บลูเบอร์รี่
บลูเบอร์รี่ คือ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ บลูเบอรี่มีรสหวาน อุดมด้วยสารอาหาร และเป็นที่นิยม นับว่าเป็นอาหารมหัศจรรย์ แคลอรีต่ำ ดีต่อสุขภาพ อร่อยและกินง่าย หลายคนชื่นชอบประโยชน์ของบลูเบอร์รี่
แคลอรีต่ำแต่สารอาหารสูง
ต้นบลูเบอรี่ (Vaccinium sect. Cyanococcus)เป็นไม้พุ่ม มีผลเล็กขนาด 5–16 มิลลิเมตร ที่ปลายผลมีวงแหวนเล็กๆ เมื่อผลอ่อนจะสีเขียว เมื่อแก่จะเป็นสีคราม บลูเบอรี่ เป็นผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่อุดมด้วยสารอาหาร บลูเบอร์รี่ 1ถ้วย ประกอบด้วย- ใยอาหาร 4 กรัม
- วิตามินซี 24% RDI
- วิตามินเค 36% RDI
- แมงกานีส 25% RDI
บลูเบอร์รี่สรรพคุณสุดยอดสารต้านอนุมูลอิสระ
สารต้านอนุมูลอิสระป้องกันร่างกายของคุณจากอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นโมเลกุลที่ไม่เสถียรที่ทำลายเซลล์และทำให้แก่เร็วและเป็นโรคต่างๆ เช่นมะเร็ง เชื่อกันว่าบลูเบอร์รี่มีสารต้านอนุมูลอิสระมากที่สุดในบรรดาผักผลไม้ทั่วไป สารต้านอนุมูลอิสระหลักในบลูเบอร์รี่เป็นตระกูล Polyphenol เรียกว่า Flavonoid และคิดว่าสาร Anthocyanins หนึ่งใน Flavonoid นี้ เป็นสารที่ทำให้บลูเบอร์รี่มีผลดีต่อสุขภาพ และพบว่าบลูเบอร์รี่เพิ่มระดับสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกายน้ำบลูเบอร์รี่ลดความเสียหายของ DNA ซึ่งช่วยป้องกันความแก่และมะเร็ง
ความเสียหายของ DNA เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ มันเกิดขึ้นตลอดเวลา เกิดขึ้นวันหนึ่งเป็นหมื่นๆครั้งในทุกๆเซลล์ของร่างกาย ความเสียหายของ DNA ทำให้เราแก่ลง และเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาของโรคเช่น มะเร็ง บลูเบอร์รี่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง จึงช่วยลดความเสียหายของ DNA จากอนุมูลอิสระบลูเบอร์รี่ประโยชน์ป้องกันโคเลสเตอรอลในเลือดถูกทำลาย
ความเสียหายจากการออกซิเดชั่น ไม่ได้จำกัดแค่ DNA ยังมีปัญหาเมื่อคอเลสเตอรอลเลวถูกออกซิไดซ์ โคเลสเตอรอลเลวมีส่วนในการเกิดโรคหัวใจ สารต้านอนุมูลอิสระในบลูเบอร์รี่ช่วยลดการออกซิเดชั่นของคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี ทำให้บลูเบอร์รี่ดีต่อสุขภาพหัวใจอาจช่วยลดความดันเลือด
บลูเบอร์รี่ดูจะมีผลดีสำหรับผู้ที่ความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคหัวใจ มีการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้และพบว่าบลูเบอร์รี่ลดความดันเลือดได้ผลบลูเบอร์รี่อาจช่วยป้องกันโรคหัวใจ
การกินบลูเบอร์รี่อาจช่วยลดความดันเลือดและป้องกันการออกซิเดชั่นของคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยง ไม่ใช่โรคหัวใจ แต่บลูเบอร์รี่ช่วยป้องกันหัวใจวาย ซึ่งเป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของโลก แต่ยังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันในเรื่องนี้ช่วยการทำงานของสมองและเพิ่มความจำ
อนุมูลอิสระที่มากเกินไปจะเร่งการแก่ของสมอง ทำให้มีผลทางลบต่อสมอง การศึกษาในหนูยืนยันเรื่องนี้ และการศึกษาในคนก็ได้ผลเช่นเดียวกัน ในกลุ่มผู้ที่มีการรับรู้เสียไปไม่มาก ให้ดื่มน้ำบลูเบอร์รี่ทุกวัน หลังจาก 12 สัปดาห์พบว่ามีตัวชี้วัดการทำงานของสมองหลายตัวเพิ่มขึ้น และการศึกษานานหกปีในคนชราพบว่าบลูเบอร์รี่และสตรอว์เบอร์รี่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการชะลอความแก่ของสมองได้มากถึง 2.5 ปีAnthocyanins ในบลูเบอร์รี่อาจช่วยต้านเบาหวาน
บลูเบอร์รี่มีน้ำตาลปานกลางเมื่อเทียบกับผลไม้อื่นๆ ในหนึ่งถ้วยมีน้ำตาล 15 กรัมซึ่งเท่ากับแอปเปิลผลเล็กหรือส้มผลใหญ่ แต่สารออกฤทธิ์ทางชีวภาพดูจะมีข้อดีมากกว่าน้ำตาลที่มีในบลูเบอร์รี่ ในเรื่องการควบคุมน้ำตาลในเลือด การศึกษาพบว่า Anthocyanins ในบลูเบอร์รี่มีผลดีต่อความไวต่ออินซูลินและการเผาผลาญกลูโคส ฤทธิ์ต้านเบาหวานนี้พบทั้งในน้ำบลูเบอร์รี่และสารสกัดบลูเบอร์รี่ การศึกษาในคนอ้วน 32 คนที่มีภาวะดื้อต่ออินซูลิน ให้ดื่มสมูทตี้บลูเบอร์รี่สองแก้วต่อวัน พบว่าความไวต่ออินซูลินดีขึ้นชัดเจน การเพิ่มความไวต่ออินซูลินอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเมตาบอลิคอและเบาหวานประเภทที่ 2 ซึ่งเป็นสองปัญหาสุขภาพใหญ่ของโลกอาจช่วยลดการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะพบบ่อยในผู้หญิง และเป็นที่รู้กันว่าน้ำแครนเบอร์รี่ช่วยป้องกันได้ และบลูเบอร์รี่เป็นญาติใกล้ชิดกับแครนเบอร์รี่ มีสารออกฤทธิ์หลายตัวเหมือนในแครนเบอร์รี่ มันช่วยป้องกันแบคทีเรียเช่น E. coli ไม่ให้จับกับผนังกระเพาะปัสสาวะ แต่มีการศึกษาน้อยมากเกี่ยวกับบลูเบอร์รี่และการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะอาจช่วยลดความเสียหายของกล้ามเนื้อหลังจากการออกกำลังกายอย่างหนัก
การออกกำลังกายอย่างหนักทำให้ปวดกล้ามเนื้อและอ่อนแรง เพราะมีการอักเสบและอนุมูลอิสระมากเกินไปในกล้ามเนื้อ อาหารเสริมบลูเบอร์รี่อาจช่วยลดความเสียหายที่ระดับโมเลกุล ลดความเจ็บปวดของกล้ามเนื้อการเก็บรักษาบลูเบอร์รี่นอกฤดูกาล
บลูเบอร์รี่สามารถเก็บรักษาไว้เพื่อใช้ในอนาคตได้ด้วยวิธีการต่างๆ ต่อไปนี้เป็นวิธีเก็บบลูเบอร์รี่ไว้ใช้อีกฤดูกาลหนึ่ง:- การแช่แข็ง:การแช่แข็งบลูเบอร์รี่เป็นหนึ่งในวิธีการถนอมอาหารที่ใช้กันทั่วไปและมีประสิทธิภาพ ต่อไปนี้เป็นวิธีแช่แข็งบลูเบอร์รี่:
- ล้างบลูเบอร์รี่แล้วซับให้แห้งเบา ๆ
- นำก้านหรือเศษซากออก
- กระจายบลูเบอร์รี่เป็นชั้นเดียวบนถาดอบและวางไว้ในช่องแช่แข็ง
- เมื่อผลเบอร์รี่แช่แข็งแล้ว ให้นำไปใส่ถุงแช่แข็งที่ปลอดภัยหรือภาชนะสุญญากาศเพื่อป้องกันการไหม้ของช่องแช่แข็ง
- การบรรจุกระป๋อง:บลูเบอร์รี่สามารถบรรจุกระป๋องในน้ำเชื่อมเพื่อการเก็บรักษาในระยะยาว กระบวนการนี้เกี่ยวข้องกับการเตรียมน้ำเชื่อมบรรจุกระป๋อง บรรจุผลเบอร์รี่ลงในขวดที่ผ่านการฆ่าเชื้อ ปิดผนึก และแปรรูปในกระป๋อง
- การทำแยมหรือแยม:บลูเบอร์รี่สามารถทำเป็นแยมหรือแยมได้ ซึ่งสามารถบรรจุกระป๋องเพื่อเก็บรักษาในระยะยาวได้ วิธีนี้เกี่ยวข้องกับการปรุงบลูเบอร์รี่ด้วยน้ำตาลและเพคติน จากนั้นจึงบรรจุส่วนผสมลงในขวดโหลที่ผ่านการฆ่าเชื้อ
สุดท้าย
บลูเบอร์รี่มีสารอาหารมากมาย ดีต่อสุขภาพ ช่วยให้หัวใจ สมองและอวัยวะในร่างกายทำงานดีขึ้น รสชาติที่หวานอร่อยทำให้กินง่าย มีทั้งบลูเบอร์รี่แช่แข็งและสดนี่คือแหล่งที่มาในแหล่งบทความของเรา
- https://www.medicalnewstoday.com/articles/287710
- https://www.webmd.com/diet/features/superfoods-everyone-needs
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น