พัฒนาการเด็ก

นั่นเป็นคำถามที่พ่อแม่ กุมารแพทย์ นักพัฒนาการศึกษาและผู้ดูแลเด็ก ถามซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า เด็กจะมีการเติบโตและเปลี่ยนแปลงอย่างไร  เพื่อช่วยตอบคำถามที่สำคัญนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็กได้สร้างแผนภูมิและรายการตรวจสอบต่างๆมากมาย ที่สามารถช่วยคุณติดตามพัฒนาการของเด็กในหลายๆด้านที่สำคัญ ได้แก่
  • พัฒนาการทางด้านร่างกาย
  • ทางความคิด (ทักษะการคิด)
  • พัฒนาการด้านภาษา
  • พัฒนาการด้านสังคมและอารมณ์

วัยและการเปลี่ยนแปลง

คุณต้องรู้ว่ามีความแตกต่างในแต่ละรายละเอียดก่อน นักวิจัยจากโรงพยาบาลเด็กบอสตัน คิดค้นรายการตรวจพัฒนาการเด็กที่ดีที่สุด 4 รายการ จากความสามารถที่แตกต่างกันทั้งหมด 728 รายการ ที่สำคัญกว่านั้น มีเพียง 40 รายการในระบบพัฒนาการของทารกเท่านั้น ที่ปรากฏใน 4 รายการตรวจข้างต้น  ซึ่งทำให้เกิดคำถามว่า คุณควรยึดติดกับรายการตรวจสอบเดียวหรือไม่  แนวทางที่ดีที่สุดที่นักวิจัยเหล่านี้แนะนำคือ การเริ่มต้นด้วยการพูดคุยกับกุมารแพทย์หรือผู้ดูแลเด็กในระดับปฐมภูมิ ตัวชี้วัดที่แพทย์ใช้ประเมินอาจแตกต่างจากที่ผู้ปกครองอ่านพบในหนังสือหรือสื่อออนไลน์ แพทย์และผู้เชี่ยวชาญ สามารถตรวจคัดกรองบุตรหลานของคุณว่ามีพัฒนาการล่าช้าหรือไม่ โดยใช้เครื่องมือคัดกรองที่ผ่านการตรวจสอบแล้วหรือประเมินระหว่างพูดคุยกับเด็ก  นอกจากนี้ยังอาจช่วยให้มองเห็นพัฒนาการของแต่ละบุคคลแทนที่จะดูตามรายการที่กำหนดมา หากพัฒนาการของเด็กช้ากว่าวัยหรือหยุดก่อนวัยอันควร ก็จะสามารถพูดคุยกับผู้ดูแลเด็กได้ หากตรวจพบว่าเด็กมีพัฒนาการล่าช้าได้แต่เนิ่นๆ อาจสร้างความแตกต่างอย่างมากให้กับตัวเด็ก

อะไรคือพัฒนาการของทารก

พัฒนาการทารก คือสิ่งที่เด็กสามารถทำได้ในช่วงอายุหนึ่ง เด็กส่วนใหญ่จะมีทักษะและความสามารถในระดับเดียวกันเมื่อได้รับคำสั่งเหมือนกัน แต่ในกรอบเวลาที่ไม่เท่ากัน แตกต่างกันไปในแต่ละคน เช่นเดียวกับสีผมและสีของดวงตา

พัฒนาการแต่ละช่วงวัยของทารก

เด็กๆเต็บโตในที่ที่แตกต่างกัน Develment Mild stone ถือเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้ผู้ปกครองมองเห็นพัฒนาการของเด็กว่าเป็นไปตามวัยหรือตามอายุหรือไม่ เครื่องมือในกChild Developmentารตรวจสอบการพัฒนาตามวัยต่าง ๆ  ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ได้สร้างแอปฟรีเพื่อช่วยให้คุณสามารถติดตามการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงของบุตรหลานได้หลายวิธี คุณสามารถดาวน์โหลดได้  แรกเกิดถึง 18 เดือน เป็นช่วงของการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่ลึกซึ้ง ทารกจะเติบโตและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แพทย์แนะนำให้คุณพูดกับลูกของคุณให้มากในช่วงนี้ เพราะเมื่อลูกได้ยินเสียงคุณ จะทำให้ลูกมีพัฒนาการด้านการสื่อสาร คำแนะนำอื่นๆ ได้แก่ :
  • ฝึกให้ลูกคว่ำ เพื่อช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อคอและหลังของทารก แต่ต้องแน่ใจว่าทารกตื่นแล้ว และใกล้จะถึงเวลาเล่นแล้ว 
  • ตอบสนองทันทีเมื่อลูกร้องไห้ การอุ้มทารกที่ร้องไห้และปลอบโยนจะสร้างความผูกพันที่แน่นแฟ้นระหว่างคุณกับลูก
พัฒนาการทั้ง 4  ด้านของวัยต่าง ๆ : แรกเกิดถึง 18 เดือน
1-3 เดือน 4-6 เดือน 5-9 เดือน 9-12 เดือน 12-18 เดือน
ความรู้ความเข้าใจ  แสดงความสนใจในวัตถุและใบหน้าของคนรอบข้าง อาจเบื่อกับกิจกรรมซ้ำๆ  จดจำใบหน้าที่คุ้นเคย สังเกตเสียงดนตรี ตอบสนองต่อความรักและความเมตตา เอามือขึ้นปาก ส่งต่อสิ่งของจากมือข้างหนึ่งไปยังอีกข้าง มองของตก มองหาสิ่งของที่ซ่อนอยู่ ได้เรียนรู้วิธีการใช้สิ่งพื้นฐานบางอย่างเช่นช้อน สามารถชี้ไปที่ส่วนต่างๆของร่างกายตามที่บอกได้
ทางสังคมและอารมณ์  พยายามมองแม่หรือคนอื่น เริ่มยิ้มให้กับผู้คน  ตอบสนองต่อการแสดงออกทางสีหน้า สนุกกับการเล่นกับผู้คน ตอบสนองต่อโทนเสียงที่แตกต่างกัน ชอบเล่นกระจก รู้ว่ามีคนแปลกหน้าอยู่ อาจจะเกาะติดหรือชอบคนคุ้นเคย อาจมีส่วนร่วมกับการหยอกล้อ อาจมีอารมณ์ฉุนเฉียว อาจร้องไห้กับคนแปลกหน้า
ด้านภาษา เริ่มออกเสียงสระ เอ และเสียงสระ อา  สงบนิ่งเมื่อมีคนพูดด้วย ร้องให้ในสถาณการณ์ที่แตกต่าง  ในความต้องการที่แตกต่าง เริ่มที่จะพูดหรือเลียนแบบเสียง หัวเราะ  ตอบสนองเมื่อได้ยินคนเรียกชื่อ เริ่มมีการเพิ่มเสียงพยัญชนะลงในเสียงสระ อาจมีการสื่อสารด้วยท่าทาง รู้ความหมายคำว่า “ไม่” หรือคำว่า “ใช่” เลียนแบบเสียงและท่าทางได้ รู้วิธีพูดหลายคำพูด พูดคำว่า “ไม่” ได้ โบกมือลาได้
การเคลื่อนไหว / กายภาพ  หันไปทางเสียงเรียกได้ มองตามวัตถุด้วยได้ กำวัตถุได้ ค่อยๆยกศีรษะ ได้นานขึ้น เมื่อเห็นสิ่งต่างๆแล้วเอื้อมไปหาสิ่งเหล่านั้นได้ ยกแขนขึ้นเมื่อคว่ำอยู่ อาจสามารถพลิกตัวได้ เริ่มนั่งได้เองโดยไม่ต้องพยุง อาจมีการเด้งเมื่อพยุงให้ยืน ม้วนไปมาได้สองทิศทาง ใช้มือดันตัวเองขึ้นเพื่อยืน คลานได้ เดินต่อเนื่องบนพื้น ยืนคนเดียว อาจปีนขึ้นได้ขั้นหรือสองขั้น อาจดื่มเครื่องดื่มจากแก้วได้

พัฒนาการเด็กแรกเกิดอายุ 18 เดือนถึง 2 ปี

ในช่วงวัยเตาะแตะของเด็กๆ ยังคงต้องการการนอนหลับพักผ่อนที่ดี โภชนาการที่เพียงพอ รวมไปถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพ่อแม่และผู้เลี้ยงดู คำแนะนำในการสร้างพื้นที่ที่ปลอดภัยและดูแลเอาใจใส่ให้เด็ก เพื่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็กตามช่วงวัยต่าง ๆ ให้เหมาะสม
  • สร้างกิจวัตรและวิธีการที่คาดเดาได้ เพื่อให้ลูกของคุณรู้สึกปลอดภัยและมีพื้นที่ส่วนตัว
  • จัดพื้นที่บ้านและสวนของคุณเพื่อให้เด็กๆ สำรวจได้อย่างปลอดภัย
  • ใช้การอบรมสั่งสอนเรื่องวินัยอย่างอ่อนโยน เพื่อสอนเด็ก หลีกเลี่ยงการตีซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายและอารมณ์ในระยะยาว 
  • ร้องเพลงด้วย พูดคุยด้วย และพาเด็กอ่าน เพื่อเพิ่มพัฒนาการด้านคำศัพท์ของเด็ก
  • ฝ้าดูแลเด็กอย่างใกล้ชิดเพื่อเพิ่มความอบอุ่นและความน่าเชื่อถือ
ดูแลตัวเองให้ดีทั้งทางร่างกายและอารมณ์เพราะลูกของคุณต้องการให้คุณมีสุขภาพที่ดี

ตารางการพัฒนา: 18 เดือนถึง 2 ปี

18 เดือน 24 เดือน
ความรู้ความเข้าใจ  ระบุสิ่งที่คุ้นเคยในหนังสือภาพได้ รู้ว่าสิ่งของทั่วไปทำอะไรได้บ้าง ขีดเขียนได้ ทำตามคำสั่งง่ายๆได้เช่น “ยืนขึ้น” สร้างอาคารจากตัวต่อ อาจทำตามคำสั่งง่ายๆ พร้อมกัน 2 คำสั่งได้  แยกกลุ่มสีและลักษณะของวัตถุได้
อารมณ์และสังคม  ทิ้งของเล่นที่ไม่ชอบได้ ภูมิใจในตัวเองเมื่อทำอะไรบางอย่างสำเร็จ จำตัวเองในกระจกได้ ใช้กระจกดูหน้าตาตัวเองได้  สำรวจพื้นที่รอบๆได้มากขึ้นเมื่อรู้ว่ามีผู้ดูแลอยู่ใกล้ๆ ชอบเล่นสนุก เข้าไปเล่นกับเด็กข้างๆได้  ทำตามคำสั่งของผู้ดูแลได้ เช่น “นั่งลง” “เดินมาหาหน่อย”
 
ด้านภาษา รู้คำศัพท์มากขึ้น ทำตามคำแนะนำง่ายๆได้ ชอบฟังนิทานหรือฟังเพลง สามารถตั้งคำถามง่ายๆได้ บอกชื่อสิ่งของต่างๆได้ พูดคำง่ายๆสองคำได้เช่น “กินนม” พูดชื่อคนในครอบครัวได้
ด้านการเคลื่อนที่และกายภาพ เริ่มแต่งตัวเองได้ เริ่มวิ่งได้ ดื่มน้ำจากแก้วได้ ใช้ช้อนกินข้าวได้ สามารถเดินขณะลากสิ่งของได้ เต้นได้ นั่งเก้าอี้ได้ วิ่งได้ กระโดดขึ้นลงได้ ยืนเขย่งเท้าได้ วาดรูปเส้นตรงหรือวงกลมได้ โยนลูกบอลได้ ขึ้นบันไดโดยใช้ราว

พัฒนาการด้านสติปัญหาของเด็กอายุ 3 ถึง 5 ปี

ในช่วงก่อนเข้าโรงเรียนเด็กมีการเจริญเติบโตขึ้นค่อนข้างมาก แล้วแต่ความสามารถและพัฒนาการของแต่เด็กแต่ละคน พวกเขาเริ่มมีความสงสัยในสิ่งต่างๆอย่างเช่น เพื่อนใหม่ ประสบการณ์ใหม่ๆ สิ่งแวดล้อมใหม่ๆ หรือสนามเด็กเล่นใหม่ๆ ในช่วงเวลาของการเจริญเติบโตนี้ สิ่งที่ผู้ปกครองควรทำ:
  • อ่านหนังสือให้ฟังเด็กทุกวัน
  • แสดงวิธีทำงานบ้านง่ายๆให้ดู
  • มีความชัดเจนในการอธิบายพฤติกรรมที่คุณต้องการให้ลูกทำ
  • พูดคุยกับเด็กในภาษาที่เหมาะสมกับวัย
  • ช่วยเด็กแก้ปัญหาเมื่อเด็กมีอารมณ์ไม่ดี
  • ดูแลบุตรหลานของคุณเมื่อเล่นกลางแจ้ง โดยเฉพาะบริเวณที่มีน้ำและอันตรายจากอุปกรณ์การเล่น
  • ให้บุตรหลานของคุณมีทางเลือก ในการมีปฏิสัมพันธ์กับสมาชิกในครอบครัวและคนแปลกหน้า
ตารางพัฒนาการ: 3 ถึง 5 ปี
3 ปี 4 ปี 5 ปี
ความรู้ความเข้าใจ  สามารถต่อจิ๊กซอว์ 3-4 ส่วนเข้าด้วยกันได้ สามารถใช้ของเล่นที่มีชิ้นส่วนเคลื่อนไหวเช่นปุ่มและคันโยกได้ สามารถหมุนลูกบิดประตูได้ สามารถพลิกหน้าหนังสือได้ อาจจะนับได้ สามารถดึงไม้ขีดได้ อาจสามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในนิทาน อาจเล่นเกมกระดานง่ายๆได้  สามารถบอกชื่อสีตัวเลขและตัวพิมพ์ใหญ่ได้ วาด “รูปคน” ที่ซับซ้อน นับสิ่งของได้ถึง 10 สิ่ง สามารถคัดลอกตัวอักษร ตัวเลขและรูปทรงง่ายๆ เข้าใจ ลำดับขั้นตอนง่ายๆ สามารถพูดชื่อและที่อยู่ได้ บอกชื่อสีได้หลายสี
สังคมและอารมณ์  แสดงความเห็นอกเห็นใจ เด็กที่เจ็บปวดหรือร้องไห้ เสนอความรัก  เข้าใจ “ของฉัน” และ “ของคุณ” อาจอารมณ์เสียถ้ากิจวัตรเปลี่ยนไป แต่งตัวได้ รู้วิธีผลัดกัน อาจเล่นเกมที่มีบทบาทเหมือน“พ่อแม่” และ“ลูก” เล่นด้วยไม่ใช่แค่ข้างๆแต่เล่นกับเด็กคนอื่นๆได้ พูดถึงความชอบและไม่ชอบ แกล้ง อาจมีปัญหาในการรู้ว่าอะไรจริงและอะไรแกล้ง รู้เพศ ชอบเล่นกับเพื่อน ร้องเพลงเต้นรำและอาจเล่นเกมการแสดง สามารถบอกความแตกต่างระหว่างการสร้างขึ้นและของจริงได้
ภาษา พูดคุยโดยใช้ 2-3 คำ มีคำที่ใช้ตั้งชื่อสิ่งต่างๆที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ครอบครัวสามารถเข้าใจการสื่อสารของเด็กได้ เข้าใจคำต่างๆเช่น“ ใน”“ เปิด” และ“ ใต้” สามารถพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในสถานรับเลี้ยงเด็กหรือที่โรงเรียน การพูดเป็นประโยค อาจรับรู้หรือพูดเป็นเป็นจังหวะได้ สามารถอธิบายเรื่องราวต่างๆของตัวเองได้ สามารถร้องเพลงหรือพูดเป็นจังหวะได้  สามารถตอบคำถามง่ายในนิทานที่เคยฟังได้ 
ด้านกายภาพและการเคลื่อนที่ สามารถเดินขึ้นลงบันไดโดยก้าวเท้าทีละข้างได้ วิ่งและกระโดดได้  จับลูกบอลได้ สามารถเล่นสไลด์ได้ สามารถตอกหมุดลงในหลุมได้ เดินถอยหลังได้ ขึ้นลงบันไดอย่างมั่นใจ สามารถกระโดดได้ เทของเหลวด้วยความช่วยเหลือบางอย่าง  อาจสามารถตีลังกาได้ ใช้กรรไกรได้ ยืนข้างเดียวประมาณ 10 วินาทีได้ สามารถแกว่งชิงช้าได้ ไปเข้าห้องน้ำเองได้

พัฒนาการวัยเรียน

ในช่วงวัยเรียน เด็กๆจะได้รับความเป็นอิสระและความสามารถเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อนมีความสำคัญและมีอิทธิพลมากขึ้น ความมั่นใจในตนเองของเด็กจะได้รับผลกระทบจากความท้าทายในโรงเรียนและสังคม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมของแต่ละโรงเรียน 

เมื่อเด็กโตเต็มที่ ความท้าทายในการเลี้ยงดูคือ การหาจุดสมดุลระหว่างการรักษาความปลอดภัยและการบังคับใช้กฎ รวมไปถึงการรักษาความสัมพันธ์ในครอบครัว การปล่อยให้พวกเขาตัดสินใจบางอย่างเอง สามารถกระตุ้นให้พวกเขามีความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้นได้ แม้จะเติบโตและมีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังต้องการพ่อแม่และผู้เลี้ยงดูเพื่อห้ามปรามในบางเรื่อง เพื่อส่งเสริมให้มีนิสัยที่ดี นี่คือสิ่งที่คุณสามารถทำได้เพื่อให้แน่ใจว่าลูกของคุณยังคงมีสุขภาพดี 
  • แน่ใจว่าพวกเขาได้รับการนอนหลับอย่างเพียงพอ
  • เปิดโอกาสให้ออกกำลังกายและเล่นกีฬา ทั้งประเภทบุคคลหรือทีม
  • สร้างพื้นที่ที่เงียบสงบและเรียบร้อย สำหรับการอ่านและการเรียนที่บ้าน
  • จำกัดเวลาอยู่หน้าจอ และตรวจสอบกิจกรรมออนไลน์อย่างรอบคอบ
  • สร้างและรักษาธรรมเนียมของครอบครัวในทางที่ดี
  • พูดคุยกับบุตรหลานของคุณเกี่ยวกับขอบเขต ข้อกำหนดในการใช้ชีวิต

ตารางพัฒนาการ: วัยเรียน

6-8 ปี 9-11 ปี 12-14 ปี 15-17 ปี
ด้านการเรียนรู้ สามารถทำตามคำสั่งได้ 3 ขั้นตอนขึ้นไป สามารถนับถอยหลังได้ รู้ซ้ายและขวา บอกเวลา  สามารถใช้อุปกรณ์ทั่วไป ได้แก่ โทรศัพท์ แท็บเล็ต   พัฒนามุมมองและความคิดเห็นที่อาจแตกต่างจากความคิดของผู้ปกครอง มีการรับรู้ว่าพ่อแม่ไม่ถูกต้องเสมอไป มีความคิดความเข้าใจเกี่ยวกับการคิดแบบมีเหตุมีผล แสดงตัวตนด้านนิสัย การทำงาน และการเรียน สามารถอธิบายหน้าที่และทางเลือกของพวกเขาได้ มีความเห็นบางอย่าง ที่ต่างจากพ่อแม่
ด้านสังคมและอารมณ์ ให้ความร่วมมือและเล่นกับผู้อื่นได้ อาจเล่นกับเด็กเพศต่างกัน เลียนแบบพฤติกรรมของผู้ใหญ่ รู้สึกอิจฉาริษยา อาจไม่ให้ความสำคัญกับร่างกายตัวเอง อาจมีเพื่อนสนิท เริ่มเห็นอกเห็นใจผู้อื่น มีประสบการณ์และได้รับอิทธิพลจากเพื่อนมากขึ้น อาจเป็นอิสระจากพ่อแม่มากขึ้น แสดงอารมณ์ไม่พอใจ มีความต้องการพื้นที่ส่วนตัว มีความสนใจเพศตรงข้ามมากขึ้น ใช้เวลาอยู่กับเพื่อนมากกว่าครอบครัว  มีความเห็นอกเห็นใจคนอื่นมากขึ้น
ด้านภาษาสามารถ อ่านหนังสือในระดับชั้นประถมศึกษาเข้าใจ เข้าใจคำพูดและมีการพูดที่ดีขึ้น รับฟังเหตุผลบางอย่าง มีความคิดเหตุผลเป็นของตัวเอง  ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ได้ยิน ได้ฟัง สามารถจดบันทึกสั้น ๆ ปฏิบัติตามคำแนะนำที่เป็นลายลักษณ์อักษร วาดการอนุมานเชิงตรรกะโดยอาศัยการอ่าน สามารถเขียนเกี่ยวกับแนวคิดหลักการได้ สามารถวางแผนและกล่าวสุนทรพจน์ได้ สามารถใช้คำพูดที่ไม่ตรงตามตัวอักษรได้ สามารถใช้น้ำเสียงเพื่อสื่อสารความไม่พอใจ เช่นการถากถาง สามารถพูดอ่าน ฟังและเขียนได้อย่างคล่องแคล่วและง่ายดาย สามารถสนทนาที่ซับซ้อนได้ สามารถพูดความเห็นต่างในกลุ่มได้ สามารถเขียนโน้มน้าวใจ สามารถเข้าใจสุภาษิต เปรียบเปรย และการเปรียบเทียบ
การเคลื่อนไหว / กายภาพ  สามารถกระโดดเชือกหรือขี่จักรยาน วาดหรือระบายสีได้ สามารถแปรงฟัน หวีผม และทำความสะอาดขั้นพื้นฐานได้ สามารถฝึกทักษะทางกายภาพให้ดีขึ้นได้ อาจพบสัญญาณของวัยรุ่น เช่นการพัฒนาของเต้านมและการเจริญเติบโตของขนบนใบหน้า มีระดับทักษะที่เพิ่มขึ้นในการเล่นกีฬาและการออกกำลังกาย ผู้หญิงหลายคนจะเริ่มมีประจำเดือน การเจริญเติบโตทางเพศขั้นที่สอง เช่นขนรักแร้ และการเปลี่ยนแปลงของเสียง ความสูงหรือน้ำหนักอาจเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและอาจช้าลง มีการเติบโตทางร่างกายต่อเนื่องโดยเฉพาะเด็กผู้ชาย

จะทำอย่างไรหากคุณกังวล

หากคุณสงสัยว่าพัฒนาการบางด้านของเด็กอาจล่าช้าหรือไม่ คุณมีหลายทางเลือก ขั้นแรกพูดคุยกับกุมารแพทย์และขอรับการตรวจคัดกรองพัฒนาการ เครื่องมือตรวจคัดกรองที่แพทย์ใช้มีความละเอียดถี่ถ้วนมากกว่าในสื่อออนไลน์ และอาจให้ข้อมูลที่เชื่อถือได้มากขึ้น เกี่ยวกับความสามารถและพัฒนาการของบุตรหลานของคุณ  นอกจากนี้คุณยังสามารถขอให้กุมารแพทย์ส่งต่อไปยังผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเช่นนักประสาทวิทยาในเด็ก นักกิจกรรมบำบัด นักบำบัดการพูด/ภาษา หรือนักจิตวิทยาที่เชี่ยวชาญในการประเมินเด็ก  หากบุตรหลานของคุณอายุต่ำกว่า 3 ปี คุณสามารถติดต่อหน่วยงานรัฐที่ดูแลเรื่องพัฒนาการของเด็กก่อนวัยเรียนได้ในพื้นที่ของคุณ หากบุตรหลานของคุณอายุ 3 ปีขึ้นไปคุณสามารถพูดคุยกับผู้อำนวยการการโรงเรียน หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ดูแลเรื่องพัฒนาการเด็กใกล้บ้านของคุณ (แม้ว่าบุตรของคุณจะไม่ได้เรียนในโรงเรียนนั้นก็ตาม) เพื่อขอการประเมินพัฒนาการ อย่าลืมจดวันที่และชื่อผู้กำกับดูแล เพื่อติดตามผลหากจำเป็น เป็นเรื่องสำคัญมากที่คุณต้องดำเนินการทันทีหากคุณสงสัยว่าเด็กมีพัฒนาการล่าช้าหรือผิดปกติ เนื่องจากปัญหาพัฒนาการหลายอย่างสามารถแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการบำบัดในช่วงอายุน้อย

เกิดอะไรขึ้นในการคัดกรองพัฒนาการ 

ในระหว่างการตรวจคัดกรองผู้เชี่ยวชาญอาจถามคำถามคุณ โต้ตอบกับบุตรหลานของคุณ หรือทำการทดสอบเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่บุตรของคุณทำได้และยังทำไม่ได้ หากลูกของคุณมีอาการผิดปกติเกิดเร็ว หรือได้รับสารพิษจากสิ่งแวดล้อม เช่นตะกั่ว แพทย์อาจทำการตรวจคัดกรองพัฒนาการบ่อยขึ้น การพูดคุยกับผู้ปกครองเกี่ยวกับพัฒนาการเด็ก หากคุณเป็นผู้ดูแลเด็กหรือครูผู้สอน ที่มีข้อมูลที่เกี่ยวกับพัฒนาการที่ล้าช้าของเด็ก ควรพูดคุยกับผู้ปกครองโดยเร็ว  ข้อแนะนำเกี่ยวกับพัฒนาการของเด็กและคุณอาจพบเคล็ดลับที่มีประโยชน์เหล่านี้
  • พูดคุยเกี่ยวกับพัฒนาการของเด็กบ่อยๆ ไม่ใช่เฉพาะเมื่อคุณกังวล
  • ใช้ทักษะการฟังที่ดี อนุญาตให้ผู้ปกครองพูดโดยไม่ขัดจังหวะพวกเขาและพูดเรื่องที่พวกเขากังวลซ้ำ เพื่อให้พวกเขารู้ว่าคุณให้ความสนใจอย่างใกล้ชิด
  • พิจารณาให้เพื่อนร่วมงานทราบในการประชุม 
  • โปรดระวัง ผู้ปกครองอาจตอบสนองทางอารมณ์ที่รุนแรง ขึ้นอยู่กับพื้นฐานของแต่ละครอบครัว 
  • บันทึกพัฒนาการของเด็ก
  • ส่งเสริมให้มีกุมารแพทย์ประจำครอบครัว

ข้อสรุป

ทารก เด็กวัยเตาะแตะ และเด็กวัยเรียน จะพัฒนาทักษะและความสามารถใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องเมื่อโตขึ้น เด็กทุกคนมีพัฒนาการในแต่ละก้าวของตัวเอง การใช้รายการตรวจสอบพัฒนาการอาจเป็นประโยชน์สำหรับผู้ปกครองและผู้ดูแลเด็ก ที่ต้องการให้แน่ใจว่าเด็กเติบโตอย่างสมบูรณ์ตามวัย แต่สิ่งสำคัญเช่นกันคือต้องหมั่นตรวจสอบพัฒนาการของเด็กเสมอ เนื่องจากพัฒนาการจะมีการเปลี่ยนแปลงเรื่อยๆ หากคุณกังวลว่าจะพลาดในการสังเกตพัฒนาการของเด็ก แพทย์สามารถพูดคุยกับคุณและสามารถทำการตรวจคัดกรองพัฒนาการได้ตามต้องการ เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น นอกจากนี้คุณยังสามารถติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการ การเรียนในโรงเรียนระยะแรกและการเรียนพิเศษ สามารถช่วยให้เด็กได้รับการประเมินได้  ความผูกพันของพ่อแม่ โภชนาการที่ดี การนอนหลับที่เพียงพอ สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย การดูแลที่บ้านและโรงเรียนที่ดี จะช่วยให้เด็กๆมีพัฒนาการที่ดีที่สุดเท่าที่ควรจะมี

ข้อควรระวังในพัฒนาการของทารก

พัฒนาการของเด็กเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและไม่หยุดนิ่งซึ่งเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย ความรู้ความเข้าใจ สังคม และอารมณ์ตั้งแต่วัยทารกจนถึงวัยรุ่น ผู้ปกครอง ผู้ดูแล และนักการศึกษาควรระมัดระวังและใส่ใจในการพัฒนาเด็กในด้านต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าเด็กมีการเจริญเติบโตและความเป็นอยู่ที่ดี ข้อควรพิจารณาที่สำคัญมีดังนี้:
  • การกระตุ้นและการเรียนรู้ตั้งแต่เนิ่นๆ : จัดให้มีสภาพแวดล้อมที่กระตุ้นและเสริมสร้างคุณค่าให้กับเด็กๆ โดยเฉพาะในช่วงปีแรกๆ ที่สำคัญ ส่งเสริมการสำรวจ การเล่น และกิจกรรมการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับวัยเพื่อส่งเสริมการพัฒนาความรู้ความเข้าใจและสติปัญญา
  • โภชนาการและสุขภาพ : ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเด็กได้รับอาหารที่สมดุลและการดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ โภชนาการที่เหมาะสมเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตทางร่างกาย การพัฒนาทางปัญญา และความเป็นอยู่โดยรวม
  • ความปลอดภัย : ป้องกันเด็กในบ้านและสภาพแวดล้อมของคุณเพื่อลดอันตรายที่อาจเกิดขึ้น ดูแลเด็กๆ โดยเฉพาะเด็กเล็ก เพื่อป้องกันอุบัติเหตุและการบาดเจ็บ
  • การสนับสนุนทางอารมณ์ : ส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนด้วยความรักและอารมณ์ แสดงความรัก มีปฏิสัมพันธ์เชิงบวก และตอบสนองต่อความต้องการทางอารมณ์ของเด็ก ส่งเสริมการแสดงออกถึงความรู้สึกและอารมณ์
  • กิจวัตรและความสม่ำเสมอ : สร้างกิจวัตรประจำวันและขอบเขตที่สอดคล้องกัน กิจวัตรที่คาดเดาได้ช่วยให้เด็กๆ รู้สึกปลอดภัยและเข้าใจสิ่งที่คาดหวัง
  • ส่งเสริมความเป็นอิสระ : สนับสนุนความรู้สึกอิสระและความเป็นอิสระของเด็กที่เพิ่มขึ้น ปล่อยให้พวกเขาตัดสินใจเลือกให้เหมาะสมกับวัยและรับผิดชอบ
  • ปฏิสัมพันธ์ทางสังคม : ส่งเสริมปฏิสัมพันธ์ทางสังคมกับเพื่อนฝูงและผู้ใหญ่ ทักษะทางสังคมมีความสำคัญต่อการสร้างความสัมพันธ์และการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์
  • การพัฒนาภาษา : ส่งเสริมพัฒนาการทางภาษาผ่านการพูดคุย การอ่าน และการสนทนากับเด็กๆ การได้สัมผัสกับสภาพแวดล้อมทางภาษาที่หลากหลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทักษะการสื่อสารและการพัฒนาความรู้ความเข้าใจ
  • การออกกำลังกาย : ส่งเสริมการออกกำลังกายและการเล่นกลางแจ้ง การพัฒนาทางกายภาพ การประสานงาน และทักษะการเคลื่อนไหวเป็นองค์ประกอบสำคัญของพัฒนาการเด็ก
  • จำกัดเวลาหน้าจอ : คำนึงถึงเวลาหน้าจอและการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ การใช้เวลาอยู่หน้าจอมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อพัฒนาการและสุขภาพของเด็กได้
  • การติดตามเหตุการณ์สำคัญ : ทำความคุ้นเคยกับเหตุการณ์สำคัญด้านการพัฒนาโดยทั่วไปสำหรับกลุ่มอายุต่างๆ หากคุณสังเกตเห็นความล่าช้าหรือข้อกังวล ให้ขอคำแนะนำจากกุมารแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเด็กปฐมวัย
  • วินัยเชิงบวก : ใช้เทคนิควินัยเชิงบวกที่เน้นการสอนพฤติกรรมที่เหมาะสมมากกว่าการลงโทษ ส่งเสริมทักษะการควบคุมตนเองและการแก้ปัญหา
  • ความอ่อนไหวทางวัฒนธรรม : ตระหนักและเคารพความแตกต่างทางวัฒนธรรมในการเลี้ยงดูเด็ก สิ่งที่ถือว่าเหมาะสมอาจแตกต่างกันไปตามวัฒนธรรม
  • การสนับสนุนความต้องการพิเศษ : หากเด็กมีความต้องการพิเศษหรือความท้าทายด้านพัฒนาการ ให้ขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญและบริการสนับสนุนตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะของพวกเขา
  • การดูแลตนเองของผู้ปกครอง : ดูแลสุขภาพร่างกายและอารมณ์ของตนเอง ความเครียดจากผู้ปกครองอาจส่งผลต่อพัฒนาการของเด็กได้ ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรักษาสุขภาพของตนเองและขอความช่วยเหลือเมื่อจำเป็น
โปรดจำไว้ว่าเด็กแต่ละคนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และพัฒนาการก็เกิดขึ้นในอัตราที่แตกต่างกัน สิ่งที่ใช้ได้ผลกับเด็กคนหนึ่งอาจไม่ได้ผลกับอีกคนหนึ่ง การเอาใจใส่ต่อความต้องการส่วนบุคคลของเด็ก และการจัดให้มีสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นและช่วยเหลือเป็นกุญแจสำคัญในการส่งเสริมพัฒนาการที่ดีต่อสุขภาพ นอกจากนี้ การขอคำแนะนำจากกุมารแพทย์ นักการศึกษา และผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็กเมื่อจำเป็นสามารถช่วยให้แน่ใจว่าเด็กจะใช้ศักยภาพสูงสุดของตนได้
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
  • https://childdevelopment.com.au/areas-of-concern/what-is-child-development/
  • https://www.cdc.gov/ncbddd/childdevelopment/index.html
  • https://www.verywellfamily.com/child-development-overview-4172261
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด