โบท็อกซ์คืออะไร 

โบท็อกซ์ คือ ยาฉีดที่มาจาก Botulinum Toxin Type A ซึ่งเป็นสารพิษที่ถูกสร้างโดยแบคทีเรีย Clostridium Botulinum ถึงแม้จะเป็นสารพิษชนิดเดียวกันกับที่ทำให้เกิดโรคบูทูลิซึม ผลที่เกิดจากสารพิษชนิดนี้แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปริมาณ และชนิด เช่น การฉีดโบท็อกซ์เป็นการฉีดในปริมาณน้อย ๆ และเฉพาะที่  เมื่อฉีดเข้าไปแล้ว โบท็อกซ์จะปิดกั้นสัญญาณจากเส้นประสาทไปสู่กล้ามเนื้อ ซึ่งจะไปป้องกันไม่ให้กล้ามเนื้อหดตัว สามารถบรรเทาอาการของกล้ามเนื้อบางอย่างได้ และทำให้ปัญหาริ้วรอยต่าง ๆ ดีขึ้น 

โบท็อกซ์ปลอดภัยไหม 

ถึงแม้ว่าบูทูลินัมเป็นสารพิษที่มีอันตรายถึงชีวิต แต่การใช้ในปริมาณน้อย ๆ เช่น  การฉีดโบท็อกซ์นั้นไม่เป็นอันตรายแม้ว่าจะมีความเสี่ยงเล็ก ๆ น้อยๆ ก็ตาม  เมื่อต้องการฉีดโบท็อกซ์ ควรไปฉีดกับแพทย์ผิวหนัง หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมพลาสติกที่มีใบรับรองในการฉีดโบท็อกซ์ หากไม่ได้รับการฉีดอย่างเหมาะสม อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง  หากคุณกำลังตั้งครรภ์และให้นมบุตรไม่ควรฉีดโบท็อกซ์ 

โบท็อกซ์ใช้เพื่ออะไร 

โบท็อกซ์เป็นที่รู้จักกันว่ามีความสามารถในการลดเลือนริ้วรอยต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น การฉีดโบท็อกซ์สามารถผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่เป็นสาเหตุของ: 
  • รอยตีนกา
  • รอยย่นระหว่างคิ้ว
  • รอยย่นที่หน้าผาก 
โบท็อกซ์ยังช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับกล้ามเนื้อต่าง ๆ เช่น:
  • หนังตาตก
  • ตากระตุก
  • ไมเกรนเรื้อรัง
  • การปวดต้นคอ (โรคคอบิดเกร็ง)
  • ภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกินไป 
  • เหงื่อออกมากเกินไป  
  • อาการทางระบบประสาทบางอย่าง เช่น ภาวะสมองพิการ 

Botox

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น 

ถึงแม้ว่าการฉีดโบท็อกซ์จะปลอดภัย แต่ผลข้างเคียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็อาจเกิดขึ้นได้ ดังนี้: 
  • มีอาการปวด บวม หรือช้ำบริเวณที่ฉีด 
  • ปวดหัว
  • มีไข้
  • หนาวสั่น 
อาการข้างเคียงบางอย่างอาจเกิดขึ้นบริเวณที่ถูกฉีด เช่น หากคุณฉีดโบท็อกซ์บริเวณดวงตา อาจมีอาการดังนี้: 
  • หนังตาตก 
  • คิ้วไม่เท่ากัน
  • ตาแห้ง 
  • น้ำตาออกมากเกินไป 
การฉีดรอบ ๆ ปากอาจทำให้เกิดอาการน้ำลายไหลได้ ผลข้างเคียงส่วนมากมักเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันแล้วหายไป  อย่างไรก็ตาม อาการหนังตาตก น้ำลายไหล และความไม่สมดุลอาจเป็นผลมาจากผลข้างเคียงของสารพิษต่อเนื้อเยื่อรอบ ๆ ซึ่งอาการอาจอยู่ได้นานหลายสัปดาห์  ในกรณีที่พบได้ไม่บ่อย คุณอาจมีอาการเหมือนโรคบูทูลิซึ่ม ควรพบแพทย์ทันทีหลังมีอาการเหล่านี้: 
  • พูดลำบาก 
  • กลืนลำบาก 
  • หายใจลำบาก 
  • มีปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็น
  • ควบคุมกระเพาะปัสสาวะไม่ได้ 
  • อ่อนแรง 

โบท็อกซ์มีผลข้างเคียงระยาวหรือไม่ 

ผลข้างเคียงจากโบท็อกซ์นั้นเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว ผู้คนส่วนมากมักจะฉีดซ้ำ อย่างไรก็ตาม การศึกษาเกี่ยวกับประสิทธิภาพระยะยาว และความปลอดภัยยังคงมีจำกัด  จากงานวิจัยแสดงให้เห็นว่า ความเสี่ยงของการเกิดโรคข้างเคียงนั้นไม่เพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ผู้ที่ฉีดโบท็อกซ์ซ้ำจะประสบความสำเร็จในการรักษาในระยะยาวได้ดีขึ้น  การศึกษาในปี 2015 แสดงให้เห็นว่า ผลข้างเคียงต่าง ๆ อาจมีดังนี้:  อย่างไรก็ตาม เรายังต้องการการค้นคว้าวิจัยที่มากขึ้นเกี่ยวกับผลข้างเคียงระยะยางของการฉีดโบท็อกซ์ 

ใครที่ไม่ควรทำโบท็อกซ์

แม้ว่าการฉีดโบท็อกซ์โดยทั่วไปถือว่าปลอดภัยสำหรับคนจำนวนมาก แต่ก็มีบางคนที่อาจจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงหรือเข้ารับการรักษาด้วยโบท็อกซ์ด้วยความระมัดระวัง จำเป็นต้องปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้าน เพื่อหารือเกี่ยวกับประวัติสุขภาพของแต่ละบุคคล ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และดูว่าโบท็อกซ์เหมาะสมหรือไม่ ข้อควรพิจารณาบางประการสำหรับบุคคลที่อาจจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงหรือเข้าใกล้ Botox อย่างระมัดระวัง:
  • สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร:
      • ความปลอดภัยของโบท็อกซ์ระหว่างตั้งครรภ์และให้นมบุตรยังไม่เป็นที่แน่ชัด เพื่อเป็นการป้องกันข้อผิดพลาด ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจำนวนมากแนะนำให้หลีกเลี่ยงการรักษาด้วยโบท็อกซ์ในช่วงเวลาเหล่านี้
  • อาการแพ้หรือความไว:
      • บุคคลที่ทราบว่าแพ้ส่วนประกอบใดๆ ของสูตรโบท็อกซ์ควรหลีกเลี่ยงการฉีดโบท็อกซ์ สิ่งสำคัญคือต้องแจ้งผู้ให้บริการด้านการแพทย์เกี่ยวกับอาการแพ้หรืออาการภูมิแพ้ใด ๆ ในระหว่างการรับคำปรึกษา
  • ความผิดปกติของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ:
      • ผู้ที่มีความผิดปกติของระบบประสาทและกล้ามเนื้อบางอย่าง เช่น myasthenia Gravis หรือ Lambert-Eaton syndrome อาจจำเป็นต้องหลีกเลี่ยง Botox เนื่องจากอาจทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงกำเริบได้
  • การติดเชื้อบริเวณที่ฉีด:
      • บุคคลที่ติดเชื้อทางผิวหนังหรืออักเสบบริเวณที่ฉีดควรเลื่อนการรักษาด้วยโบท็อกซ์จนกว่าอาการจะหาย
  • ยาบางชนิด:
      • ยาบางชนิดอาจมีปฏิกิริยากับโบท็อกซ์หรือเพิ่มความเสี่ยงของผลข้างเคียง สิ่งสำคัญคือต้องจัดเตรียมรายการยาที่ครอบคลุม รวมถึงยาที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์และอาหารเสริม ให้กับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ
  • อาการไม่พึงประสงค์ก่อนหน้า:
      • บุคคลที่เคยมีอาการไม่พึงประสงค์หรือภาวะแทรกซ้อนจากการรักษาด้วยโบท็อกซ์ในอดีตอาจจำเป็นต้องพิจารณาการฉีดยาเพิ่มเติมอีกครั้ง ซึ่งรวมถึงปัญหาต่างๆ เช่น รอยช้ำมากเกินไป ความไม่สมมาตร หรืออาการแพ้
  • เงื่อนไขทางการแพทย์เรื้อรัง:
      • ผู้ที่มีอาการป่วยเรื้อรัง เช่น โรคเกี่ยวกับหัวใจหรือระบบทางเดินหายใจ ควรแจ้งผู้ให้บริการด้านสุขภาพและหารือว่าโบท็อกซ์เหมาะสมกับพวกเขาหรือไม่
  • ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ:
      • บุคคลที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ไม่ว่าจะเนื่องมาจากสภาวะทางการแพทย์หรือการใช้ยา อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้มากกว่า การฉีดโบท็อกซ์มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อบริเวณที่ฉีด
  • สภาพตาบางประการ:
      • บุคคลที่มีปัญหาทางดวงตา เช่น โรคต้อหิน หรือมีประวัติจอตาหลุด อาจจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาด้วยโบท็อกซ์ด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากฉีดยาใกล้ดวงตา
  • การวางแผนการตั้งครรภ์:
    • ผู้หญิงที่กำลังวางแผนจะตั้งครรภ์ในอนาคตอันใกล้อาจเลือกที่จะชะลอการรักษาด้วยโบท็อกซ์ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหารือเกี่ยวกับการวางแผนครอบครัวกับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ
จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับคำปรึกษาอย่างละเอียดกับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพที่มีคุณสมบัติก่อนเข้ารับการรักษาด้วยโบท็อกซ์ ในระหว่างการให้คำปรึกษานี้ ผู้ให้บริการด้านสุขภาพจะประเมินประวัติสุขภาพของแต่ละบุคคล ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และความเหมาะสมของโบท็อกซ์สำหรับข้อกังวลหรือสภาวะเฉพาะ ปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพเสมอและเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อให้แน่ใจว่าได้รับประสบการณ์ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

นี่คือที่มาในบทความของเรา

  • https://www.medicalnewstoday.com/articles/158647
  • https://www.mayoclinic.org/tests-procedures/botox/about/pac-20384658
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด