การตั้งครรภ์นอกมดลูก หรือตั้งท้องนอกมดลูก (Ectopic Pregnancy) คือ การที่ไข่ปฏิสนธิไม่ยึดติดกับมดลูก แต่อาจติดกับท่อนำไข่ช่องท้องหรือปากมดลูกแทน โดยปกติตั้งแต่การปฏิสนธิไปจนถึงการคลอดบุตรการตั้งครรภ์ ต้องใช้หลายขั้นตอนในร่างกายของผู้หญิง และหนึ่งในขั้นตอนเหล่านี้คือเมื่อไข่ที่ปฏิสนธิเดินทางไปฝังตัวยังมดลูก
การท้องนอกมดลูกเกิดขึ้นไม่บ่อย อาจพบในผู้หญิงร้อยละ 1 การที่ท่อรังไข่อุดตันอาจเกิดจากการติดเชื้อซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดการท้องนอกมดลูก หากคุณกำลังวางแผนจะมีลูกแต่กำลังเป็นโรคติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะหรืออุ้งเชิงกรานอักเสบ ทางออกที่ดีที่สุดคือ รักษาตัวให้หายดีเสียก่อนแล้วจึงค่อยพยายามมีลูก
การตั้งครรภ์นอกมดลูกหากไม่ได้รับการรักษาจะกลายเป็นความผิดปกติที่ต้องได้รับการรักษาฉุกเฉินทางการแพทย์ การได้รับการรักษาอย่างทันทีจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์นอกมดลูก ทั้งยังเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ที่ดีในอนาคต
นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา
สาเหตุการท้องนอกมดลูก
สาเหตุท้องนอกมดลูกยังไม่พบสิ่งที่ก่อให้เกิดอย่างแน่ชัด แต่จะเกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านี้:- การอักเสบ และรอยแผลเป็นของท่อนำไข่จากการติดเชื้อหรือการได้รับการผ่าตัดก่อนหน้า
- ปัจจัยด้านฮอร์โมน
- ความผิดปกติทางพันธุกรรม
- ข้อบกพร่องของการปฏิสนธิ
- โครงสร้าง รูปร่างและสภาพของท่อนำไข่และอวัยวะสืบพันธุ์
ความเสี่ยงในการตั้งครรภ์นอกมดลูก
เพศหญิงที่มีเพศสัมพันธ์ทุกคนมีโอกาสที่จะตั้งครรภ์นอกมดลูก โดยปัจจัยที่จะทำให้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นได้แก่- เพศหญิง อายุ 35 ปีขึ้นไป
- ผ่านการผ่าตัด กระดูกเชิงกราน ผ่าตัดช่องท้องหรือทำแท้ง
- เคยเป็นผู้ป่วยโรคกระดูกเชิงกรานอักเสบ (PID)
- เคยเป็นผู้ป่วยเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่
- มีการใช้ยา หรือขั้นตอนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเจริญพันธุ์
- สูบบุหรี่
- เคยตั้งครรภ์นอกมดลูก
- เคยเป็นผู้ป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคหนองใน หรือหนองในเทียม(chlamydia)
- โครงสร้างในท่อนำไข่มีความผิดปกติ ซึ่งทำให้ยากต่อการเดินทางของไข่
อาการท้องนอกมดลูก
อาการของคนท้องนอกมดลูก ได้แก่ อาการคลื่นไส้ และเจ็บเต้านมเป็นอาการที่พบบ่อยในการตั้งครรภ์นอกมดลูก รวมถึงอาการดังต่อไปนี้ :- ปวดในช่องท้องกระดูกเชิงกราน ไหล่หรือคอ
- ปวดด้านหนึ่งของช่องท้องอย่างรุนแรง
- มีเลือดออกจากช่องคลอด
- เวียนศีรษะ(dizziness) หรือเป็นลม
- มีแรงดันที่ไส้ตรงใกล้กับทวารหนัก
การวินิจฉัยการตั้งครรภ์นอกมดลูก
หากสังสัยว่าอาจตั้งครรภ์นอกมดลูกให้ไปพบแพทย์ทันที การตั้งครรภ์นอกมดลูกไม่สามารถจะวินิจฉัยได้โดยตรง แพทย์จะใช้วิธีการตรวจสอบเหล่านี้ในตรวจหาความผิดปกติ อัลตร้าซาวด์ภายในมดลูก โดยสอดอุปกรณ์เข้าไปในช่องคลอด เพื่อให้แพทย์ของคุณสามารถตรวจสอบว่าการตั้งครรภ์อยู่ในบริเวณใดของมดลูก แพทย์อาจจะตรวจเลือด เพื่อหาระดับเอชซีจีและฮอร์โมนของผู้ตั้งครรภ์ ซึ่งฮอร์โมนเหล่านี้เป็นฮอร์โมนที่มีอยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ หากระดับฮอร์โมนเหล่านี้เริ่มลดลงหรือคงสภาพเดิมในช่วงเวลา 2-3 และหากไม่พบตั้งครรภ์ ในอุลตร้าซาวด์ ก็เป็นไปได้ว่าตั้งครรภ์นอกมดลูก หากมีอาการรุนแรงร่วมด้วย เช่น อาการปวดท้อง(stomach pain) อย่างหนัก หรือมีเลือดออก จำเป็นต้องได้รับการรักษาโดยทันที่ ไม่ต้องผ่านการทดสอบใดๆ เนื่องจากท่อนำไข่อาจแตกและทำให้เกิดเลือดออกภายในอย่างรุนแรง ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างฉุกเฉินการป้องกันการตั้งครรภ์นอกมดลูก
การป้องกันตั้งครรภ์นอกมดลูกไม่สามารถทำได้ แต่สามารถลดความเสี่ยงผ่านการรักษาสุขอนามัยที่ดี เช่นให้คู่นอนสวมถุงยางอนามัยระหว่างมีเพศสัมพันธ์ และไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย สิ่งเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ซึ่งอาจทำให้เกิด PID นำมาสู่การอักเสบในท่อนำไข่ การรักษาและป้องกันความเสี่ยงบางประการสามารถทำโดยการพบสูตินารีแพทย์ และการคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และรวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เช่น การเลิกสูบบุหรี่ เป็นต้นนี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา
- https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/ectopic-pregnancy/symptoms-causes/syc-20372088
- https://kidshealth.org/en/parents/ectopic.html
- https://www.uofmhealth.org/health-library/hw144921
- https://www.acog.org/patient-resources/faqs/pregnancy/ectopic-pregnancy
เนื้อหาและรีวิวมาจากผู้เชี่ยวชาญ โดย Bupa team
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น