คุณประโยชน์ของตำลึง (Benefits of Ivy Gourd)

ผักตำลึงคืออะไร

ตำลึงชื่อวิทยาศาสตร์ Coccinia grandis (L.) Voigt. เป็นพืชไม้เลื้อยชนิดหนึ่ง ลักษณะโคนใบจะคล้ายรูปหัวใจ ต้นตำลึงมีเถาหรือมือที่ใช้ยึดเกาะสิ่งต่าง ๆ ยื่นออกมาจากข้อของลำต้น ดอกตำลึงมีทั้งดอกเดี่ยวและดอกคู่ กลีบดอกมีสีขาว และรูปทรงของดอกจะคล้ายกับระฆัง ตำลึงอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนการที่สูงมีทั้งวิตามิน และแร่ธาตุหลายชนิด โดยเฉพาะที่ส่วนใบและยอดอ่อนของตำลึงที่ให้ทั้งพลังงาน โปรตีน เส้นใยอาหาร เบตาแคโรทีน  วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินซี แคลเซียม ฟอสฟอรัส และเหล็ก

คุณประโยชน์ของตำลึง ตำลึงสรรพคุณมีอะไรบ้าง

นอกจากคุณค่าทางโภชนาการที่สูงแล้ว ประโยชน์ของตำลึงยังมีอีกมากมาย ซึ่งล้วนส่งผลที่ดีต่อร่างกาย ได้แก่:

ใบตำลึงกับคุณค่าทางโภชนาการ

ในใบตำลึงและยอดอ่อนตำลึงที่มีน้ำหนัก 100 กรัมจะประกอบไปด้วยสารอาหาร ดังนี้
  • แคลอรี่ 39 กิโลแคลลอรี่
  • โปรตีน 3.3 กรัม
  • ไขมัน 0.4 กรัม
  • คาร์โบไฮเดรต 5.5 กรัม
  • ไฟเบอร์ 1 กรัม
  • แคลเซียม 126 มิลลิกรัม
  • ฟอสฟอรัส 30 มิลลิกรัม
  • เหล็ก 4.6 มิลลิกรัม
  • เบต้าแคโรทีน 5.1 มิลลิกรัม
  • วิตามินเอ 0.9 มิลลิกรัม
หมายเหตุ:คุณค่าทางโภชนาการเป็นเพียงตัวเลขโดยประมาณ และอาจแตกต่างกันไปตามพันธุ์และสภาพการเจริญเติบโต ตำลึงมีแคลอรี่ต่ำและเป็นแหล่งวิตามินซีที่ดี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สนับสนุนระบบภูมิคุ้มกันและสุขภาพผิว นอกจากนี้ยังมีใยอาหารบางชนิดซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพทางเดินอาหาร นอกจากนี้ มะระยังมีสารประกอบออกฤทธิ์ทางชีวภาพบางชนิด รวมถึงไตรเทอร์พีนอยด์และฟลาโวนอยด์ ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ในระบบการแพทย์แผนโบราณ ตำลึงถูกนำมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ รวมถึงคุณสมบัติในการต้านเบาหวานและต้านการอักเสบ   เช่นเดียวกับอาหารอื่นๆ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรวมผักและผลไม้หลากหลายชนิดไว้ในอาหารของคุณเพื่อให้แน่ใจว่าได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน หากคุณมีข้อกังวลหรือสภาวะด้านสุขภาพที่เฉพาะเจาะจง ขอแนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพหรือนักโภชนาการที่ลงทะเบียนเพื่อขอคำแนะนำด้านอาหารเฉพาะบุคคล

ใบตำลึงช่วยกำจัดกลิ่นตัว

มนุษย์มักมีกลิ่นตัวอันเนื่องมาจากเหงื่อและคราบสกปรกต่าง ๆ โดยเฉพาะในบริเวณที่มีความอับชื้นอย่างรักแร้ หรือที่เรียกว่ากลิ่นเต่า ซึ่งสามารถใช้ตำลึงบรรเทากลิ่นได้ โดยนำเถาและใบตำลึงมาตำผสมกับปูนแดงแล้วทาบริเวณรักแร้ ทิ้งไว้สักครู่แล้วล้างออก กลิ่นตัวที่รุนแรงจะลดลงได้Benefits of Ivy Gourd

ตำลึงสรรพคุณบำรุงผิวพรรณ

ตำลึงสามารถนำมาใช้บำรุงผิวหน้าให้ดูเต่งตึงได้ ด้วยการนำยอดตำลึงและน้ำผึ้งอย่างละครึ่งถ้วย มาปั่นรวมกันในโถผสม ปั่นจนเนื้อละเอียดเนียน แล้วจึงนำมาพอกหน้าที่ล้างสะอาดดีแล้ว พอกทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวาน

มีงานวิจัยที่ได้นำส่วนต่าง ๆ ของต้นตำลึงไปทดสอบและพบว่าสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ โดยสารสกัดจากส่วนลำตันของตำลึงสามารถกระตุ้นการนำกลูโคสเข้าสู่เซลล์ได้ ช่วยเพิ่มระดับของอินซูลิน ปรับสมดุลการสังเคราะห์ไกลโคเจน ซึ่งเมื่อไกลโคเจนไม่ถูกปรับโครงสร้างมาเป็นกลูโคส ก็จะส่งผลให้ระดับกลูโคสในกระแสเลือดลดลง มีงานวิจัยโดยให้ผู้ป่วยเบาหวานรับประทานสารสกัดจากใบตำลึงและผลตำลึงด้วยแอลกอฮอล์ 50% ปริมาณ 1 กรัมต่อวัน นานต่อเนื่องติดต่อกัน 90 วัน พบว่าผู้ป่วยจะมีระดับน้ำตาลในเลือดลดลง โดยไม่มีผลข้างเคียง จึงสามารถลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานได้ และยังมีงานวิจัยที่ให้ผู้ป่วยรับประทานผงตำลึงแห้งที่นำไปอัดเป็นเม็ด โดยรับประทานครั้งละ 3 เม็ด นาน 3 สัปดาห์ พบว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดดีขึ้น

ใบตำลึงบรรเทาอาการปวดและอักเสบของร่างกาย

มีผลงานวิจัยที่ได้เปรียบเทียบสรรพคุณตำลึงในการบรรเทาอาการปวดเปรียบเทียบกับมอร์ฟีน สารสกัดจากพืชอีกชนิดที่นิยมนำมาใช้แก้ปวด พบว่าตำลึงมีฤทธิ์ใกล้เคียงกับมอร์ฟีน โดยไม่ต้องเสี่ยงกับภาวะติดสารเสพติดอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีผลงานวิจัยในหนูทดลองที่ชี้ว่าสารสกัดจากต้นตำลึงมีฤทธิ์ในการด้านทานการอักเสบได้เทียบเท่ากับยาไดโคลฟีแนค โดยสารสกัดจากส่วนใบตำลึงจะให้ผลในการรักษาที่ดีที่สุด ซึ่งนอกจากจะรับเข้าทางร่างกายด้วยการรับประทาน หรือฉีดเข้าร่างกายแล้วยังสามารถนำมาทาที่ผิวหนังโดยตรง เพื่อลดรอยแดงที่เกิดจากยุงกัดได้อีกด้วย

ใบตำลึงสรรพคุณในการบำรุงสายตา

ในตำลึงอุดมไปด้วยวิตามินเอ และเบต้าแคโรทีนในปริมาณมาก ซึ่งสารทั้ง 2 ชนิดมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ จึงช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์สายตา ช่วยบำรุงดวงตาให้มีสุขภาพที่ดี ทางการแพทย์แผนไทยเชื่อว่าการนำน้ำต้มจากเถาตำลึงมาหยอดตาจะช่วยบรรเทาอาการตาแดง และตาอักเสบได้

ตำลึงสรรพคุณช่วยให้กระดูกแข็งแรงขึ้น

เนื่องจากผักตำลึงมีแร่ธาตุที่สำคัญต่อร่างกายอยู่หลายชนิด โดยเฉพาะแคลเซียมที่มีในปริมาณที่สูงมาก และจากงานวิจัยยังพบว่าแคลเซียมในตำลึงนั้นร่างกายสามารถดูดซึมได้ง่ายกว่าแคลเซียมที่มาจากนมวัว จึงทำให้การกินตำลึงสามารถทดแทนแคลเซียมในกลุ่มผู้ที่มีอาการแพ้นมวัวได้

ช่วยปรับปรุงการทำงานของระบบย่อยอาหาร

ในผักตำลึงมีเอนไซม์อะไมเลสอยู่มาก ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่จำเป็นต่อการย่อยอาหารที่มีแป้งเป็นส่วนประกอบ ซึ่งหากอาหารจำพวกแป้งไม่สามารถย่อยได้ตามปกติก็จะทำให้เกิดอาการท้องอืด และแก๊สในกระเพาะอาหารได้ การรับประทานตำลึงจึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในระบบย่อยอาหารได้

โทษของตำลึง

ตำลึงมี 2 ประเภท คือตำลึงตัวผู้และตำลึงตัวเมีย ให้สังเกตที่ขนาดและความอวบของใบ โดยตำลึงตัวเมียนั้นจะมีขนาดใบที่อวบและใหญ่กว่า ในขณะที่ตำลึงตัวผู้จะมีใบที่แคบ และเรียวกว่า ซึ่งตำลึงที่สามารถนำมาบริโภคเป็นอาหารคือตำลึงตัวเมีย ส่วนตำลึงตัวผู้หากรับประทานมาก ๆ อาจมีผลข้างเคียงได้ การรับประทานตำลึงในปริมาณที่มากเกินไป จะเกิดโทษจากตำลึงได้ โดยอาจกระตุ้นให้ระบบย่อยอาหารทำงานหนักเกินไป หรือเกิดอาการข้างเคียงอย่างท้องเสียได้ จึงต้องรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ

วิธีการรับประทานตำลึง

ตำลึงเป็นผักที่มีรสจืดจึงสามารถนำไปปรุงอาหารได้หลากหลาย ส่วนที่นิยมรับประทานเป็นอาหารคือใบและยอดอ่อนของตำลึง โดยสามารถรับประทานสด หรือลวกเพื่อใช้เป็นเครื่องจิ้มกับน้ำพริก หรือนำไปใช้เป็นส่วนประกอบในน้ำซุปก็ได้ ส่วนประกอบอื่น ๆ ของตำลึงอย่างลูกตำลึง เถา และรากก็สามารถรับประทานได้ แต่นิยมใช้เพื่อปรุงเป็นยาพื้นบ้านมากกว่า
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด