสร้างสารภูมิต้านทานต่อไวรัสตับอักเสบซีแล้ว

วัคซีนไวรัสตับอับเสบซี

ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนสำหรับไวรัสตับอักเสบซี อย่างไรก็ตามมีทางป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีหลายวิธี

การรักษาไวรัสตับอักเสบซี

ทุกคนที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษา เนื่องจากบางคนระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายสามารถต่อต้านการติดเชื้อได้จึงไม่เกิดการติดเชื้อ หากเป็นดังนั้น แพทย์สามารถเฝ้าระวังและติดตามการทำงานของตับจากการตรวจเลือดได้เท่านั้น

สำหรับผู้ที่ภูมิคุ้มกันไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้ การรักษาไวรัสตับอักเสบซีก็มีหลายประเภท โดยส่วนใหญ่จะสงวนไว้รักษาในผู้ที่ตับถูกทำลายจนเกิดแผลเป็นและไม่ได้เป็นโรคอื่นๆร่วมด้วย

วิธีการรักษาโรคไวรัสตับอักเสบซีในอดีต แพทย์ต้องฉีดยาทุกสัปดาห์เป็นเวลา 48 สัปดาห์  ซึ่งวิธีการรักษาดังกล่าวก่อให้เกิดความเสี่ยงและบางครั้งอาจเกิดผลข้างเคียงที่อันตรายถึงชีวิต ปัจจุบันมีการพัฒนายาต้านไวรัสขึ้นใหม่ ซึ่งเป็ยาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาสูงและมีผลข้างเคียงเพียงเล็กน้อย อีกทั้งยังใช้ระยะเวลาในการรักษาเพียงช่วงสั้นๆ โดยแพทย์จำเป็นต้องพิจารณาการรักษาด้วยยาต้านไวรัสว่าเป็นประโยชน์หรือโทษต่อผู้ป่วยมากกว่ากัน

ยารักษาไวรัสตับอักเสบซี

ปัจจุบันมียาที่ใช้ในการรักษาไวรัสตับอักเสบซีหลายชนิด ซึ่งได้แก่ยาอินเตอร์เฟียรอนและยาต้านไวรัส

เนื่องจากเชื้อไวรัสตับอักเสบซีมีหลายจีโนไทป์และยาทุกตัวที่รักษาโรคไวรัสตับอักเสบซี ไม่สามารถรักษาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีทุกชนิดได้

หากแพทย์รู้จีโนไทป์ของเชื้อไวรัสตับอักเสบซีจะเป็นประโยชนช์ต่อการหายาที่เหมาะสสำหรับการรักษา

ภาวะแทรกซ้อนเกี่ยวข้องกับไวรัสตับอักเสบซีมีอะไรบ้าง

ภาวะแทรกซ้อนจากไวรัสตับอักเสบซี ได้แก่ โรคตับแข็ง และโรคมะเร็งตับ ผู้ป่วยบางรายที่เป็นโรคไวรัสตับอักเสบซีจำเป็นต้องเข้ารับการปลูกถ่ายตับ

ภาวะแทรกซ้อนส่วนใหญ่เกิดจากไวรัสตับอักเสบซีชนิดเรื้อรัง ดังนั้นหากคุณได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคไวรัสตับอักเสบซี ควรเข้ารับการรักษาทันทีเพื่อหลีกเลี่ยงโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน

วิธีป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบซี

ปัจจุบันยังไม่มีวิธีป้องกันและรักษาไวรัสตับอักเสบซีโดยเฉพาะ นอกเหนือจากการรับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง นอกจากนี้ยังมีหลายวิธีที่สามารถปฏิบัติได้ เช่นการปรับเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตและการทานอาหารเป็นวิธีที่ช่วยทำให้คุณจัดการกับไวรัสตับอักเสบซีและมีสุขภาพดีได้

การคัดกรองเชื้อไวรัสตับอักเสบซี

เนื่องจากเชื้อไวรัสตับอักเสบซีจะอยู่ในเลือด ดังนั้นจึงเกิดการแพร่เชื้อได้ง่ายเช่นเดียวกับโรคติดต่อชนิดอื่น แม้ว่าการติดเชื้อไวรัสจะมีการรักษา แต่บางครั้งอาจเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงต่อร่างกายได้ ทางเลือกที่ดีที่สุดก็คือดำเนินการเพื่อช่วยป้องกันการติดเชื้อ

หากคุณเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีสูงกว่าประชากรทั่วไป คุณควรเข้ารับการคัดกรองไวรัสตับอักเสบซี ดังนั้นหากคุณเป็นโรคไวรัสตับอักเสบซี หากตรวจพบเชื้อไวรัสเร็วโอกาสในการรักษาโรคไวรัสตับอักเสบซีจะเพิ่มมากขึ้น

วิธีใช้ชีวิตกับโรคไวรัสตับอักเสบซี

นี่คือคำแนะนำทั่วไปบางประการเกี่ยวกับการใช้ชีวิตร่วมกับโรคไวรัสตับอักเสบซี โรคไวรัสตับอักเสบซี คือการติดเชื้อไวรัสที่ส่งผลต่อตับ แม้จะไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้ แต่ก็ยังมีวิธีจัดการกับอาการดังกล่าวและใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดีได้ ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนบางส่วนที่คุณอาจพิจารณา:
  • การดูแลทางการแพทย์ : ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ โดยเฉพาะแพทย์โรคตับหรือผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ ซึ่งสามารถแนะนำตัวเลือกการรักษาของคุณได้ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีความก้าวหน้าอย่างมากในการรักษาโรคไวรัสตับอักเสบซี รวมถึงยาต้านไวรัสที่สามารถช่วยกำจัดไวรัสออกจากร่างกายของคุณได้
  • การใช้ยา : หากผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพของคุณแนะนำให้ลองรับประทานยาต้านไวรัส ยาเหล่านี้สามารถช่วยกำจัดไวรัสออกจากร่างกาย ป้องกันความเสียหายของตับ และลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน
  • วิถีการดำเนินชีวิตที่ดีต่อสุขภาพ : ใช้วิถีชีวิตที่มีสุขภาพดีเพื่อสนับสนุนสุขภาพตับของคุณ ซึ่งรวมถึงการรับประทานอาหารที่สมดุล ออกกำลังกายเป็นประจำ และหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
  • หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และสารอันตราย : แอลกอฮอล์และสารบางชนิดสามารถทำลายตับของคุณได้อีก แนะนำให้หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์โดยสิ้นเชิงและจำกัดการสัมผัสสารที่สามารถทำให้ตับเครียดได้
  • การฉีดวัคซีน : ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้รับข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนที่แนะนำทั้งหมด รวมถึงการฉีดวัคซีนสำหรับโรคไวรัสตับอักเสบเอและไวรัสตับอักเสบบี การติดเชื้อเพิ่มเติมเหล่านี้อาจร้ายแรงกว่าสำหรับผู้ที่เป็นโรคตับอักเสบซี
  • การตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ : ทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพของคุณเพื่อติดตามสุขภาพตับของคุณผ่านการตรวจเลือดและการศึกษาเกี่ยวกับภาพเป็นประจำ ซึ่งสามารถช่วยตรวจพบปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่เนิ่นๆ และเป็นแนวทางในแผนการรักษาของคุณ
  • หลีกเลี่ยงการแบ่งปันสิ่งของส่วนตัว : โรคไวรัสตับอักเสบซีแพร่กระจายผ่านการสัมผัสทางเลือดเป็นหลัก หลีกเลี่ยงการแบ่งปันสิ่งของส่วนตัวที่อาจสัมผัสกับเลือด เช่น มีดโกน แปรงสีฟัน และเข็ม
  • ฝึกมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย : แม้ว่าความเสี่ยงในการแพร่เชื้อไวรัสตับอักเสบซีทางเพศจะค่อนข้างต่ำ แต่ก็ยังแนะนำให้มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย รวมถึงการใช้วิธีการป้องกัน เช่น ถุงยางอนามัย
  • เครือข่ายสนับสนุน : การมีชีวิตอยู่กับอาการเรื้อรังอาจเป็นเรื่องท้าทายทางอารมณ์ ลองขอการสนับสนุนจากเพื่อน ครอบครัว กลุ่มสนับสนุน หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตเพื่อช่วยคุณรับมือกับความเครียดหรือความวิตกกังวล
  • รับทราบข้อมูลอยู่เสมอ : ให้ความรู้ตัวเองเกี่ยวกับไวรัสตับอักเสบซี ทางเลือกในการรักษา และการพัฒนาใหม่ๆ ในด้านนี้ต่อไป การได้รับข้อมูลสามารถช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดีที่สุดต่อสุขภาพของคุณ
โปรดจำไว้ว่าข้อมูลที่ให้ไว้ที่นี่เป็นเพียงคำแนะนำทั่วไปเท่านั้น และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเพื่อสร้างแผนส่วนบุคคลที่จัดการกับสถานการณ์เฉพาะของคุณ แพทย์สามารถให้คำแนะนำที่เป็นปัจจุบันและถูกต้องที่สุดโดยพิจารณาจากประวัติทางการแพทย์และสภาพปัจจุบันของคุณ

นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา

  • https://www.cdc.gov/hepatitis/hcv/index.htm

  • https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/hepatitis-c/symptoms-causes/syc-20354278

  • https://www.webmd.com/hepatitis/digestive-diseases-hepatitis-c

  • https://www.nhs.uk/conditions/hepatitis-c/


เนื้อหาและรีวิวมาจากผู้เชี่ยวชาญ โดย Bupa team

แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด