ปลาทู
ปลาทูเป็นหนึ่งในปลาที่ถูกบริโภคมากที่สุดในประเทศอินเดียและทั่วโลก การนำปลาชนิดนี้ไปทอดและผัดเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ส่วนผู้ที่กังวลเกี่ยวกับสุขภาพก็จะนำไปอบ ต้ม หรือย่าง ปลาทูมีกรดไขมันโอเมก้า 3 และมีโปรตีนสูง ปลาชนิดนี้จึงมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายคนยังมองหา : ยาลดความอ้วน
ประโยชน์ของปลาทู
ปลาทูป้องกันโรคหัวใจ
วิธีหนึ่งที่จะช่วยป้องกันโรคหัวใจได้อย่างมีประสิทธิภาพคือการรับประทานอาหารที่มีโอเมก้า 3 ปลาทูไม่เพียงแต่อุดมไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียวและกรดไขมันไม่อิ่มตัวอหลายตำแหน่งเท่านั้น แต่ยังมีกรดไขมันอิ่มตัวต่ำอีกด้วย เพราะฉะนั้น การรับประทานปลาชนิดนี้จะช่วยลดความเสี่ยงของการแทรกซ้อนของโรคหัวใจ เช่น หลอดเลือดสมอง ภาวะผนังหลอดเลือดแดงแข็งตัว หัวใจวาย และภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะปลาทูลดความเสี่ยงของโรคเบาหวาน
ปลาทูมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียวอยู่มาก ซึ่งเป็นกรดไขมันที่ช่วยป้องกันและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวาน การรับประทานปลาชนิดนี้ไม่เพียงแต่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดเท่านั้น แต่ยังช่วยลดไขมันในอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายอีกด้วย ดังนั้น มันจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเบาหวานปลาทูประโยชน์ช่วยเรื่องภูมิคุ้มกัน
ปลาทูทำให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้น มันช่วยให้สุขภาพของอวัยวะต่าง ๆ ดีขึ้นหลังจากอ่อนแอจากการเจ็บป่วย โอเมก้า 3 มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ มันช่วยจัดการกับข้อเข้าเสื่อม ทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งและโรคหัวใจ นอกจากนี้ ยังมีโคเอนไซม์คิวเท็นที่ช่วยป้องกันเซลล์จากการถูกทำลายซึ่งเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งอีกด้วย ปลาแมคเคอเรลช่วยฟื้นฟูประสิทธิภาพในการต่อสู้กับการติดเชื้อของร่างกาย มันจึงเป็นอาหารที่มีประโยชน์ที่ควรค่าแก่การเพิ่มไปในมื้ออาหารปลาทูควบคุมความดันเลือด
ในกรณีที่คุณไม่ได้ทานมังสวิรัตอยู่ และมีปัญหาความดันโลหิตสูง การรับประทานปลาทูเป็นประจำจะช่วยควบคุมระดับความดันโลหิตได้ ปริมาณโพแทสเซียมที่สูงของปลาชนิดนี้จะช่วยให้ความดันโลหิตเป็นปกติ ทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพจากความดันโลหิตสูงอีกด้วยปลาทูช่วยลดอาการของการปวดข้อรูมาตอยด์
ปลาทูมีสารต้านการอักเสบซึ่งช่วยลดความเจ็บปวดในข้อต่อ การติดขัดของกล้ามเนื้อในผู้ที่เป็นโรคปวดข้อรูมาตอยด์ การรับประทานปลาทูร่วมกับการรักษาโดยใช้ยาจะช่วยให้ยาได้ผลดีมากขึ้นปลาทูช่วยป้องกันมะเร็ง
ปลาทูมีโคเอนไซม์เท็น สารต้านอนุมูลอิสระ โอเมก้า 3 สูง โคเอนไซม์เท็นช่วยให้ตัวมะเร็งที่ติดอยู่กับเซลล์ สารต้านอนุมูลอิสระช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งโดยการทำลายอนุมูลอิสระในร่างกายของคุณ โอเมก้า 3 ช่วยป้องกัน มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งลำไส้ นอกจากนี้ ปลาทูยังมีวิตามินบี 12 และซีลีเนียมที่มีประโยชน์ต่อการรักษามะเร็งปลาทูช่วยลดน้ำหนัก
โอเมก้า 3 ที่มีในปลาถูกเชื่อว่ามีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก มีงานวิจัยชี้ให้เห็นว่าการกินน้ำมันปลาร่วมกับการออกกำลังกายสามารถช่วยลดไขมันหน้าท้องได้ ทั้งยังสามารถช่วยควบคุมการเผาผลาญได้ รวมไปถึงช่วยลดน้ำตาลในเลือดในผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกินปลาทูช่วยลดคอเรสเตอรอล
น้ำมันปลาที่พบในปลาทูช่วยลดคอเรสเตอรอลชนิดไม่ดี และช่วยเพิ่มคอเรสเตอรอลชนิดดีได้ มันช่วยได้โดยการป้องกันไม่ให้คอเรสเตอรอลชนิดไม่ดีถูกดูดซึมในลำไส้เล็ก ซึ่งหมายความว่ามันจะช่วยลดความดันเลือดได้ในเวลาเดียวกันปลาทูช่วยทำให้สมองทำงานดีขึ้น
งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าผู้ที่รับประทานโอเมก้า 3 ปริมาณสูงมีความเสี่ยงในการเกิดภาวะซึมเศร้าต่ำลง ดังนั้น การเพิ่มปลาทูเข้าไปในมื้ออาหารยังช่วยลดอารมณ์แปรปรวณจากโรคซึมเศร้า แต่มันยังช่วยให้ยาต้านซึมเศร้าออกฤทธิ์ได้ดีอีกด้วย ปลาทูมี DHA อยู่มาก การรับประทานปลาทูจะช่วยให้โอกาสของการเกิดอัลไซเมอร์ และโรคพาร์กินสันลดลงเพิ่มโอกาสรอดชีวิตของผู้ที่เป็นมะเร็งลำไส้
ปลาทูเป็นอาหารตามธรรมชาติชนิดหนึ่งที่มีวิตามินดีอยู่มาก ซึ่งเป็นที่ทราบกันว่าช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตของผู้ที่เป็นมะเร็งลำไส้ งานวิจัยได้พิสูจน์ให้เห็นว่าผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ที่มีระดับวิตามินดีในเลือดสูงมีโอกาสที่จะรอดจากโรคนี้ และยังช่วยทำให้สุขภาพดีขึ้นอีกด้วยปลาทูรับประทานอย่างไร ปลาทูทำอะไรได้บ้าง
ปลาทูสามารถนำไปอบ ต้ม ทอด และย่าง การนำปลาทูไปประกอบอาหารเป็นสิ่งที่ง่ายและรวดเร็ว การหมักด้วยซอสแล้วเก็บไว้ในตู้เย็นก่อนรับนำมาประกอบอาหารช่วยให้รสชาติดีขึ้น ปลาทูสามารถนำไปประกอบอาหารร่วมกับวัตถุดิบชนิดอื่น ๆ เช่น แอปเปิ้ล และต้นหอมจีนเรื่องอื่น ๆ เกี่ยวกับปลาทู
ปลาทูเป็นสัตว์กินเนื้อ อาหารของพวกมันคือปลาเล็กปลาน้อย กุ้ง และหมึก พวกมันใช้ชีวิตในตอนกลางวัน เป็นปลาที่ว่ายน้ำไว สามารถว่ายน้ำได้เร็วถึง 5.5 เมตรต่อวินาที พวกมันมีศตรูมากมาย เช่น ทูน่า วาฬ โลมา สิงโตทะเล ฉลาม เต่า และนกกระทุงก็กินปลาทูเช่นกัน ปลาทูเป็นปลาที่มีชีวิตยืนยาว สามารถมีชีวิตอยู่ได้ถึง 25 ปี ปลาทูเป็นปลาที่ทำให้เลือดดีขึ้น โดยการทำหน้าที่เป็นตัวทำความสะอาดเลือดและทำให้เลือดบางลง มันช่วยให้หัวใจทำงานดีขึ้น ดังนั้นจึงเป็นการป้องกันดรคโรคหลอดเลือด ทั้งยังช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันดีขึ้น และช่วยให้อวัยวะที่อ่อนแอลงในช่วงที่ป่วยมีสุขภาพดีขึ้นอีกด้วย- ช่วยเพิ่มกิจกรรมทางสมองและทำให้ความจำดีขึ้น
- ช่วยลดคอเรสเตอรอลชนิดไม่ดีและช่วยลดความดันเลือด
- ช่วยบรรเทาอาการปวดข้อ เนื่องจากข้ออักเสบ และบรรเทาปวดในไมเกรน
- ช่วยควบคุมระดับฮอร์โมนและช่วยเพิ่มความยืดยุ่นให้กับเส้นเลือดฝอยและหลอดเลือดต่าง ๆ
- ช่วยลดสาเหตุของการเกิดมะเร็งในเซลล์
การซื้อและการเก็บ
การเลือกซื้อปลาทูทำได้โดยการซื้อปลาทูที่ตาสดใส ไม่ขุ่น เหงือกควรที่จะสะอาดและชุ่มชื้น เกล็ดแน่น และสดใส การซื้อปลาทูเพื่อทำสเต็กควรที่จะเลือกตัวที่ชุ่มชื้น เนื้อโปร่งแสง การเก็บปลาทู ควรเอาออกจากบรรจุภัณฑ์และล้างด้วยน้ำเย็น ซับให้แห้งและใส่ลงไปในน้ำแข็ง แช่ไว้ในช่องฟรีซ ปลาทูสามารถเก็บไว้ในช่องฟรีซได้ 2 เดือน หรือเก็บในช่องฟรีซที่เย็นจัดได้ 3-4 เดือน การละลายปลาทูสามารถทำได้โดยนำออกมาแล้วเอาไปละลายในกระทะ หรือนำออกจากตู้เย็นไว้เป็นเวลา 24 ชั่วโมงเคล็ดลับการปรุงอาหาร
เพื่อให้ได้รสชาติที่เข้มข้น หมักปลาทุก่อนที่จะปรุงอาหารประมาณ 15 ถึง 30 นาที การอบปลาทู ทาปลาทูด้วยน้ำมันหรือเนย แล้วปรุงรสด้วยเกลือหรือพริกไทย อบในเตาอบประมาณ 10 นาที ที่อุณหภูมิ 230 °C จนกว่าจะสุก คลุกปลาทูกับแป้งทอดกรอบแล้วนำไปทอดในกระทะที่มีน้ำมันหรือเนย จนกว่าจะสุก ประมาณ 4 ถึง 8 นาทีโภชนาการของปลาทู
ปลาทูเป็นปลาที่มีไขมันชนิดหนึ่งซึ่งขึ้นชื่อเรื่องคุณค่าทางโภชนาการที่เข้มข้น โภชนาการที่สำคัญของปลาทูมีดังนี้:- โปรตีน:ปลาทูเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูงที่ดีเยี่ยม ซึ่งจำเป็นต่อการทำงานของร่างกายต่างๆ รวมถึงการเจริญเติบโตและการซ่อมแซมกล้ามเนื้อ
- กรดไขมันโอเมก้า 3:ปลาทูอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 โดยเฉพาะกรด eicosapentaenoic (EPA) และกรด docosahexaenoic (DHA) กรดไขมันเหล่านี้มีประโยชน์ต่อสุขภาพของหัวใจ ลดการอักเสบ และสนับสนุนการทำงานของสมอง
- วิตามิน:ปลาทูอุดมไปด้วยวิตามินต่างๆ ได้แก่
- วิตามินดี:สำคัญต่อสุขภาพกระดูก ภูมิคุ้มกัน และความเป็นอยู่โดยรวม
- วิตามินเอ:จำเป็นสำหรับการมองเห็น สุขภาพผิว และการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
- วิตามินบี 12 และบี 6:มีความสำคัญต่อการทำงานของเส้นประสาท การสร้างเม็ดเลือดแดง และการเผาผลาญพลังงาน
- แร่ธาตุ:ปลาทูมีแร่ธาตุที่จำเป็นเช่น:
- ซีลีเนียม:สารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพซึ่งสนับสนุนการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันและสุขภาพของต่อมไทรอยด์
- โพแทสเซียม:มีความสำคัญในการควบคุมความดันโลหิตและสนับสนุนสุขภาพของหัวใจ
- แคลเซียมและฟอสฟอรัส:สำคัญต่อสุขภาพกระดูก
- สารปรอทต่ำ:ปลาทูถือว่ามีระดับสารปรอทค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับปลานักล่าที่มีขนาดใหญ่กว่า อย่างไรก็ตาม ปริมาณสารปรอทอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดและแหล่งจับปลา
- ปริมาณแคลอรี่:ปลาทูมีไขมันที่ดีต่อสุขภาพค่อนข้างสูง ซึ่งหมายความว่ามีแคลอรี่หนาแน่นด้วย สิ่งนี้อาจเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องการรวมไขมันที่ดีต่อสุขภาพเข้ากับอาหารของพวกเขา แต่การควบคุมสัดส่วนอาจมีความสำคัญสำหรับผู้ที่คำนึงถึงปริมาณแคลอรี่
ข้อควรระวัง
เนื้อปลาทูอาจมีปรอทปนเปื้อนอยู่ ฉะนั้น หญิงมีครรภ์และหญิงให้นมบุตรไม่ควรที่จะรับประทาน หญิงมีครรภ์ไม่ควรที่จะรับประทานปลาทูเพราะมันจะไปทำลายการพัฒนาระบบประสาทของทารกได้และอาจมีผลต่อแม่เช่นกันนี่คือที่มาในบทความของเรา
- https://www.healthbenefitstimes.com/mackerel-fish/
- https://www.verywellfit.com/mackerel-nutrition-facts-and-health-benefits-5074868
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น