ประโยชน์ของบลูเบอรี่ (Blueberries)

บลูเบอร์รี่

บลูเบอร์รี่ คือ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ บลูเบอรี่มีรสหวาน อุดมด้วยสารอาหาร และเป็นที่นิยม นับว่าเป็นอาหารมหัศจรรย์ แคลอรีต่ำ ดีต่อสุขภาพ อร่อยและกินง่าย หลายคนชื่นชอบ

ประโยชน์ของบลูเบอร์รี่

แคลอรีต่ำแต่สารอาหารสูง

ต้นบลูเบอรี่  (Vaccinium sect. Cyanococcus)เป็นไม้พุ่ม มีผลเล็กขนาด 5–16 มิลลิเมตร ที่ปลายผลมีวงแหวนเล็กๆ เมื่อผลอ่อนจะสีเขียว เมื่อแก่จะเป็นสีคราม บลูเบอรี่ เป็นผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่อุดมด้วยสารอาหาร บลูเบอร์รี่ 1ถ้วย ประกอบด้วย
  • ใยอาหาร 4 กรัม
  • วิตามินซี 24% RDI 
  • วิตามินเค 36% RDI
  • แมงกานีส 25% RDI
และยังมีน้ำ 85% แคลอรี่ 84 คาร์โบไฮเดรต 15 กรัมทำให้มันเป็นยอดผลไม้อุดมสารอาหาร  

บลูเบอร์รี่สรรพคุณสุดยอดสารต้านอนุมูลอิสระ 

สารต้านอนุมูลอิสระป้องกันร่างกายของคุณจากอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นโมเลกุลที่ไม่เสถียรที่ทำลายเซลล์และทำให้แก่เร็วและเป็นโรคต่างๆ เช่นมะเร็ง เชื่อกันว่าบลูเบอร์รี่มีสารต้านอนุมูลอิสระมากที่สุดในบรรดาผักผลไม้ทั่วไป สารต้านอนุมูลอิสระหลักในบลูเบอร์รี่เป็นตระกูล Polyphenol เรียกว่า Flavonoid และคิดว่าสาร Anthocyanins หนึ่งใน Flavonoid นี้ เป็นสารที่ทำให้บลูเบอร์รี่มีผลดีต่อสุขภาพ และพบว่าบลูเบอร์รี่เพิ่มระดับสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย

น้ำบลูเบอร์รี่ลดความเสียหายของ DNA ซึ่งช่วยป้องกันความแก่และมะเร็ง

ความเสียหายของ DNA เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ มันเกิดขึ้นตลอดเวลา เกิดขึ้นวันหนึ่งเป็นหมื่นๆครั้งในทุกๆเซลล์ของร่างกาย ความเสียหายของ DNA ทำให้เราแก่ลง และเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาของโรคเช่น มะเร็ง บลูเบอร์รี่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง จึงช่วยลดความเสียหายของ DNA จากอนุมูลอิสระ  

บลูเบอร์รี่ประโยชน์ป้องกันโคเลสเตอรอลในเลือดถูกทำลาย

ความเสียหายจากการออกซิเดชั่น ไม่ได้จำกัดแค่ DNA ยังมีปัญหาเมื่อคอเลสเตอรอลเลวถูกออกซิไดซ์ โคเลสเตอรอลเลวมีส่วนในการเกิดโรคหัวใจ สารต้านอนุมูลอิสระในบลูเบอร์รี่ช่วยลดการออกซิเดชั่นของคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี ทำให้บลูเบอร์รี่ดีต่อสุขภาพหัวใจ 

อาจช่วยลดความดันเลือด

บลูเบอร์รี่ดูจะมีผลดีสำหรับผู้ที่ความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคหัวใจ มีการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้และพบว่าบลูเบอร์รี่ลดความดันเลือดได้ 

ผลบลูเบอร์รี่อาจช่วยป้องกันโรคหัวใจ

การกินบลูเบอร์รี่อาจช่วยลดความดันเลือดและป้องกันการออกซิเดชั่นของคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยง ไม่ใช่โรคหัวใจ แต่บลูเบอร์รี่ช่วยป้องกันหัวใจวาย ซึ่งเป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของโลก แต่ยังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันในเรื่องนี้ Blueberries

ช่วยการทำงานของสมองและเพิ่มความจำ

อนุมูลอิสระที่มากเกินไปจะเร่งการแก่ของสมอง ทำให้มีผลทางลบต่อสมอง การศึกษาในหนูยืนยันเรื่องนี้ และการศึกษาในคนก็ได้ผลเช่นเดียวกัน ในกลุ่มผู้ที่มีการรับรู้เสียไปไม่มาก ให้ดื่มน้ำบลูเบอร์รี่ทุกวัน หลังจาก 12 สัปดาห์พบว่ามีตัวชี้วัดการทำงานของสมองหลายตัวเพิ่มขึ้น และการศึกษานานหกปีในคนชราพบว่าบลูเบอร์รี่และสตรอว์เบอร์รี่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการชะลอความแก่ของสมองได้มากถึง 2.5 ปี 

Anthocyanins ในบลูเบอร์รี่อาจช่วยต้านเบาหวาน

บลูเบอร์รี่มีน้ำตาลปานกลางเมื่อเทียบกับผลไม้อื่นๆ ในหนึ่งถ้วยมีน้ำตาล 15 กรัมซึ่งเท่ากับแอปเปิลผลเล็กหรือส้มผลใหญ่ แต่สารออกฤทธิ์ทางชีวภาพดูจะมีข้อดีมากกว่าน้ำตาลที่มีในบลูเบอร์รี่ ในเรื่องการควบคุมน้ำตาลในเลือด การศึกษาพบว่า Anthocyanins ในบลูเบอร์รี่มีผลดีต่อความไวต่ออินซูลินและการเผาผลาญกลูโคส ฤทธิ์ต้านเบาหวานนี้พบทั้งในน้ำบลูเบอร์รี่และสารสกัดบลูเบอร์รี่ การศึกษาในคนอ้วน 32 คนที่มีภาวะดื้อต่ออินซูลิน ให้ดื่มสมูทตี้บลูเบอร์รี่สองแก้วต่อวัน พบว่าความไวต่ออินซูลินดีขึ้นชัดเจน การเพิ่มความไวต่ออินซูลินอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเมตาบอลิคอและเบาหวานประเภทที่ 2 ซึ่งเป็นสองปัญหาสุขภาพใหญ่ของโลก 

อาจช่วยลดการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ

การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะพบบ่อยในผู้หญิง และเป็นที่รู้กันว่าน้ำแครนเบอร์รี่ช่วยป้องกันได้ และบลูเบอร์รี่เป็นญาติใกล้ชิดกับแครนเบอร์รี่ มีสารออกฤทธิ์หลายตัวเหมือนในแครนเบอร์รี่ มันช่วยป้องกันแบคทีเรียเช่น E. coli ไม่ให้จับกับผนังกระเพาะปัสสาวะ แต่มีการศึกษาน้อยมากเกี่ยวกับบลูเบอร์รี่และการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ 

อาจช่วยลดความเสียหายของกล้ามเนื้อหลังจากการออกกำลังกายอย่างหนัก

การออกกำลังกายอย่างหนักทำให้ปวดกล้ามเนื้อและอ่อนแรง เพราะมีการอักเสบและอนุมูลอิสระมากเกินไปในกล้ามเนื้อ อาหารเสริมบลูเบอร์รี่อาจช่วยลดความเสียหายที่ระดับโมเลกุล ลดความเจ็บปวดของกล้ามเนื้อ 

การเก็บรักษาบลูเบอร์รี่นอกฤดูกาล 

บลูเบอร์รี่สามารถเก็บรักษาไว้เพื่อใช้ในอนาคตได้ด้วยวิธีการต่างๆ ต่อไปนี้เป็นวิธีเก็บบลูเบอร์รี่ไว้ใช้อีกฤดูกาลหนึ่ง:
  • การแช่แข็ง:การแช่แข็งบลูเบอร์รี่เป็นหนึ่งในวิธีการถนอมอาหารที่ใช้กันทั่วไปและมีประสิทธิภาพ ต่อไปนี้เป็นวิธีแช่แข็งบลูเบอร์รี่:
    • ล้างบลูเบอร์รี่แล้วซับให้แห้งเบา ๆ
    • นำก้านหรือเศษซากออก
    • กระจายบลูเบอร์รี่เป็นชั้นเดียวบนถาดอบและวางไว้ในช่องแช่แข็ง
    • เมื่อผลเบอร์รี่แช่แข็งแล้ว ให้นำไปใส่ถุงแช่แข็งที่ปลอดภัยหรือภาชนะสุญญากาศเพื่อป้องกันการไหม้ของช่องแช่แข็ง
  • การบรรจุกระป๋อง:บลูเบอร์รี่สามารถบรรจุกระป๋องในน้ำเชื่อมเพื่อการเก็บรักษาในระยะยาว กระบวนการนี้เกี่ยวข้องกับการเตรียมน้ำเชื่อมบรรจุกระป๋อง บรรจุผลเบอร์รี่ลงในขวดที่ผ่านการฆ่าเชื้อ ปิดผนึก และแปรรูปในกระป๋อง 
  • การทำแยมหรือแยม:บลูเบอร์รี่สามารถทำเป็นแยมหรือแยมได้ ซึ่งสามารถบรรจุกระป๋องเพื่อเก็บรักษาในระยะยาวได้ วิธีนี้เกี่ยวข้องกับการปรุงบลูเบอร์รี่ด้วยน้ำตาลและเพคติน จากนั้นจึงบรรจุส่วนผสมลงในขวดโหลที่ผ่านการฆ่าเชื้อ
ไม่ว่าจะเลือกวิธีเก็บรักษาแบบใด สิ่งสำคัญคือต้องเก็บบลูเบอร์รี่อย่างเหมาะสมในที่เย็นและมืดหรือช่องแช่แข็งเพื่อรักษาคุณภาพ ภาชนะที่ปิดผนึกและติดฉลากอย่างเหมาะสมช่วยให้มั่นใจว่าภาชนะจะคงความสดและคงรสชาติไว้จนถึงฤดูกาลหน้า ปฏิบัติตามแนวทางที่แนะนำและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการเก็บรักษาอาหารเสมอเพื่อป้องกันการเน่าเสียหรือการปนเปื้อน

สุดท้าย

บลูเบอร์รี่มีสารอาหารมากมาย ดีต่อสุขภาพ ช่วยให้หัวใจ สมองและอวัยวะในร่างกายทำงานดีขึ้น รสชาติที่หวานอร่อยทำให้กินง่าย มีทั้งบลูเบอร์รี่แช่แข็งและสด

นี่คือแหล่งที่มาในแหล่งบทความของเรา

  • https://www.medicalnewstoday.com/articles/287710
  • https://www.webmd.com/diet/features/superfoods-everyone-needs
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด