การดูแลผู้สูงอายุ (Caring For Elderly) – ปัญหาที่พบบ่อย การป้องกัน

ไม่สำคัญว่าคุณจะอายุเท่าไร สิ่งที่สำคัญคือ การดูแลร่างกายตนเอง และป้องกันเรื่องการเจ็บป่วย แต่ถ้าหากคุณอายุ 65 ปี หรือมากกว่า โรคบางอย่างง่ายๆอย่าง เช่น โรคไข้หวัด หรือหวัดธรรมดาๆก็สามารถทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ รวมไปถึงการติดเชื้อทุติยภูมิ เช่น ปอดอักเสบ หลอดลมอักเสบ หูติดเชื้อ หรือติดเชื้อไซนัส หากคุณเป็นโรคเรื้อรัง เช่น หอบหืด หรือโรคเบาหวาน อาการเจ็บป่วยทางเดินหายใจก็อาจแย่ลง เพราะเหตุนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญในการทำให้ระบบภูมิต้านทานแข็งแรง และลดอาการป่วยที่อาจเกิดขึ้น อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจเพิ่มเติม โรคไซนัสอักเสบ

ปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ

ปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในผู้สูงอายุแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ กลุ่มแรกคือ กลุ่มโรคสามัญทั่วไป เช่น เบาหวาน ความดัน ไต หัวใจ ส่วนกลุ่มที่สองเป็นกลุ่มที่เกิดเฉพาะกับผู้สูงอายุ เกิดจากการชราภาพ เช่น อาการสับสน

โรคของผู้สูงอายุที่พบได้บ่อย

ต่อไปนี้คือ 9 เคล็ดลับในการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ

1. ทำกิจกรรมอยู่เสมอ

การทำกิจกรรมอยู่เสมอคือ การเสริมระบบภูมิต้านทาน ยิ่งมีการเคลื่อนไหวมากขึ้นเท่าไรร่างกายก็จะยิ่งสามารถต่อสู้กับการอักเสบ และการติดเชื้อมากเท่านั้น กิจกรรมที่เข้าร่วมจะต้องไม่หนักมากจนเกินไป การออกกำลังแบบมีแรงกระแทกต่ำก็ให้ผลดีเท่ากัน คุณอาจเลือกการขี่จักรยาน เดิน ว่ายน้ำ หรือแอโรบิคที่มีแรงกระแทกต่ำ หากทำได้ควรเลือกออกกำลังกายแบบปานกลางเป็นเวลา 20 ถึง 30 นาทีต่อวันเพื่อให้ได้ตามคำแนะนำคือ 150 นาทีต่อสัปดาห์ และควรเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงด้วยการยกน้ำหนัก หรือเล่นโยคะ ปรับเปลี่ยนการออกกำลังของคุณเพื่อหาสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกดีที่สุดสำหรับคุณ

2. รับประทานอาหารเสริมเท่าที่จำเป็น

อาหารเสริมบางอย่างจะช่วยทำให้ระบบภูมิต้านทานมีสุขภาพที่ดี ก่อนรับประทานอาหารเสริมควรปรึกษาแพทย์เสมอเพื่อความปลอดภัย โดยเฉพาะหากคุณกำลังรับประทานยาตามแพทย์สั่ง อาหารเสริมบางชนิดที่อาจแนะนำนั้นอาจรวมไปถึง แคลเซียม วิตามินดี วิตามินบี 6 หรือวิตามินบี 12

Caring For Elderly

3. รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ

รับประทานผัก และผลไม้ เนื้อไม่ติดมันเพื่อเสริมสร้างระบบภูมิต้านทาน และป้องกันต่อสู้กับไวรัส และแบคทีเรียที่เป็นอันตรายที่เป็นสาเหตุของการเจ็บป่วย ผัก และผลไม้คือ แหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีเยี่ยม สารต้านอนุมูลอิสระจะช่วยป้องกันเซลล์ไม่ให้เกิดความเสียหาย และช่วยทำให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดี คุณควรจำกัดการบริโภคน้ำตาล และอาหารที่มีไขมัน ซึ่งสามารถไปกระตุ้นให้เกิดการอักเสบในร่างกาย และระบบภูมิต้านทานต่ำลง อีกทั้งยังควนจำกัดการบริโภคแอลกอฮอล์ด้วย ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับปริมาณแอลกอฮอล์ที่สามารถดื่มได้อย่างปลอดภัยต่อวันหรือต่อสัปดาห์

4. ล้างมือบ่อยๆ

การล้างมือเป็นประจำคือ ทางที่ดีที่สุดที่จะมีสุขภาพที่ดีได้ตลอด เชื้อไวรัสสามารถมีชีวิตอยู่บนพื้นผิวได้นานกว่า 24 ชั่วโมง เพราะอาจเป็นไปได้ที่คุณอาจจะป่วยได้หากคุณสัมผัสพื้นผิวที่มีเชื้อไวรัสติดอยู่ และมีการปนเปื้อนที่มือ จากนั้นก็นำไปสัมผัสที่ใบหน้า ล้างมือด้วยน้ำสบู่อุ่นๆอยู่เสมอ ให้ได้อย่างน้อย 20 วินาที หลีกเลี่ยงการจับสัมผัสบริเวณจมูก ใบหน้า และปากด้วยมือ คุณสามารถป้องกันตัวเองได้โดยใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมือที่ต้านเชื้อแบคทีเรียเมื่อคุณไม่สามารถล้างมือได้  ฆ่าเชื้อพื้นผิวบริเวณรอบบ้าน และสถานที่ทำงานบ่อยๆ

5. เรียนรู้วิธีการจัดการกับความเครียด

ความเครียดเรื้อรังจะทำให้ร่างกายผลิตคอร์ติซอล ฮอร์โมนแห่งความเครียดเพิ่มขึ้น คอร์ติซอลที่มีมากเกินไปจะไปรบกวนการทำงานส่วนต่างๆของร่างกาย ซึ่งรวมไปถึงระบบภูมิต้านทานของคุณ ควรลดความเครียดด้วยการเพิ่มกิจกรรมทางร่างกาย นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ ผ่อนคลาย และสนุกกับการทำกิจกรรมต่างๆ

6. นอนหลับพักผ่อนอย่างพอเพียง

การนอนหลับไม่ใช่เพียงแค่จะช่วยลดระดับความเครียดลงได้เท่านั้น แต่การนอนหลับยังช่วยซ่อมแซมร่างกายได้ด้วยตัวเองอีกด้วย  สำหรับเหตุผลนี้เอง การได้นอนหลับอย่างเหมาะสมสามารถส่งผลให้ระบบภูมิต้านทานแข็งแรงขึ้น และช่วยทำให้ร่างกายต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้ง่ายขึ้น การนอนหลับคือ สิ่งสำคัญเมื่อมีอายุมากขึ้นเพราะสามารถช่วยทำให้ความจำ และสมาธิดีขึ้น ควรนอนอย่างน้อยเจ็ดชั่วโมงครึ่งถึงเก้าชั่วโมงต่อคืน หากคุณมีปัญหาเรื่องการนอนหลับ ให้ปรึกษาแพทย์เพื่อค้นหาสาเหตุ สาเหตุของโรคนอนไม่หลับสามารถเกิดจากการทำกิจกรรมในระหว่างวันมากเกินไป และดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนมากไป

7. ทำตามขั้นตอนการป้องกันการติดเชื้อ

รับวัคซีนตามกำหนดเวลาคือ อีกหนึ่งวิธีในการมีสุขภาพที่ดีตลอดทั้งปี หาคุณมีอายุ 65 ปี หรือมากกว่า ให้ปรึกษาแพทย์ ไข้หวัดตามฤดูกาลมักเกิดขึ้นในช่วงระหว่างเดือนตุลาคม และพฤษภาคมในสหรัฐอเมริกา วัคซีนต้องใช้เวลาสองสัปดาห์เพื่อเห็นผล และสามารถลดความเสี่ยงการเกิดโรคไข้หวัดได้ 40 ถึง 60 เปอร์เซ็นต์เมื่อสายพันธ์ของวัคซีนตรงกับสายพันธ์ที่กำลังระบาด ไวรัสไข้หวัดเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละปี ดังนั้นคุณควรได้รับวัคซีนทุกปี คุณควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการรับวัคซีนปอดอักเสบเพื่อป้องกันโรคปอดอักเสบ และเยื่อหุ้มสมองอักเสบ

8. ตรวจร่างกายประจำปี

การตรวจเช็คร่างกายประจำปีจะสามารถช่วยดูแลสูขภาพของคุณได้ ปรึกษาแพทย์หากรู้สึกเป็นกังวลเกี่ยวกับสุขภาพ โรค เช่น โรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูงไม่สามารถรู้ได้ ดังนั้นการตรวจร่างกายเป็นประจำจะช่วยทำให้แพทย์สามารถวินิจฉัยปัญหาได้ตั้งแต่ในระยะต้นๆ การได้รับการรักษาในช่วงต้นอาการอาจช่วยป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว ดังนั้นหากคุณมีอาการหวัด หรือไข้หวัด ให้พบแพทย์ทันที ไวรัสไข้หวัดอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในผู้ที่มีอายุเกิน 65 ปี ระบบภูมิต้านทานอ่อนแอที่เป็นเมื่อมีอายุ จะทำให้ยากในการต่อสู้กับเชื้อไวรัส หากพบแพทย์ภายใน 48 ชั่วโมงแรกของอาการไข้หวัด แพทย์อาจสั่งจ่ายยาต้านไวรัสเพื่อช่วยลดความรุนแรง และอาการ อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจเพิ่มเติม ความดันโลหิตสูง

9. หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับคนป่วย

อีกทางหนึ่งในการป้องกันตัวเองให้มีสุขภาพที่ดีตลอดทั้งปีคือ การหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับคนป่วย  เป็นเรื่องง่ายที่จะพูดกว่าการกระทำ แต่เมื่อมีการระบาดของโรคไข้หวัดเกิดขึ้นในบริเวณที่อยู่ของคุณ ให้จำกัดการสัมผัสกับคนที่ป่วย และหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีผู้คนหนาแน่นไปจนกว่าโรคจะดีขึ้น หากคุณต้องออกไปนอกบ้าน ให้ป้องกันตัวเองด้วยการสวมหน้ากากอนามัย หากต้องดูแลคนป่วยให้สวมหน้ากากอนามัย และถุงมือยาง ล้างมือบ่อยๆ

กิจกรรมแนะนำสำหรับผู้สูงอายุ

การทำกิจกรรมต่างๆ ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความเป็นอยู่ที่ดีของผู้สูงอายุ การกระตุ้นจิตใจ การปฏิสัมพันธ์ทางสังคม และโอกาสในการออกกำลังกาย กิจกรรมแนะนำสำหรับผู้สูงอายุโดยคำนึงถึงความสนใจและความสามารถด้านต่างๆ มีดังนี้

1. ศิลปะและหัตถกรรม:

  • จิตรกรรมและการวาดภาพ:มีส่วนร่วมในกิจกรรมการวาดภาพหรือการวาดภาพ สีน้ำและดินสอสีสามารถเพลิดเพลินได้และน่ากลัวน้อยกว่า
  • โครงการหัตถกรรม:สร้างงานฝีมือง่ายๆ เช่น ถักนิตติ้ง ถักโครเชต์ หรือทำการ์ดอวยพร

2. การอ่านและการเขียน:

  • ชมรมหนังสือ:เข้าร่วมหรือก่อตั้งชมรมหนังสือเพื่อพูดคุยและแบ่งปันความคิดเห็นเกี่ยวกับหนังสือ
  • การจดบันทึก:ส่งเสริมการจดบันทึกรายวันเพื่อแสดงความคิด ความทรงจำ และความรู้สึก

3. เกมและปริศนา:

  • เกมกระดาน:เล่นเกมกระดาน เช่น สแครบเบิล หมากรุก หรือหมากฮอสเพื่อกระตุ้นจิตใจ
  • ปริศนาจิ๊กซอว์:ทำงานกับปริศนาจิ๊กซอว์ที่มีระดับความยากต่างกัน

4. ดนตรีและการเต้นรำ:

  • ช่วงการฟัง:เพลิดเพลินกับการฟังเพลงโปรดหรือสำรวจแนวเพลงใหม่ๆ ด้วยกัน
  • การเต้นรำ:มีส่วนร่วมในการเต้นเบาๆ หรือเพียงแค่เต้นตามเพลงโปรด

5. การทำสวน:

  • การทำสวนในภาชนะ:มีส่วนร่วมในการทำสวนในภาชนะด้วยพืชที่จัดการง่าย
  • เดินเล่นกลางแจ้ง:เดินเล่นสบายๆ ในสวนหรือพื้นที่กลางแจ้ง

6. เทคโนโลยี:

  • การสนทนาทางวิดีโอ:ใช้การสนทนาทางวิดีโอเพื่อเชื่อมต่อกับครอบครัวและเพื่อนฝูง
  • เกมและปริศนาออนไลน์:สำรวจเกมออนไลน์และของเล่นพัฒนาสมองที่ออกแบบมาสำหรับผู้สูงอายุ

7. การทำอาหาร:

  • สูตรอาหารง่ายๆ:เตรียมสูตรอาหารง่ายๆ ร่วมกันเพื่อความเพลิดเพลินและความรู้สึกถึงความสำเร็จ
  • ขนมอบ:อบคุกกี้ มัฟฟิน หรือขนมอื่นๆ เพื่อเป็นกิจกรรมที่อร่อย

8. การออกกำลังกาย:

  • การออกกำลังกายแบบใช้เก้าอี้:ออกกำลังกายแบบนั่งหรือโยคะแบบนั่งเก้าอี้เพื่อออกกำลังกายแบบเบาๆ
  • ไทชิ:ลองไทเก็กเพื่อการเคลื่อนไหวที่ช้าและไหลลื่น

9. การแสวงหาความรู้:

  • หลักสูตรออนไลน์:สำรวจหลักสูตรออนไลน์หรือวิดีโอเพื่อการศึกษาในหัวข้อที่สนใจ
  • การเรียนรู้ภาษา:เรียนรู้ภาษาใหม่โดยใช้แอพหรือหนังสือการเรียนรู้ภาษา

บทสรุป

โรคไข้หวัด และไวรัสอื่นๆสามารถเป็นอันตรายสำหรับผู้สูงอายุ คุณไม่สามารถป้องกันการเจ็บป่วยได้แต่สามารถป้องกันได้ด้วยการเสริมสร้างระบบภูมิต้านทานของคุณได้ การมีระบบภูมิต้านทานที่แข็งแรงจะช่วยทำให้คุณมีสุขภาพที่ดี และทำให้คุณแข็งแรงได้ตลอดทัน
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด