Car Seat
คุณอาจเคยคิดเยอะเรื่องคาร์ซีทแบบนั่งหันหน้าไปทางด้านหลังรถ นั้นเป็นวิธีที่นำลูกน้อยของคุณกลับบ้านจากโรงพยาบาลอย่างปลอดภัย แต่มาเวลานี้เมื่อลูกน้อยของคุณไม่ใช่เด็กทารกอีกต่อไปแล้ว คุณก็อาจกำลังเริ่มคิดว่าถึงเวลาที่จะเปลี่ยนเป็นคาร์ซีทแบบหันหน้าไปทางหน้ารถได้แล้วหรือยัง บางทีลูกน้อยของคุณอาจมีส่วนสูงและน้ำหนักถึงที่จำกัดไว้สำหรับคาร์ซีทแบบหันหน้าไปทางด้านหลังแล้ว และคุณก็กำลังสงสัยว่าคุณควรทำอย่างไรต่อไปดี หรือบางทีอาจไม่เกี่ยวกับข้อจำกัดเรื่องขนาดเท่านั้น แต่คุณคิดว่ามันถึงเวลาแล้วแล้วคุณก็อยากจะรู้ว่าคุณจะหันคาร์ซีทมาทางด้านหน้าดีหรือไม่ควรใช้คาร์ซีทแบบหันหน้าออกหน้ารถเมื่อไร
ปี 2018 สมาคมกุมารแพทย์แห่งอเมริกา (AAP) ได้ปล่อยคำแนะนำใหม่เรื่องความปลอดภัยของคาร์ซีทออกมา ส่วนหนึ่งของข้อแนะนำ พวกเขาย้ายข้อแนะนำอันก่อนที่เกี่ยวกับการให้เด็กนั่งหันหน้าไปทางด้านหลังจนกว่าจะสองขวบออกไป AAP ได้แนะนำว่าเด็กควรยังคงต้องนั่งหันไปทางด้านหลังจนกว่าจะมีน้ำหนัก ส่วนสูงตามที่จำกัดไว้ เด็กส่วนใหญ่มักจะเลิดนั่งหันหน้าไปทางด้านหลังก่อนอายุที่แนะนำ ข้อแนะนำนี้มาจากการวิจัยแล้วว่าการนั่งหันหน้าไปทางด้านหลังนั้นมีความปลอดภัยกว่าสำหรับศีรษะ คอและหลัง ซึ่งนั้นหมายความว่าลูกของคุณจะต้องนั่งหันหน้าไปทางด้านหลังไปจนกว่าจะถึงส่วนสูงและน้ำหนักตามที่กำหนดไปก่อนและตามข้อกฏหมายที่กำหนด บางทีกว่าลูกน้อยของคุณจะถึงน้ำหนักหรือส่วนสูงที่จำกัดไว้ก็น่าจะประมาณ 3 ขวบ-พวกเขาจึงพร้อมจะหันไปทางด้านหน้าขาของเด็กจะเป็นอย่างไร
พ่อแม่หลายคนเป็นกังวลเกี่ยวกับความจริงที่ว่าลูกของพวกเขาดูเหมือนขาจะงอพับหรือคับแคบเกินไปก่อนที่จะถึงส่วนสูงหรือน้ำหนักสูงสุด “เด็กๆจะนั่งได้อย่างปลอดภัยแม้ขาจะไขว้กัน หรือห้อยออกทางด้านข้างของคาร์ซีทก็ตาม การบาดเจ็บของขาจากการนั่งหันหน้าไปทางด้านหลังในเด็กพบได้น้อยมากๆ” จากข้อมูลของ AAPต้องนั่งคาร์ซีทแบบหันไปทางด้านหน้ารถไปนานแค่ไหน
เมื่อพวกเด็กได้นั่งคาร์ซีทแบบหันหน้าออกหน้ารถแล้ว ก็ขอแนะนำให้พวกเขายังคงนั่งต่อไปจนกว่าพวกเขาจะมีส่วนสูงและน้ำหนักตามที่จำกัดของเก้าอี้ของพวกเขา ซึ่งเก้าอี้คาร์ซีทแบบหันหน้าออกบางตัวอาจรับน้ำหนักได้ 60 ถึง 100 ปอนด์ ขึ้นอยู่แต่ละรุ่นของคาร์ซีท สิ่งสำคัญที่ควรจำให้ขึ้นใจคือเมื่อลูกน้อยของคุณโตพอที่จะนั่งหันหน้าออกหน้ารถแล้ว พวกเขาควรยังคงต้องใช้ที่นั่งเบาะเสริมเพื่อให้มั่นใจว่าสายคาดเข็มขัดนิรภัยของรถจะพอดีกับตัวของเด็ เด็กไม่ควรใช้สายคาดเข็มขัดนิรภัยเพียงลำพังจนกว่าพวกเขาจะมีส่วนสูง 4 ฟุต 9 นิ้ว-อายุน่าจะประมาณ 9-12 ปีคาร์ซีทชนิดหันหน้าออกหน้ารถที่ดีที่สุดคืออะไร
คาร์ซีททุกตัวที่ได้รับการรับรองจะต้องมีความปลอดภัยโดยไม่เกี่ยวกับเรื่องของราคา คาร์ซีทที่ดีที่สุดจะต้องพอดีสำหรับเด็ก พอดีกับยานพาหนะของคุณและมีการติดตั้งที่เหมาะสม ต่อไปนี้คือตัวเลือกที่เหมาะสมในการเลือกซื้อเมื่อต้องการให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกของคุณชนิดของคาร์ซีท
Car Seat เด็กแรกเกิด แบบหันไปทางด้านหลังเท่านั้น
คาร์ซีทชนิดนี้เป็นแบบเปล เป็น Car Seat เด็กแรกเกิดที่พ่อแม่ส่วนใหญ่เลือกใช้กับเด็กแรกเกิด คาร์ชนิดนี้มักมีส่วนฐานที่ติดตั้งอยู่ในรถ โดยมีส่วนที่เป็นที่นั่งสามารถโยกย้ายออกมาได้ ซึ่งส่วนที่นั่งนี้มักเอาไปจับคู่วางบนรถเข็นเด็กเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทาง ที่นั่งชนิดนี้ถูกออกแบบมาให้สามารถยกออกมานอกรถได้ จึงมักมีน้ำหนักเบา และทำให้มีส่วนสูงที่จำกัด เมื่อลูกคุณถึงข้อจำกัดของที่นั่งแบบหันหน้าไปทางด้านหลังแล้ว ตอนนั้นลูกน้อยของคุณน่าจะหนักประมาณ 35 ปอนด์หรือ สูง 35 นิ้ว เวลานี้ก็ถึงเวลาที่จะเปลี่ยนมาใช้คาร์ซีทแบบสามารถปรับเปลี่ยนได้หรือเปลี่ยนเป็นที่นั่งแบบ 3 อิน 1 ชนิดที่มีข้อจำกัดน้ำหนัก และส่วนสูงที่มากกว่าชนิดปรับเปลี่ยนได้
คาร์ซีทชนิดปรับเปลี่ยนได้ส่วนใหญ่มักใช้ในตตำแหน่งหันไปทางด้านหลังรถจนกระทั่งเด็กถึงน้ำหนักตัวที่จำกัด ประมาฯ 40-50 ปอนด์ เมื่อถึงเวลานั้น คาร์ซีทชนิดนี้จะสามารถหมุนกลับมาทางด้านหน้ารถได้ คาร์ซีทรูปแบบนี้จะมีขนาดใหญ่ และถูกออกแบบมาให้ติดตั้งติดอยู่กับยานพาหนะ คาร์ซีทนี้จะมีสายรัด 5 จุด ซึ่งสายรัดจะมีจุดสัมผัส 5 จุด-ไหล่สองข้าง สะโพกสองข้าง และบริเวณเป้าอีกหนึ่งจุดแบบออลอินวัน หรือ ทรีอินวัน
เป็นคาร์ซีทที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ แบบทรีอินวันที่ใช้ได้ทั้งแบบหันหน้าไปทางด้านหลังรถ และหันหน้าออกไปทางด้านหน้ารถได้ และเป็นที่นั่งเสริมได้ด้วย คุณจำเป็นต้องใช้คาร์ซีทแบบปรับเปลี่ยนได้ให้ถูกต้องตามแต่ละแบบที่แตกต่างกัน (หันไปด้านหลัง หันไปทางด้านหน้า และเบาะเสริม) ให้ถูกตามเวลาที่ควรใช้ ยกตัวอย่าง เช่น เมื่อลูกน้อยของคุณนั่งหันไปทางด้านหลัง เรื่องสำคัญก็คือสารรัดจะต้องถูกติดตั้งไว้ข้างใต้ไหล่ของเด็ก แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องหันคาร์ซีทไปทางด้านหน้ารถ สายรัดควรอยู่เหนือหัวไหล่คาร์ซีทแบบหันหน้าออกหน้ารถ
เป็นคาร์ซีทที่เป็นชนิดหันหน้าออกหน้ารถที่มีสายรัด 5 จุด และมาพร้อมกับที่นั่งเบาะเสริมที่สามารถนำไปใช้ร่วมกับสายรัดเข็มขัดนิรภัยบริเวณไหล่และหน้าตักเบาะเสริม
ลูกน้อยของคุณจะยังไม่พร้อมจะนั่งเบาะรองคาร์ซีทจนกว่าจะอายุอย่างน้อย 4 ขวบและส่วนสูงอย่างน้อย 35 นิ้ว ( เด็กควรโตพร้อมจะนั่งหันหน้าออกทางหน้ารถพร้อทกับสายรัดแบบห้าจุด) พวกเขาต้องสามารถนั่งได้อย่างเหมาะสมบนเบาะรองนั่งคาร์ซีท พร้อมกับตำแหน่งของสายรัดเข็มขัดนิรภัยมีความถูกต้องตรงบริเวณสะโพก และหน้าอก และต้องไม่มาพาดที่บริเวณคอ เป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งที่ต้องศึกษาคำแนะนำให้ดีก่อนจะเปลี่ยนจากคาร์ซีทแบบหันหน้าออกหน้ารถไปเป็นแบบเบาะเสริม เบ้าเสริมมีหลายรูปแบบตั้งแต่แบบที่นั่งยาวถึงแผ่นหลังไปจนถึงแบบแผ่นหลังสั้น และสามารถเคลื่อนย้ายได้ ปกติทั่วไป ลูกของคุณควรนั่งเบาะเสริมแบบหลังสูงหากเบาะที่นั่งในรถของคุณไม่มีที่พิงศีรษะ ควรเลือกเบาะรองนั่งที่สร้างความรู้สึกสบายพอดีตัว เพื่อให้ลูกของคุณยินยอมพร้อมใจจะนั่งอยู่บนนั้นต่อไป ลูกของคุณจำเป็นต้องนั่งเบาะเสริมเพื่อช่วยทำให้พวกเขาสามารถนั่งบนที่นั่งในรถได้พอดีเหมาะสม และคาดเข็มขัดนิรภัยได้อย่างปลอดภัยไปจนกว่าพวกเขาจะมีส่วนสูงเกิน 57 นิ้วขึ้นไป ( และแม้แต่พวกเขาจะโตพอไม่ต้องนั่งเบาะเสริมแล้วก็ตามพวกเขาก็ควรนั่งเบาะหลังไปจนกว่าพวกเขาจะอายุ 13 ปี!)การติดตั้งคาร์ซีท
เมื่อได้เวลาของการติดตั้งคาร์ซีท สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทำให้ถูกต้อง!- ก่อนการติดตั้ง ควรตรวจเช็ควิธีติดตั้งคาร์ซีทให้แน่ใจสองรอบว่าคาร์ซีทของคุณยังไม่หมดอายุหรือมีการถูกเรียกคืน
- ใช้อุปกรณ์ในการยึดคาร์ซีทอย่างเหมาะสม ควรใช้จุดยึดที่มีติดตั้งในรถยนต์ ระบบ LATCH หรือ ตัวที่มีติดตั้งมากับสายรัดนิรภัยเพื่อติดตั้งคาร์ซีทให้แน่นหนาอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่ควรใช้ทั้งสองแบบในเวลาเดียวกันเว้นเสียแต่ว่าคาร์ซีทของคุณระบุว่าต้องใช้พร้อมกัน
- เมื่อไรก็ตามที่คุณเลือกใช้ระบบ LATCH หรือตัวเลือกของสายรัดนิรภัยในการติดตั้งคาร์ซีทแบบหันหน้าออกทางหน้ารถ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องติดตั้งจุดเชื่อมคาร์ซีทเข้ากับรถยนต์เสมอ เป็นเรื่องสำคัญในการทำให้คาร์ซีทแบบหันหน้าออกทางหน้ารถมีมีความมั่นคงที่สำคัญ
- เมื่อคุณเลือกใช้ตัวเลือกสายรัดนิรภัย สิ่งที่สำคัญคือต้องแน่ใจว่าสายรักนิรภัยล็อคตัวคาร์ซีทได้แน่นหนาพอดี
- เมื่อเลือกใช้แบบเบาะเสริม ควรคาดสายรัดนิรภัยทั้งบริเวณหน้าตักและไหล่เสมอ อย่าใช้เฉพาะที่หน้าตักอย่างเดียว
- เมื่อคุณติดตั้งคาร์ซีทได้แน่นหนาดีแล้ว ควรแน่ใจด้วยว่ามีองศาที่ถูกต้องด้วย (คาร์ซีทหลายแบบจะมีจุดบอกเพื่อช่วยในการตัดสินใจ)
- ลงทะเบียนคาร์ซีทของคุณ เพื่อรับการแจ้งข้อมูลเรื่องความปลอดภัยและการการเรียกคืน
- จำไว้ว่าควรใช้คาร์ซีททุกๆครั้งในรถและรัดสายรัดอย่างเหมาะสม ไม่ควรให้ลูกของคุณนั่งในคาร์ซีทด้วยเสื้อกันหนาวที่หนาเทอทะ ซึงจะทำให้เกิดช่องว่างระหว่างสายรัดกับตัวของเด็กมากเกินไป หากในรถมีอากาศหนาวเย็นควรใช้ผ้ามาคลุมด้านบนตัวจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
ข้อควรคิด
คาร์ซีทคือของที่คุณต้องคิดถึงก่อนที่ลูกของคุณจะคลอด ควรทำการศึกษาเรื่องคาร์ซีทอย่างละเอียดก่อนที่คุณจะทิ้งคาร์ซีทแบบหันหน้าไปทางด้านหลังรถ ควรเช็คเรื่องส่วนสูงและน้ำหนักให้แน่ใจเสียก่อน หากลูกของคุณยังคงสามารถนั่งหันหน้าไปทางด้านหลังรถได้ อาจเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่จะปล่อยให้เด็กนั่งหันไปไปแบบเดิมแม้พวกเขาจะโตกว่า 2 ขวบแล้วก็ตาม แต่เมื่อใดก็ตามที่คุณตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนเป็นแบบหันหน้าไปทางหน้ารถแล้ว ควรเช็คเรื่องการติดตั้งที่เหมาะสมและถูกต้องกับรถของคุณคาร์ซีทราคาเท่าไหร่
คาร์ซีทมีหลากหลาย ราคา และหลากหลายยี่ ห้อ โดยมี ราคาตั้งแต่ 1200-10000 บาทการเลือกคาร์ซีท
การเลือกคาร์ซีทที่เหมาะสมสำหรับลูกของคุณถือเป็นการตัดสินใจที่สำคัญเพื่อความปลอดภัยในระหว่างการเดินทาง กระบวนการคัดเลือกเกี่ยวข้องกับการพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น อายุ น้ำหนัก ส่วนสูง และประเภทของยานพาหนะที่คุณมี คำแนะนำเพื่อช่วยคุณเลือกคาร์ซีทที่เหมาะสม:1. ทำความเข้าใจประเภทคาร์ซีท:
- คาร์ซีทแบบหันหน้าไปทางด้านหลัง:
- เหมาะสำหรับทารกและเด็กเล็ก
- ให้การปกป้องศีรษะ คอ และกระดูกสันหลังของเด็กได้ดีที่สุด
- มีสองประเภท: ที่นั่งสำหรับทารกเท่านั้น (หันหน้าไปทางด้านหลังเท่านั้น) และที่นั่งแบบปรับได้ (สามารถใช้หันหน้าไปทางด้านหลังและแปลงเป็นแบบหันหน้าไปทางด้านหน้าในภายหลัง)
- ที่นั่งในรถยนต์หันหน้าไปทางด้านหน้า:
- เหมาะสำหรับเด็กเล็กโตและเด็กก่อนวัยเรียน
- มีสายรัดห้าจุดเพื่อล็อคตัวเด็ก
- ที่นั่งแบบเปิดประทุนมักใช้ทั้งหันหน้าไปทางด้านหลังและหันหน้าไปทางด้านหน้า
- เบาะเสริม:
- ใช้สำหรับเด็กโตที่มีที่นั่งหันหน้าไปทางข้างหน้า
- จัดตำแหน่งเด็กให้คาดเข็มขัดนิรภัยของผู้ใหญ่ได้พอดี
- ออลอินวันคาร์ซีท:
- ที่นั่งอเนกประสงค์ที่สามารถใช้งานได้หลายรูปแบบ (หันหน้าไปทางด้านหลัง, หันหน้าไปทางด้านหน้า, บูสเตอร์)
- สะดวกในการใช้งานระยะยาวแต่อาจจะเทอะทะกว่า
2. พิจารณาอายุ น้ำหนัก และส่วนสูงของบุตรหลานของคุณ:
- เลือกคาร์ซีทให้เหมาะสมกับอายุ น้ำหนัก และส่วนสูงของเด็ก ตรวจสอบขีดจำกัดน้ำหนักและส่วนสูงที่กำหนดโดยผู้ผลิตเบาะรถยนต์
3. ตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัย:
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคาร์ซีทตรงหรือเกินกว่ามาตรฐานความปลอดภัยที่กำหนดโดยหน่วยงานกำกับดูแลในประเทศของคุณ มองหาฉลากใบรับรองบนเบาะนั่ง
4. พิจารณาความง่ายในการติดตั้ง:
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคาร์ซีทติดตั้งได้ง่ายอย่างถูกต้อง ปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิตและใช้ระบบ LATCH หรือเข็มขัดนิรภัยเพื่อยึดเบาะนั่ง
5. ใช้งานง่าย:
- มองหาคุณสมบัติที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้ เช่น การปรับสายรัด สายรัด และตัวล็อคได้ง่าย ตรวจสอบว่าฝาครอบถอดออกได้และซักด้วยเครื่องได้หรือไม่
6. ความเข้ากันได้กับยานพาหนะของคุณ:
- คาร์ซีทบางอันอาจไม่พอดีกับยานพาหนะบางคัน ตรวจสอบหลักเกณฑ์ของผู้ผลิตเบาะรถยนต์และคู่มือรถยนต์ของคุณเพื่อให้แน่ใจว่าสามารถใช้งานร่วมกันได้
7. พิจารณาไลฟ์สไตล์ของคุณ:
- หากคุณเดินทางบ่อยครั้งหรือสลับไปมาระหว่างยานพาหนะต่างๆ ให้พิจารณาถึงความสะดวกในการพกพาและความสะดวกในการเคลื่อนย้ายคาร์ซีท
8. วันหมดอายุ:
- คาร์ซีทมีวันหมดอายุ โดยปกติประมาณหกปีนับจากวันที่ผลิต อย่าใช้คาร์ซีทที่เลยวันหมดอายุไปแล้ว
9. งบประมาณ:
- แม้ว่าความปลอดภัยจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่ให้พิจารณางบประมาณของคุณด้วย มีคาร์ซีทหลายแบบให้เลือกในราคาที่แตกต่างกัน
10. อ่านรีวิว:
- รีวิวและการให้คะแนนจากผู้ปกครองคนอื่นๆ เพื่อรับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประสิทธิภาพ ความทนทาน และความสะดวกในการใช้งานคาร์ซีทที่คุณกำลังพิจารณา
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น