โรคกลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เร (Guillain-Barre Syndrome) 

ผู้เขียน Dr. Wikanda Rattanaphan
0
โรคกลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เร

กลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เร Guillain Barre Syndrome คือ

กลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เร คือ โรคภาวะภูมิคุ้มกันที่รุนแรงที่พบได้น้อย เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันเข้าทำลายเซลล์ประสาทที่มีสุขภาพดีในระบบประสาทรอบนอก  ส่งผลทำให้หมดแรง เหน็บชา และรู้สึกเสียวซ่า จนอาจทำให้เป็นอัมพาตได้ สาเหตุของโรคนี้ยังไม่รู้แน่ชัด แต่อาจเกิดจากตัวกระตุ้นบางชนิด เช่น อาการป่วยจากการติดเชื้อ เช่น กระเพาะอาหาร และลำไส้อักเสบ (มีอาการระคายเคืองในกระเพาะอาหาร หรือลำไส้) หรือปอดติดเชื้อ อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจเพิ่มเติม ลำไส้อักเสบเรื้อรัง กลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เร เป็นโรคที่พบได้ไม่บ่อยนัก ส่งผลกระทบในคนราว 1 ใน 100,000 คน ตามข้อมูลของสถาบันโรคทางระบบประสาท และโรคหลอดเลือดสมองแห่งชาติ  โรคนี้ยังไม่สามารถรักษาได้ แต่สามารถรักษาเพื่อช่วยลดความรุนแรงของอาการลงได้ และช่วยลดระยะเวลาในการป่วยให้สั้นลง ชนิดของกลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เรมีมากมายหลายชนิด แต่รูปแบบทั่วไปที่พบบ่อยที่สุดคือ Acute Inflammatory Demyelinating Polyradiculoneuropathy (CIDP) เป็นผลมาจากไมอีลินเกิดความเสียหาย อีกชนิดหนึ่งคือ กลุ่มอาการมิลเลอร์ ฟิเชอร์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อเส้นประสาทสมอง

สาเหตุของกลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เรคือ อะไร 

สาเหตุของกลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เรนั้นยังไม่รู้แน่ชัด จากข้อมูลของศูนย์ควบคุม และป้องกันโรค พบว่าคนสองในสามที่เป็นกลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เรมักเป็นหลังจากป่วยด้วยโรคท้องร่วง หรือโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ พบว่าการตอบสนองของภูมิคุ้มกันที่ไม่มีความเหมาะสมจากอาการป่วยก่อนหน้านั้นจะไปกระตุ้นให้เกิดโรคขึ้นได้ การติดเชื้อ แคมไพโลแบคเตอร์ เจจูไน มีส่วนเกี่ยวข้องกับโรคกลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เร  เชื้อแคมไพโลแบคเตอร์คือ หนึ่งในเชื้อแบคทีเรียที่พบได้บ่อยที่ทำให้เกิดโรคท้องร่วงในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดกลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เร เชื้อแคมไพโลแบคเตอร์มักพบได้ในอาหารที่ปรุงไม่สุก โดยเฉพาะในสัตว์ปีก และยังมีการติดเชื้ออื่นๆที่มีส่วนทำให้เกิดกลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เร เช่น :
  • โรคไข้หวัดใหญ่
  • ไซโตเมกะโลไวรัส (CMV) ซึ่งคือ สายพันธุ์ของไวรัสเริม 
  • การติดเชื้อไวรัสเอ็ปสไตบาร์ (EBV) หรือโรคโมโนนิวคลิโอสิส
  • โรคปอดบวมจากเชื้อมัยโคพลาสมา ซึ่งคือ ชนิด Atypical Pneumonia ที่มีสาเหตุมาจากสิ่งมีชีวิตเหมือนแบคทีเรีย 
  • เอชไอวี หรือเอดส์
ทุกคนสามารถเป็นโรคกลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เรได้ แต่มักเกิดขึ้นในผู้สูงอายุมากกว่า อาจพบได้ยากมาก บางคนอาจเกิดโรคนี้ไม่กี่วัน หรือสัปดาห์หลังจากได้รับการฉีดวัคซีน ทางศูนย์ควบคุม และป้องกันโรค และองค์การอาหาร และยามีระบบในการติดตามความปลอดภัยสำหรับวัคซีน การค้นหาอาการเบื้องต้นของผลข้างเคียง และบันทึกทุกรายที่เป็นโรคกลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เรที่เกิดขึ้นเนื่องจากวัคซีน

อาการของโรคกิลแลง-บาร์เรคือ อะไร 

กลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เร ระบบภูมิต้านทานจะเข้าจู่โจมระบบประสาทส่วนปลายของคุณ เส้นประสาทของระบบประสาทส่วนปลายจะเชื่อมต่อกับสมองไปยังส่วนของร่างกาย และส่งสัญญานไปยังกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อจะไม่สามารถทำการตอบสนองต่อสัญญานที่ได้รับจากสมองหากเส้นประสาทเหล่านี้ถูกทำให้เสียหาย อาการแรกที่มักเกิดขึ้นคือ ความรู้สึกเสียวซ่าที่นิ้วเท้า เท้า และขา อาการเสียวซ่าจะแผ่ขึ้นด้านบนแขน และนิ้วมือ อาการสามารถเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วมากๆ ในบางรายอาจมีความรุนแรงได้ภายในเวลาเพียงแค่สองสามชั่วโมง อาการของกลุ่มโรคกิลแลง-บาร์เร คือ:
  • อาการเสียวซ่า หรือความรู้สึกเหมือนเข็มแทงในนิ้วมื้อ และนิ้วเท้า
  • กล้ามเนื้ออ่อนแอที่ขา ซึ่งเดินทางต่อไปยังส่วนบนของร่างกาย และยิ่งแย่เมื่อเวลาผ่านไป 
  • การเดินมีปัญหา
  • การเคลื่อนไหวดวงตา หรือใบหน้า การพูด การเคี้ยว หรือการกลืนมีความยุ่งยาก
  • ปวดหลังช่วงล่างรุนแรง
  • ไม่สามารถควบคุมกระเพาะปัสสาวะได้
  • อัตราหัวใจเต้นเร็ว
  • การหายใจมีปัญหา
  • เป็นอัมพาต

ภาวะแทรกซ้อนของกลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เรคืออะไร 

Guillain-Barré Syndrome (GBS) เป็นโรคทางระบบประสาทที่พบไม่บ่อย ซึ่งระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายโจมตีเส้นประสาทส่วนปลายอย่างผิดพลาด กลุ่มอาการนี้อาจทำให้เกิดอาการอ่อนแรง ชา และในกรณีที่รุนแรงอาจเป็นอัมพาต แม้ว่าผู้ป่วย GBS ส่วนใหญ่จะฟื้นตัวได้เต็มที่หรือมีโอกาสฟื้นตัวได้ดี แต่ก็มีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้นได้ และบางคนอาจได้รับผลกระทบในระยะยาว ต่อไปนี้เป็นภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นที่เกี่ยวข้องกับ Guillain-Barré Syndrome:

1. ภาวะแทรกซ้อนทางเดินหายใจ:

  • คำอธิบาย:กรณีที่รุนแรงของโรค Guillain-Barré อาจส่งผลต่อกล้ามเนื้อที่รับผิดชอบในการหายใจ ทำให้เกิดภาวะหายใจลำบากหรือล้มเหลว
  • การจัดการ:บุคคลอาจต้องใช้เครื่องช่วยหายใจเพื่อช่วยหายใจจนกว่าการทำงานของระบบทางเดินหายใจจะดีขึ้น

2. ภาวะแทรกซ้อนทางหัวใจและหลอดเลือด:

  • คำอธิบาย:การมีส่วนร่วมของระบบประสาทอัตโนมัติใน GBS อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนทางหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของอัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิต
  • การจัดการ:การติดตามและการจัดการการทำงานของระบบหัวใจและหลอดเลือดอาจจำเป็นในบางกรณี

3. กล้ามเนื้อลีบและความอ่อนแอ:

  • คำอธิบาย:ความอ่อนแอและอัมพาตเป็นเวลานานอาจส่งผลให้กล้ามเนื้อลีบ (สูญเสีย) และความอ่อนแอ
  • การจัดการ:กายภาพบำบัดและการฟื้นฟูสมรรถภาพถือเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันกล้ามเนื้อลีบ เพิ่มความแข็งแรง และปรับปรุงการเคลื่อนไหว

4. ความเจ็บปวดและโรคระบบประสาท:

  • คำอธิบาย:บุคคลบางคนอาจมีอาการปวดอย่างต่อเนื่อง รู้สึกเสียวซ่า หรือความผิดปกติทางประสาทสัมผัสอื่นๆ แม้ว่า GBS ระยะเฉียบพลันจะหายดีแล้วก็ตาม
  • การจัดการ:อาจแนะนำให้ใช้กลยุทธ์การจัดการความเจ็บปวด รวมถึงการใช้ยาและการกายภาพบำบัด

5. ความเหนื่อยล้า:

  • คำอธิบาย:ความเหนื่อยล้าเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อย และบุคคลอาจรู้สึกเหนื่อยล้าและอ่อนแรงอย่างต่อเนื่อง
  • การจัดการ:กลยุทธ์การอนุรักษ์พลังงาน กิจกรรมการเว้นจังหวะ และการฟื้นฟูสามารถช่วยจัดการกับความเหนื่อยล้าได้

6. ภาวะแทรกซ้อนทางเดินอาหาร:

  • คำอธิบาย: GBS อาจส่งผลต่อกล้ามเนื้อที่รับผิดชอบการทำงานของลำไส้ ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในทางเดินอาหาร
  • การจัดการ:อาจแนะนำให้ปรับเปลี่ยนอาหาร การใช้ยา และการดำเนินการอื่นๆ เพื่อแก้ไขปัญหาระบบทางเดินอาหาร

7. ความผิดปกติของระบบอัตโนมัติ:

  • คำอธิบาย: GBS อาจส่งผลต่อระบบประสาทอัตโนมัติ ทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับความดันโลหิต อัตราการเต้นของหัวใจ และการทำงานของร่างกายโดยไม่สมัครใจอื่นๆ
  • การจัดการ:อาจจำเป็นต้องมีมาตรการติดตามและสนับสนุนเพื่อจัดการความผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติ

8. GBS ที่เกิดซ้ำ:

  • คำอธิบาย:แม้ว่าจะเกิดขึ้นได้ยาก แต่บางคนอาจเกิดอาการ Guillain-Barré Syndrome ซ้ำได้
  • การจัดการ:กรณีที่เกิดซ้ำอาจต้องมีการประเมินและการจัดการทางการแพทย์เพิ่มเติม

9. ผลกระทบทางจิตวิทยา:

  • คำอธิบาย:การจัดการกับความท้าทายทางกายภาพและความไม่แน่นอนของกลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เรอาจมีผลกระทบทางจิต รวมถึงความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า
  • การจัดการ:การสนับสนุนด้านจิตวิทยา การให้คำปรึกษา และกลุ่มสนับสนุนสามารถมีคุณค่าสำหรับบุคคลและครอบครัว
สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือความรุนแรงและระยะเวลาของภาวะแทรกซ้อนอาจแตกต่างกันอย่างมากในผู้ที่เป็นโรค Guillain-Barré Syndrome การดูแลรักษาทางการแพทย์ที่ครอบคลุมแต่เนิ่นๆ รวมถึงการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดและมาตรการสนับสนุน มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการจัดการภาวะแทรกซ้อนและส่งเสริมการฟื้นตัว บุคคลที่มี GBS ควรทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะของตนและได้รับการดูแลที่เหมาะสม

Guillain-Barre Syndrome

การวินิจฉัยกลุ่มโรคกิลแลง-บาร์เร ทำอย่างไร 

กลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เร จะยากต่อการวินิจฉัยในช่วงแรก เพราะอาการมีความคล้ายคลึงกับโรคทางประสาทอื่นๆ หรือโรคที่ส่งผลกระทบต่อระบบประสาท เช่น โรคโบทูลิซึม โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือภาวะพิษจากโลหะหนัก ภาวะพิษจากโลหะหนักอาจมีสาเหตุจากสสารเช่น ตะกั่ว ปรอท และสารหนู แพทย์จะถามคำถามเกี่ยวอาการเฉพาะ และประวัติโรคประจำตัว ตงแน่ใจว่าแจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับอาการผิดปกติทุกอย่าง และหากคุณเพิ่งหายจากการป่วย หรือการติดเชื้อ การตรวจต่อไปนี้ใช้ช่วยให้การวินิจฉัยแน่ชัดยิ่งขึ้น:

การเจาะตรวจน้ำไขสันหลัง

การเจาะตรวจน้ำไขสันหลัง คือ การนำเอาของเหลวจำนวนเล็กน้อยออกจากไขกระดูกบริเวณหลังช่วงล่าง ของเหลวนี้เรียกว่า น้ำหล่อเลี้ยงสมอง และไขสันหลัง จากนั้นจึงนำไปตรวจเพื่อหาระดับของโปรตีน คนที่เป็นโรคกลุ่มกิลแลง-บาร์เรมักมีระดับโปรตีนสูงกว่าปกติในน้ำไขสันหลัง

การตรวจคลื่นกล้ามเนื้อ เส้นประสาทด้วยกระแสไฟฟ้า

การตรวจคลื่นกล้ามเนื้อ เส้นประสาทด้วยกระแสไฟฟ้าคือ การตรวจการทำงานของเส้นประสาท โดยอ่านจากการทำงานของกระแสไฟฟ้าจากกล้ามเนื้อเพื่อช่วยให้แพทย์รู้หากพบว่ามีกล้ามเนื้ออ่อนแรง โดยมีสาเหตุมาจากประสาทเสียหาย หรือกล้ามเนื้อเสียหาย

การตรวจการทำงานของเส้นประสาท

การตรวจการทำงานของเส้นประสาทอาจถูกนำมาใช้เพื่อตรวจการทำงานระบบประสาท และกล้ามเนื้อที่ตอบสนองต่อกระแสไฟ

โรคกลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เรรักษาอย่างไร 

โรคกลุ่มกิลแลง-บาร์เร คือ การอักเสบของภูมิต้านทานที่ทำลายตนเอง ซึ่งนั้นหมายความว่ามันจะสามารถแก้ไขได้ด้วยตนเอง แต่อย่างไรก็ตามทุกคนสามารถเป็นโรคนี้ควรเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพื่อเฝ้าสังเกตอย่างใกล้ชิด อาการอาจแย่ลงได้อย่างรวดเร็ว และอาจทำให้เสียชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษา ในรายที่รุนแรง คนที่เป็นโรคกิลแลง-บาร์เรสามารถกลายเป็นโรคอัมพาตเต็มตัวได้ กลุ่มอาการกิลแลง บาร์เร สามารถทำให้เสียชีวิตได้หากอัมพาตส่งผลต่อกะบังลม หรือกล้ามเนื้อหน้าอก  เป้าหมายของการรักษาคือ ลดความรุนแรงการจู่โจมระบบภูมิต้านทาน และช่วยการทำงานของร่างกาย เช่น การทำงานของปอด ในขณะระบบประสาทมีการฟื้นตัว การรักษาอาจรวมไปถึง:

การเปลี่ยนถ่ายพลาสม่า

ระบบภูมิต้านทานจะผลิตโปรตีนที่เรียกว่าแอนติบอดี้ ซึ่งปกติจะทำการจู่โจมสารบุกรุกที่เป็นอันตราย เช่น เชื้อแบคทีเรีย และไวรัส กลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เรเกิดขึ้นเมื่อระบบภูมิต้านทานเข้าใจผิดจึงสร้างแอนติบอดี้เข้าจู่โจมเส้นประสาทที่มีสุขภาพดีของระบบประสาท การเปลี่ยถ่ายพลาสม่าคือ การนำเอาแอนติบอดี้ที่จู่โจมเส้นประสาทออกจากเลือดของคุณ ในระหว่างการผ่าตัด เลือดจะถูกเอาออกจากร่างกายด้วยเครื่อง เครื่องนี้จะเอาแอนติบอดี้ออกจากเลือดของคุณ และจากนั้นก็ใส่เลือดกลับเข้าไปใหม่อีกครั้ง

การฉีดอิมมูโนโกลบูลลิน

อิมมูโนโกลบูลลินในปริมาณสูงสามารถช่วยปิดกั้นแอนติบอดี้ที่เป็นสาเหตุของโรคกิลแลง-บาร์เร อิมมูโนโกลบูลลินที่มีแอนติบอดี้มี่มีสุขภาพดี และเป็นปกติจะได้มาจากผู้บริจาค การเปลี่ยนถ่ายพลาสม่า และการฉีดอิมมูนโนโกลบูลลินมีประสิทธิภาพพอๆกัน ขึ้นอยู่กับคุณ และแพทย์ตัดสินใจในการรักษาที่ดีที่สุด

แนวโน้มการเกิดภาวะแทรกซ้อนของกลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เรคือ อะไร 

กิลแลง-บาร์เร ส่งผลกระทบต่อประสาท การอ่อนแอ และอัมพาตที่เกิดขึ้นสามารถส่งผลหลายส่วนต่อร่างกาย ภาวะแทรกซ้อนอาจรวมไปถึงการหายใจลำบากเมื่อเป็นอัมพาต หรืออ่อนแรงแผ่ไปยังกล้ามเนื้อที่ควบคุมการหายใจ คุณอาจจำเป็นต้องใช้เครื่องที่เรียกว่าเครื่องช่วยหายใจเพื่อช่วยการหายใจหากเกิดสิ่งนี้ขึ้น ภาวะแทรกซ้อนอาจรวมไปถึง:
  • อ่อนแรง ชา หรือความรู้สึกแปลกๆหลังการฟื้นตัว
  • ความดันเลือด หรือหัวใจมีปัญหา
  • เจ็บปวด
  • การทำงานของกระเพาะปัสสาวะ หรือลำไส้น้อยลง
  • ลิ่มเลือด และแผลกดทับในระหว่างเป็นอัมพาต 

การเฝ้าติดตามระยะยาวคือ อะไร 

ช่วงการฟื้นฟูสำหรับโรคกิลแลง-บาร์เรใช้เวลานาน แต่ส่วนใหญ่ฟื้นฟูได้ อาการจะแย่ลงสอง หรือสี่สัปดาห์ก่อนจะมีอาการคงที่ การฟื้นฟูสามารถเกิดขึ้นได้นับตั้งแต่สองสามสัปดาห์แต่ส่วนใหญ่จะฟื้นฟูได้ใน 6 ถึง 12 เดือนI ราว 80 เปอร์เซ็นต์ของคนที่ได้รับผลกระทบจาดโรคกิลแลง-บาร์เรสามารถเดินได้อย่างเป็นอิสระในหกเดือน และราว 60 เปอร์เซ็นต์ฟื้นฟูกล้ามเนื้อให้แข็งแรงได้ในหนึ่งปี ในบางคนการฟื้นฟูอาจยาวนานกว่านั้น ราว 30 เปอร์เซ็นต์จะยังคงมีอาการอ่อนแรงอยู่หลังผ่านไปแล้วสามปี ราว 3 เปอร์เซ็นต์ของคนที่ได้รับผลกระทบจากโรคกิลแลง-บาร์เรอาการอาจกลับมากำเริบได้อีกครั้ง เช่น การอ่อนแรงและเสียวแปลบ  พบได้ไม่บ่อยนักที่โรคนี้อาจทำให้ถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะหากคุณไม่ได้รับการรักษา ปัจจัยที่อาจทำให้อาการแย่ลงอาจรวมไปถึง
  • ผู้สูงอายุ
  • กระบวนการป่วยเกิดขึ้นรวดเร็ว หรือรุนแรง
  • การรักษาล่าช้า ซึ่งเป็นผลของสมองเสียหายมากขึ้น
  • ใช้เครื่องช่วยหายใจระยะยาว ซึ่งอาจทำให้เกิดโรคปอดอักเสบ
ลิ่มเลือด และแผลกดทับเป็นผลมาจากเคลื่อนที่ไม่ได้สามารถทำให้ลดลงได้ ยาละลายลิ่มเลือด และถุงน่องทางการแพทย์อาจช่วงลดการเกิดลิ่มเลือดให้น้อยลงได้ อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจเพิ่มเติม ปอดอักเสบ

นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา

  • https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/guillain-barre-syndrome/symptoms-causes/syc-20362793
  • https://www.nhs.uk/conditions/guillain-barre-syndrome/
  • https://www.ninds.nih.gov/disorders/patient-caregiver-education/fact-sheets/Guillain-barr%C3%A9-syndrome-fact-shee
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด