แตงโม
แตงโมเป็นผลไม้ที่อร่อย รับประทานแล้วทำให้รู้สึกสดชื่นและยังดีต่อสุขภาพ แตงโมมีแคลอรี่เพียง 46 แคลอรี่ต่อปริมาณ 1 ถ้วย แต่มีวิตามินซี วิตามินเอ และสารอาหารต่าง ๆ ที่ดีต่อสุขภาพสรรพคุณของแตงโมและประโยชน์ต่อสุขภาพ
1. แตงโมช่วยให้รู้สึกสดชื่น
การดื่มน้ำเป็นวิธีสำคัญที่ช่วยให้ร่างกายไม่ขาดน้ำ แต่การรับประทานอาหารที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลักก็สามารถช่วยได้เช่นกัน โดยเฉพาะแตงโมที่มีน้ำเป็นองค์ประกอบถึง 92% นอกจากนี้การรับประทานผักและผลไม้ที่มีน้ำเป็นองค์ประกอบหลัก ยังช่วยให้รู้สึกอิ่มได้อีกด้วย การรวมกันระหว่างน้ำและไฟเบอร์ ย่อมหมายถึงการรับประทานอาหารในปริมาณที่พอเหมาะโดยไม่ได้รับแคลอรี่มากเกินไป2. สารอาหารและองค์ประกอบต่าง ๆ ที่มีประโยชน์
แตงโมเป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่มีแคลอรี่ต่ำ – ประมาณ 46 แคลอรี่ต่อถ้วยตวง (154 กรัม) แตงโม 1 ถ้วยตวง (154 กรัม) มีสารอาหารต่าง ๆ มากมาย รวมทั้งวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ดังนี้- วิตามินซี: 21% ของปริมาณที่ควรบริโภคต่อวัน (RDI)
- วิตามินเอ: 18% ของ RDI
- โพแทสเซียม: 5% ของ RDI
- แมกนีเซียม: 4% ของ RDI
- วิตามิน B1, B5 และ B6: 3% ของ RDI
วิตามินซี
วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันการทำลายเซลล์จากอนุมูลอิสระแคโรทีนอยด์
แคโรทีนอยด์เป็นสารประกอบด้วยอัลฟาแคโรทีน และเบต้าแคโรทีนซึ่งร่างกายจะเปลี่ยนให้เป็นวิตามินเอไลโคปีน
ไลโคปีนเป็นแคโรทีนอยด์ชนิดหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนโครงสร้างเป็นวิตามินเอ สารต้านอนุมูลอิสระชนิดนี้มีประสิทธิภาพมาก โดยมักพบในผักผลไม้ที่มีสีแดง ได้แก่ มะเขือเทศ และแตงโม ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายCucurbitacin E.
Cucurbitacin E เป็นสารประกอบที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และต้านการอักเสบ มะระที่เป็นพืชตระกูลเดียวกับแตงโมนั้นมี Cucurbitacin E ค่อนข้างมาก3. สารประกอบที่ช่วยป้องกันมะเร็ง
นักวิจัยได้ศึกษาไลโคปีน และสารประกอบจากแตงโมชนิดอื่น ๆ ที่มีผลต้านการเกิดมะเร็ง การบริโภคไลโคปีนจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งบางชนิดได้ แต่ผลการศึกษายังไม่ชัดเจน คาดว่าความสัมพันธ์ที่ชัดเจนที่สุดคือความสัมพันธ์ระหว่างไลโคปีน และมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร ความเสี่ยงการเกิดมะเร็งนั้นมีความสัมพันธ์กับอินซูลินที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโต (IGF) ซึ่งเป็นโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับการแบ่งตัวของเซลล์ หาก IGF มีระดับที่สูงมาก ๆ ก็จะเชื่อมโยงกับการเกิดมะเร็ง Cucurbitacin E ก็ได้รับการทดสอบว่าสามารถยับยั้งการเติบโตของเนื้องอกได้4. ผลดีต่อสุขภาพหัวใจ
โรคหัวใจเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของโลก ปัจจัยการใช้ชีวิตรวมถึงอาหารต่าง ๆ สามารถลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจวาย และโรคหลอดเลือดสมองได้ ด้วยการลดระดับความดันโลหิต และคอเลสเตอรอล สารอาหารหลายชนิดในแตงโมมีประโยชน์สำหรับสุขภาพของหัวใจ ผลการศึกษาระบุว่าไลโคปีนสามารถช่วยลดคอเลสเตอรอล และความดันโลหิตได้ นอกจากนี้ยังสามารถป้องกันความเสียหายจากออกซิเดชันของคอเลสเตอรอลได้ ผลการศึกษาในผู้หญิงที่เป็นโรคอ้วน สตรีวัยทองและผู้ชายผิวขาวพบว่าไลโคปีนสามารถลดความแข็ง และความหนาของผนังหลอดเลือดได้ แตงโมยังมีซิทรูลีนซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่สามารถเพิ่มระดับไนตริกออกไซด์ในร่างกายได้ ไนตริกออกไซด์ช่วยให้หลอดเลือดเกิดการขยายตัว ซึ่งช่วยลดความดันโลหิตได้ วิตามิน และแร่ธาตุอื่น ๆ ในแตงโมยังดีต่อหัวใจ รวมถึงวิตามิน A วิตามิน B6 วิตามิน C แมกนีเซียม และโพแทสเซียม5. ลดอาการอักเสบ และภาวะความไม่สมดุลของการเกิดอนุมูลอิสระ
การอักเสบเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดโรคเรื้อรังหลายชนิด แตงโมสามารถลดการอักเสบและความเสียหายจากสารอนุมูลอิสระได้ เนื่องจากอุดมไปด้วยไลโคปีน และวิตามินซีที่ต่อต้านการอักเสบ จากการวิจัยในมนุษย์ที่ได้รับน้ำมะเขือเทศที่อุดมด้วยไลโคปีน และวิตามินซี โดยรวมจะพบสัญญาณของการอักเสบลดลง และสารต้านอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้น แตงโมมีทั้งไลโคปีน และวิตามินซี เมื่อไลโคปีนคือสารต้านอนุมูลอิสระ จึงมีประโยชน์ต่อสุขภาพสมองด้วย เช่นสามารถชะลอการมีอาการอัลไซเมอร์ หรือลดการลุกลามของโรคได้6. ช่วยป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อม
ไลโคปีนพบได้ใตามส่วนต่าง ๆ ของดวงตา จึงสามารถป้องกันความเสียหายจากการเกิดออกซิเดชัน และการอักเสบ นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อมที่มาจากอายุ (AMD) ซึ่งทำให้ปัญหาสายตาถูกพบได้บ่อยในผู้สูงอายุ และเสี่ยงที่จะตาบอดได้ บทบาทของไลโคปีนที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และสารต้านการอักเสบ จะช่วยป้องกันไม่ให้การเสื่อมสภาพของตาเนื่องจากอายุลุกลาม หรือแย่ลงได้7. ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดที่กล้ามเนื้อ
ซิทรูลีนึคือกรดอะมิโนที่อยู่ในแตงโม จะช่วยลดอาการปวดกล้ามเนื้อ และยังถือเป็นอาหารเสริมที่ดี น่าสังเกตว่าน้ำแตงโมจะช่วยเพิ่มการดูดซึมของซิทรูลีนได้ ผลการศึกษาที่นักกีฬาดื่มน้ำแตงโม น้ำแตงโมผสมกับซิทรูลีน หรือเครื่องดื่มผสมซิทรูลีน พบว่าเครื่องดื่มแตงโมทั้ง 2 ชนิดจะช่วยให้อาการปวดกล้ามเนื้อลดลง และอัตราการเต้นของหัวใจกลับเป็นปกติเร็วขึ้น เมื่อเทียบกับการใช้ซิทรูลีนึที่อยู่ในร่างกายเท่านั้น นักวิจัยได้ทำการทดลองในหลอดทดลองเพื่อตรวจสอบการดูดซึมของซิทรูลีน ผลการวิจัยพบว่าการดูดซึมซิทรูลีนจะมีประสิทธิภาพดีเมื่อบริโภคพร้อมน้ำแตงโม ดังนั้นซิทรูลีนึจึงไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการออกกำลังกายตามผลการวิจัย แต่ยังมีประเด็นอื่น ๆ ที่น่าจะนำไปวิจัยเพิ่มเติมอีกด้วย8. ประโยชน์ของแตงโมช่วยบำรุงผิว และเส้นผม
วิตามินเอ และซีในแตงโมนั้นมีความสำคัญต่อสุขภาพผิวหนัง และเส้นผม วิตามินซีกระตุ้นให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยให้ผิวนุ่ม และผมแข็งแรง วิตามินเอก็มีความสำคัญต่อสุขภาพผิว เนื่องจากช่วยสร้างและซ่อมแซมเซลล์ผิว หากไม่มีวิตามินเอที่เพียงพอผิวจะแห้ง และลอกเป็นขุยได้ ทั้งไลโคปีน และเบต้าแคโรทีนจะช่วยปกป้องผิวจากการถูกแสงแดดแผดเผาได้9. กินแตงโมทุกวันเพิ่มประสิทธิภาพการย่อยอาหาร
แตงโมมีน้ำในปริมาณมาก และไฟเบอร์อยู่บ้างเล็กน้อย ส่วนประกอบทั้ง 2 อย่างนี้มีความสำคัญต่อระบบย่อยอาหารซึ่งดีต่อสุขภาพ ไฟเบอร์ช่วยให้อุจจาระได้มาก ในขณะที่น้ำจะช่วยให้ทางเดินอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การรับประทานผักผลไม้ที่อุดมด้วยน้ำ และเส้นใย อย่างแตงโมจะมีประโยชน์มาก ช่วยให้การทำงานของลำไส้เป็นปกติโทษของแตงโมและอันตรายจากแตงโมมีอะไรบ้าง
แม้ว่าสรรพคุณแตงโมมีมากมาย นอกจากการกินแตงโมจะให้ประโยชน์แล้วนั้น แต่ยังมีข้อควรระวังเช่นกัน เรามาดูกันว่าโทษของแตงโมที่ควรระวังนั้นมีอะไรบ้าง- แตงโมมีผลต่อเลือดในร่างกาย เพราะการกินแตงโมนั้นทำให้ร่างกายได้รับน้ำ แต่หากรับประทานมากเกินไปอาจเกิดภาวะ Over Hydration ส่งผลให้ปริมาณเลือดในร่างกายเพิ่มมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อไต และภาวะการบวมของร่างกาย
- แตงโมมีน้ำตาล ผู้ป่วยเบาหวานควรระมัดระวัง
- แตงโมอาจทำให้ท้องเสีย แตงโมเป็นของแสลงในคนที่มีอาการถ่ายท้องอยู่แล้วด้วย
ไม่สบายกินแตงโมได้ไหม
แตงโมไม่ไม่ใช่ข้อห้ามของคนป่วย ผู้ป่วยสามารถรับประทานแตงโมได้ตามปกติ แต่อะไรที่มากเกินไปก็จะไม่ดี ดังนั้นควรระมัดระวังการรับประทานให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสมคำถามที่พบบ่อย
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับแตงโมมีดังนี้- แตงโมเป็นผลไม้หรือผัก?
-
-
- แตงโมเป็นผลไม้ โดยเฉพาะเบอร์รี่ชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “เปโป”
-
- แตงโมมีต้นกำเนิดมาจากที่ไหน?
-
-
- เชื่อกันว่าแตงโมมีต้นกำเนิดในแอฟริกา โดยมีหลักฐานการเพาะปลูกนานกว่า 4,000 ปี
-
- แตงโมมีหลากหลายสายพันธุ์หรือไม่?
-
-
- ใช่แล้ว แตงโมมีหลายพันธุ์ แต่ละพันธุ์มีขนาด รูปร่าง และรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ พันธุ์ทั่วไปบางชนิด ได้แก่ แตงโมไร้เมล็ด แตงโมมีเมล็ด
-
- จะรู้ได้อย่างไรว่าแตงโมสุก?
-
-
- แตงโมสุกมักมีผิวหมองคล้ำ มีเสียงกลวงเมื่อแตะ และมีรูปร่างสม่ำเสมอ คุณยังสามารถตรวจสอบจุดสนาม (บริเวณที่วางบนพื้น) ว่ามีสีครีมหรือเหลืองหรือไม่
-
- การกินเมล็ดแตงโมปลอดภัยหรือไม่?
-
-
- ใช่แล้ว เมล็ดแตงโมสามารถรับประทานได้อย่างปลอดภัยและเป็นแหล่งโปรตีนและไขมันที่ดีต่อสุขภาพ บางคนชอบเมล็ดแตงโมคั่วเป็นของว่าง
-
- คุณควรเก็บแตงโมที่หั่นไว้อย่างไร?
-
-
- หากต้องการเก็บแตงโมที่หั่นแล้วให้สด ให้เก็บไว้ในภาชนะสุญญากาศและเข้าตู้เย็น ทางที่ดีควรบริโภคภายในสองสามวัน
-
- เปลือกแตงโมกินได้ไหม?
-
-
- ใช่ เปลือกแตงโมบางส่วนสามารถรับประทานได้และสามารถใช้เป็นสูตรอาหารได้ เป็นแหล่งของใยอาหารและสารอาหาร
-
- มีแตงโมไร้เมล็ดด้วยเหรอ?
-
-
- แตงโมไร้เมล็ดไม่ได้ไร้เมล็ดจริงๆ แต่มีเมล็ดขนาดเล็กที่กินได้และยังไม่พัฒนา เป็นทางเลือกที่สะดวกสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการเมล็ด
-
- การกินแตงโมมีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างไร?
-
-
- แตงโมเป็นผลไม้ที่ให้ความชุ่มชื้นซึ่งมีปริมาณน้ำสูงและเป็นแหล่งวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระที่ดี อุดมไปด้วยไลโคปีนเป็นพิเศษซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย
-
- คุณจะปลูกแตงโมในสวนของคุณได้อย่างไร?
-
-
- แตงโมสามารถปลูกได้ในหลายสภาพอากาศและมีฤดูร้อนที่อบอุ่น พวกเขาต้องการดินที่มีการระบายน้ำดี แสงแดดจัด และการรดน้ำสม่ำเสมอ การปลูกเมล็ดแตงโมหรือต้นกล้าเป็นวิธีการปลูกทั่วไป
-
- ทำไมแตงโมถึงเป็นผลไม้ยอดนิยมในช่วงฤดูร้อน?
-
-
- แตงโมช่วยให้สดชื่นและให้ความชุ่มชื้น ทำให้แตงโมเป็นตัวเลือกยอดนิยมในการคลายร้อนในช่วงฤดูร้อน มักเกี่ยวข้องกับการปิกนิก บาร์บีคิว และกิจกรรมอื่นๆ ในสภาพอากาศอบอุ่น
-
- สถิติโลกสำหรับแตงโมที่ใหญ่ที่สุดคืออะไร?
-
-
- แตงโมที่หนักที่สุดเป็นประวัติการณ์มีน้ำหนักมากกว่า 350 ปอนด์ (158.76 กก.)
-
- แตงโมเป็นผลไม้แคลอรี่ต่ำหรือไม่?
-
- ใช่แล้ว แตงโมมีแคลอรี่ค่อนข้างต่ำ แตงโมหั่นเต๋า 1 ถ้วยมีแคลอรี่ประมาณ 46
ใจความสำคัญ
แตงโมเป็นผลไม้ที่ดีต่อสุขภาพอย่างเหลือเชื่อ มีน้ำเป็นองค์ประกอบมาก โดยยังมีสารอาหารสำคัญอื่น ๆ อีกมากมาย ทั้งไลโคปีน และวิตามินซี นอกจากสารอาหารที่ดีแล้ว แตงโมยังเป็นอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำด้วย จึงดีต่อสุขภาพเป็นอย่างมากนี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
- https://www.medicalnewstoday.com/articles/266886
- https://www.watermelon.org/nutrition/
- https://www.mayoclinichealthsystem.org/hometown-health/speaking-of-health/the-wonders-of-watermelon
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น